เก้าอี้มันร้อน
ครับ…นั่งลงลูก!
ข่าวสารล่าสุดจับความได้ว่ามีคนไปเล่นพิเรนทร์ ตัดต่อคลิปเสียง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ บอกกับ “แพทองธาร ชินวัตร” ว่า “นั่งลงครับ” เป็น “นั่งลงลูก”
เป็นเรื่องดีที่รัฐบาลตั้งแต่หัวยันหางแถวช่วยกันค้นหาความจริงว่า มีการบิดเบือนประเด็นนี้ระหว่างการไต่สวนคดีคลิปฮุน เซนของศาลรัฐธรรมนูญ
เมื่อได้ความจริงแล้วก็เข้าใจให้ตรงกัน ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบ “แพทองธาร” การไปบิดเบือนคำพูดของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญถือเป็นความเลวทรามอัปยศ
ยอมรับไม่ได้ครับ
ยิ่งเป็นการบิดเบือนเพื่อหวังผลทางการเมืองด้วยแล้ว ก็ยิ่งจัญไร
ไม่ต่างจาก ฮุน เซน, ฮุน มาเนต, มาลี โสเจียตา ที่ยึดเอาเฟกนิวส์เป็นสาระสำคัญ
เลิกได้เลิกครับ
หากไม่ว่ากันด้วยข้อเท็จจริงแล้ว อย่าไปหาความถูกต้อง เพราะเริ่มด้วยเรื่องหลอกลวง ผลที่ตามมาก็ล้วนมีแต่เรื่องหลอกลวงทั้งสิ้น
แต่…นั่งลงลูก ก็ยังกระทบกับความมั่นคง ความรู้สึกของคนไทยน้อยกว่าประโยคที่ว่า
“…ไม่อยากให้อังเคิลไปฟังฝั่งคนที่เป็นฝั่งตรงข้ามกับเรา เพราะว่าถ้าไปฟัง แม่ทัพภาคที่ ๒ เป็นคนของฝั่งตรงข้ามหมดเลย ซึ่งพอไปฟังทางนั้นเสร็จ ก็ไม่อยากให้ท่านรู้สึกไม่ชอบใจหรือโกรธ เพราะจริงๆ แล้วไม่ใช่ความตั้งใจของเราเลย เพราะตอนนี้ทางนั้นเขาอยากจะดูเท่ เขาก็จะพูดอะไรออกมาที่มันไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ…”
เอาจริงๆ ไม่ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยออกมาอย่างไร ก็ยากที่จะเปลี่ยนความคิดของประชาชนที่มีต่อ “แพทองธาร” ได้
ไม่ว่าจะด้วยเทคนิคเจรจาอะไร แต่คำพูดมันมีความหมายตรงตัว
ไม่ต้องตีความใดๆ ทั้งสิ้น
และนี่ไม่ใช่เฟกนิวส์
แต่เป็นคำพูดที่ “แพทองธาร” ยอมรับว่าตัวเองพูดจริง
“ฝั่งตรงข้ามกับเรา”
เราคือใคร?
สนทนากันอยู่ ๒ คน คือ “แพทองธาร” กับ "ฮุน เซน" แถมมีล่ามเป็นเขมร
เราในที่นี้จึงเป็น ๓ คน ที่มีเสียงปรากฏอยู่ในคลิป
แล้วตรงไหนคือเทคนิคเจรจา?
“ฮุน เซน” ขู่ก่อนด้วยซ้ำว่า ชายแดนไทย-เขมร จะเป็นเหมือนฉนวนกาซา ฆ่ากันทุกวัน
แต่ “แพทองธาร” ยังนับญาติ
ไม่ทราบว่าในการไต่สวน “แพทองธาร” จะอ้างกับศาลอย่างไร และศาลจะเชื่อหรือไม่
แต่สำหรับประชาชนธรรมดา ๒ ตระกูลนี้มันมีเรื่องให้สงสัยมานานหลายปีแล้ว
คลิปเสียงเป็นแค่ปลายน้ำเท่านั้น
ย้ำนะครับ คลิปเสียงไม่ใช่ทั้งหมดของเรื่อง!
และไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่สุดในความสัมพันธ์ของ ๒ ตระกูลนี้
“แม่ทัพภาคที่ ๒ เป็นคนของฝั่งตรงข้ามหมดเลย”
ท่อนนี้ตรงไหนคือเทคนิคในการเจรจา
ฟังร้อยคนอ่านร้อยคน จะมีกี่คนที่เชื่อว่า เป็นเทคนิคในการเจรจา
ยกเว้นฟังเพี้ยน หูหาเรื่อง เช่น “นั่งลงครับ” เป็น “นั่งลงลูก” แบบนั้นต้องเปิดคลิปให้ฟังซ้ำๆ
ความจริงจะได้เข้าหู
แต่คำพูด “แพทองธาร” ฟังรอบเดียวก็จับความได้
ตะลึง!
ทำไมนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยถึงมองแม่ทัพภาคที่ ๒ เป็นฝ่ายตรงข้าม
ถ้า “แพทองธาร” พูดคำพูดนี้กับ “ทักษิณ ชินวัตร” ก็ไม่แปลกใจอะไรครับ
คงยังจำฝังใจจากการถูกรัฐประหารมาถึง ๒ ครั้ง
แต่นี่ พูดกับ “ฮุน เซน” บุคคลที่มีบารมีมากที่สุดของเขมร ว่า แม่ทัพภาคที่ ๒ เป็นฝ่ายตรงข้ามตัวเอง
เรื่องเป็นฝ่ายตรงข้ามกับ “ฮุน เซน” ตัดไปได้เลยครับ เพราะมันต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว แต่นายทหารยศพลโทระดับแม่ทัพเป็นฝ่ายตรงข้ามกับนายกรัฐมนตรี ฟังดูแล้วเหมือนประเทศไทยมีปัญหา
เช่นกันครับ กรณีนี้ไม่ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยออกมาเช่นไร มันก็เปลี่ยนความจริงไม่ได้ว่า ประชาชนมอง “แพทองธาร” เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ
มองไปที่ความจริงครับ เมื่อผู้นำสูงสุด ขัดแข้งขัดขากับแม่ทัพ การทำการรบกับศัตรูของชาติ จะประสบปัญหามากมาย ขาดการสนับสนุน
แถมผู้นำสูงสุดมีจิตใจเอนเอียงไปยังศัตรู
อาจถึงขั้นสิ้นชาติได้!
“ก็ไม่อยากให้ท่านรู้สึกไม่ชอบใจหรือโกรธ”
มันเป็นเทคนิคการเจรจาตรงไหน?
ฟังกี่ครั้งก็เหมือนลูกน้องกลัวเจ้านายไม่ชอบ หรือเด็กกลัวผู้ใหญ่โกรธมากกว่า
นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย มาจากการเลือกของสส.ในสภา และ สส.มาจากประชาชนที่เลือกเข้าไปทำงานแทนในรัฐสภา
ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คือผู้นำสูงสุด เป็นหัวหน้ารัฐบาล คือผู้กำหนดและรับผิดชอบต่อนโยบายของรัฐบาล ทั้งในแง่เศรษฐกิจ การเมือง และสังคม
เป็นตำแหน่งที่ทรงเกียรติ
ผู้ดำรงตำแหน่งนี้ต้องดำรงอย่างมีศักดิ์ศรี
ไม่ว่าจะแสดงบทบาทไหน นายกรัฐมนตรี ต้องแสดงอย่างมีศักดิ์ศรี
และเช่นกัน…ไม่ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยประเด็นนี้อย่างไร ก็ยากที่จะเปลี่ยนความรู้สึกของประชาชน ที่มองว่า “แพทองธาร” ทำให้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไทย ไม่มีศักดิ์ศรี
ครับ…วันนี้คนในรัฐบาลพากันโวยวาย ไม่พอใจกับการบิดเบือนคลิปเสียงในศาลรัฐธรรมนูญกันเป็นอย่างมาก และกุลีกุจอทำความจริงให้ปรากฏ
แต่กับคลิปเสียงที่ “แพทองธาร” ยอมรับว่าเป็นของจริงเสียงจริง ไม่มีตัวแสดงแทน คนในรัฐบาลกลับช่วยกันตีความคำพูดเป็นอย่างอื่น
ก็คงได้เวลา “นั่งลง” จริงๆ แล้วครับ
แต่มิใช่นั่งลงบนเก้าอี้นายกรัฐมนตรีอีกต่อไป
ลมเย็นแต่เก้าอี้มันร้อนครับ.