เจ้าอาวาสวัดม่วง เข้ารับทราบข้อหา"แจ้งความเท็จ"
จากกรณีเมื่อวันที่ (29 มิ.ย.) นายศักดา เลิศฤทธิ์สมบูรณ์ ไวยาวัจกรวัดม่วง เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.เพชรเกษมว่า ถูกร้ายบุกเข้าไปลักทรัพย์ ภายในกุฏิพระราชวัชรพัฒนาทร (ณรงค์ โพธิ์กระทุ่ม) เจ้าอาวาสวัดม่วง เพชรเกษม บางแค กทม. และทรัพย์สินสูญหาย อาทิ เงินสด 10 ล้านบาท และทองคำแท่งหนัก 50 บาท รวม 5 แท่ง รวมน้ำหนัก 250 บาท มูลค่าประมาณกว่า 12 ล้านบาท รวมทรัพย์สิน 2 รายการ มูลค่ากว่า 22 ล้านบาท ได้หายไป ตามที่เสนอข่าวให้ทราบนั้น
ความคืบหน้าวานนี้(22ส.ค.) เวลา 16.00 น. มีรายงานว่า พระราชวัชรพัฒนาทร (ณรงค์ โพธิ์กระทุ่ม) เจ้าอาวาสวัดม่วง ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญาฯ ลงวันที่ 13 ส.ค.68 เดินทางเข้ามาพบ พ.ต.ท.ศุภสิทธิ์ มากผ่อง รอง ผกก.(สอบสวน) สน.เพชรเกษม เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาว่า "ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ เกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย"
เบื้องต้นพระราชวัชรพัฒนาทร เจ้าอาวาสวัดม่วง ได้ให้การปฏิเสธในข้อหาดังกล่าว โดยทางพนักงานสอบสวนจึงได้สอบปากคำ พร้อมพิมพ์ลายนิ้วมือเพื่อประกอบสำนวน ก่อนปล่อยตัวกลับไป โดยจะนัดหมายให้มาสอบปากคำเพิ่มเติมภายหลัง
มีรายงานอีกว่า หลังจากเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งความ ทางพนักงานสอบสวน และฝ่ายสืบสวน สน.เพชรเกษม ได้ประสานให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุภายในกุฏิ และเก็บพยานหลักฐาน โดยมีรูปเจ้าอาวาสวัดม่วง ชี้จุดที่เก็บเงินสดและทองคำ ต่อมาวันที่ 2 ก.ค. , 15 ก.ค. และวันที่ 4 ส.ค. ทางพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำเจ้าอาวาสวัดม่วงในฐานะผู้กล่าวหา
กระทั่งพบว่าทำให้การของเจ้าอาวาสวัดม่วงมีการปกปิดไม่ตรงกับข้อเท็จจริงกับข้อมูลที่เจ้าหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐานไว้ได้ ซึ่งเมื่อวันที่ 18 เม.ย.68 เจ้าอาวาสวัดม่วง และนายศักดา ไวยาวัจกร ได้นำทองคำหนัก 170 บาทไปขายที่ร้านทองแห่งหนึ่งย่านเยาวราช โดยนายศักดา เป็นผู้ทำธุรกรรมแทนเจ้าอาวาส แบ่งเป็นทองคำของเจ้าอาวาสหนัก 120 บาท (ทองแท่งหนัก 50 บาท 2 แท่ง และทองหนัก 20 บาท 1 แท่ง) ซึ่งทางเจ้าอาวาสวัดม่วง ยังไม่เคยให้การในประเด็นนี้กับทางพนักงานสอบสวน ซึ่งขัดแย้งกับข้อเท็จจริง ที่เคยแจ้งความไว้ในคดีนี้ครั้งแรกว่า เงินสดและทองคำดังกล่าว ที่อ้างว่าหายไปนั้นจะเก็บไว้เพื่อใช้จ่ายการก่อสร้างและกิจกรรมภายในวัด หรือซื้อทองคำแท่งมาเพื่อเก็งกำไรไว้นำไปใช้จ่ายในวัด
นอกจากนี้ทั้งชุดสืบสวนได้พบข้อมูลจากโทรศัพท์ของนายศักดา มีภาพการขายทองคำแท่งหนัก 170 บาท , เช็คเงินสดของธนาคารแห่งหนึ่ง ของร้านทองดังกล่าว สั่งจ่ายนายศักดา และภาพถ่ายวิดีโอ จากมือถือนายศักดา นำเงินสดที่ถอนจากธนาคารจำนวนกว่า 5.2 ล้าน ใส่กระเป๋าเดินทางส่งให้กับเจ้าอาวาสวัดม่วง และภาพคลิปวิดีโอขณะเจ้าอาวาสวัดม่วงนั่งนับเงินสดดังกล่าว
หลังจากพบมีหลักฐานดังกล่าวเจ้าหน้าที่จริงเรียกให้นายศักดาไปสอบปากคำ แต่นายศักดา ก็ยังยืนยันว่าไม่ได้นำทองคำที่แจ้งหายดังกล่าวไปขาย จึงเข้าข่ายข้อความอันเป็นเท็จ ประกอบกับทรัพย์สินที่แจ้งว่าถูกลักทรัพย์นั้นมีจำนวนมาก ในที่เกิดเหตุมีกล้องวงจรปิดบันทึกตลอดเวลา แต่เจ้าอาวาสวัดม่วงกลับนำวัสดุมาปิดหน้ากล้อง อันเป็นการผิดวิสัยของวิญญูชน และได้มี พระนิทัศน์ ประเสริฐ ได้เข้ามาพบพนักงานสอบสวนช่วยแจ้งความร้องทุกข์ ดำเนินคดีกับเจ้าอาวาสวัดม่วง และนายศักดา ในเรื่องแจ้งความและให้การอันเป็นเท็จเพื่อดำเนินคดี
ข่าวเวิร์คพอยท์23