โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

ใช้เงินแก้ปัญหา? จีนแจกเงินช่วยค่าเลี้ยงลูก 3,600 หยวนต่อคน นาน 3 ปี หวังเพิ่มประชากร

TNN ช่อง16

เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา
จีนแจกเงินแม่ ช่วยค่าเลี้ยงลูก 3,600 หยวนต่อคน นาน 3 ปี หวังเพิ่มประชากร

ทางการจีนประกาศนโยบายกระตุ้นการเกิดครั้งใหญ่ ด้วยการแจกเงิน 3,600 หยวน ช่วยค่าเลี้ยงดูเด็ก หวังสู้วิกฤตประชากร

รัฐบาลจีนเดินหน้าเต็มสูบ หวังแก้วิกฤตประชากรที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันนี้จีนโดยอินเดียแซงหน้า หลุดแชมป์ประชากรเยอะที่สุดในโลกไปแล้ว และเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เพราะจะมีผลเศรษฐกิจในอนาคต ล่าสุดก็คือเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ทางการจีนได้ประกาศมาตรการกระตุ้นการเกิดครั้งสำคัญ ด้วยการเปิดตัวโครงการอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการดูแลบุตรทั่วประเทศ จะเริ่มมีผลบังคับใช้ทันทีในปีนี้ บ้านไหนมีเด็กใหม่ นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา จะได้เงินช่วยเหลือครอบครัวปีละ 3,600 หยวน (หรือประมาณ 16,000 บาท) ต่อเด็กหนึ่งคน และแจกยาวต่อเนื่องยาวไปถึงเด็กอายุ 3 ขวบ เรียกได้ว่าเป็นโปรโมชั่นจูงใจที่ทางการจีนตั้งใจงัดออกมาใช้ เพื่อให้รางวัลและกระตุ้นให้คนอยากมีลูกกันมากขึ้น

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นโยบายแจกเงินให้คนมีลูกครั้งนี้ คาดว่าจะมีครอบครัวที่ได้รับเงิน ครอบคลุมกว่า 20 ล้านครอบครัวทั่วประเทศ โดยเงินอุดหนุนที่รับแจกจากรัฐบาลก้อนนี้ คนที่ได้รับไปไม่ต้องกังวลเรื่องภาษี เพราะทางการนั้นจะยกเว้นให้ ไม่ต้องจ่ายภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และจะไม่ถูกนับรวมเป็นรายได้ด้วย

สาเหตุสำคัญของการแจกเงินครั้งนี้มาจากพยายามแก้ไขปัญหาอัตราการเกิดที่หดตัวลดลงต่อเนื่องถึง 7 ปีซ้อน แม้จะฟื้นตัวขึ้นมาบ้างเล็กน้อยในปีที่แล้วก็ตาม(2567) สวนทางกับจำนวนประชากรสูงวัยที่กำลังจะล้นประเทศ เนื่องจากจีนมีประชากรวัย 60 ปีขึ้นไปพุ่งสูงถึง 310 ล้านคน เมื่อสิ้นปีที่ผ่านมา ดังนั้นมาตรการแจกเงินในครั้งนี้จึงเป็นความหวังครั้งสำคัญ นอกเหนือจากการยกเลิกนโยบายลูกคนเดียวตั้งแต่ปี 2559 และยังมีส่งเสริมให้คนจีนมีลูกถึงสามคนในปี 2564

อย่างไรก็ตามก่อนจะมาถึงนโยบายครั้งใหญ่ของรัฐบาลกลาง ก่อนหน้านี้ รัฐบาลท้องถิ่นในจีนหลายแห่งก็ได้ริเริ่มโครงการนำร่องแจกเงินมาบ้างแล้วเช่นกัน แถมยังเห็นผลลัพธ์ในเชิงบวกในทันตา เช่น เมืองพานจือฮัว ในมณฑลเสฉวน ซึ่งเป็นเมืองแรกในประเทศที่ให้เงินอุดหนุน พบว่ามีจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 4 ปี และยังมีเมืองเทียนเหมิน ในมณฑลหูเป่ย พบว่าจำนวนเด็กเกิดใหม่ในปี 2567 เพิ่มขึ้นถึง 17% ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มสูงขึ้นมามากกว่าค่าเฉลี่ยของทั้งประเทศอย่างมีนัยสำคัญ

นักเศรษฐศาสตร์หนุนทางการจีน"แจกเงิน"กระตุ้นการเกิด ก่อนวิกฤตประชากรจะกระทบเศรษฐกิจ

นักเศรษฐศาสตร์ในจีนหลายคนออกมาแสดงความเชิงบวกต่อนโยบายของทางการจีนที่ใช้เงินในการส่งเสริมอัตราการเกิด เพราะแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลกำลังตระหนักว่า อัตราการเกิดที่ต่ำจะส่งผลต่อเศรษฐกิจ นโยบายนี้จึงถือเป็นก้าวสำคัญในแง่ของการแจกจ่ายเงินโดยตรงให้กับครัวเรือน

ประชากรจีนที่ลดลงอย่างต่อเนื่องได้กลายเป็นวิกฤตที่อาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของจีนในระยะยาว ไร้คนรุ่นใหม่ ไร้วัยแรงงาน กระทบต่อภาคการผลิต การพัฒนาประเทศ และการเติบโตทางเศรษฐกิจในฐานะมหาอำนาจทางเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่อันดับสองของโลก ขณะที่ตัวเลขผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นจะยังกลายเป็นภาระเป็นแรงกดดันต่อระบบบำนาญของประเทศที่หมายความว่ามีรายจ่ายมากกว่ารายรับ เพราะภาษีจากคนทำงานก็หายไป เป็นเรื่องที่ยิ่งต้องแบกหนักยิ่งขึ้นไปอีก

ดังนั้นการแจกเงินในครั้งนี้จึงเป็นยาแรงที่ทางการจีนหวังเห็นผล และข้อมูลจากการรายงานข่าวก็น่าสนใจ เพราะมีสามีภรรยาหลายคู่ในกรุงปักกิ่งบอกว่า มาตรการนี้น่าจะเป็นแรงจูงใจให้พวกเขามีลูกคนที่ 2 แต่ก็มีอีกหลายคู่ที่บอกว่าแรงจูงใจที่ว่านี้ยังไม่เพียงพอ เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูลูกมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก

สอดคล้องกับข้อมูลของสถาบันวิจัยประชากรหยูว่า (YuWa Population Research Institute) ในกรุงปักกิ่งเผยว่า จีนเป็นหนึ่งในประเทศที่มีค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูบุตรสูงที่สุดในโลก แซงหน้าสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยในการเลี้ยงดูบุตรในจีนจนถึงอายุ 18 ปี อยู่ที่ 538,000 หยวน ประมาณ 2 ล้าน 4 แสนบาท ขณะที่เด็กที่เติบโตในเมืองใหญ่ของจีน ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 667,000 หยวน หรือกว่า 3 ล้านบาท

"จาง เปิ่นป๋อ" นักวิจัยจากสถาบันคลังสมองภายใต้คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน (NDRC) ระบุว่า เงินอุดหนุนในรูปแบบตัวเงินเป็นมาตรการที่ขาดไม่ได้ในการส่งเสริมการมีบุตรเป็นที่ยอมรับในระดับสากลว่า สอดคล้องกับความเห็นของ"ศาสตราจารย์ซ่ง เจี้ยน"จากมหาวิทยาลัยเหรินหมิน ที่ชี้ว่าประเทศพัฒนาแล้วส่วนใหญ่ต่างใช้มาตรการลักษณะเดียวกันเพื่อแก้ปัญหาอัตราการเกิดต่ำ

ความเห็นจากคุณแม่ชาวจีนท่านหนึ่ง "หม่า อิง" ซึ่งเป็นคุณแม่ในเมืองกู่หยวน เขตปกครองตนเองหนิงเซี่ย กล่าวว่า ถึงเงินอุดหนุนจะไม่ได้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งหมด แต่ก็ช่วยเรื่องของจำเป็นอย่างนมผงกับผ้าอ้อมได้มาก ทำให้ภาระทางการเงินเบาลง

แต่ทั้งนี้การแจกเงินอาจจะช่วยกระตุ้นในระยะสั้น แต่ในการกระตุ้นระยะยาวต้องวางแผนให้รอบด้าน "ศาสตราจารย์เหมา จัวเยี่ยน" จากมหาวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์และธุรกิจแห่งปักกิ่ง (CUEB) ให้ความเห็นว่า มาตรการนี้ไม่ใช่ยาวิเศษ และยังจำเป็นที่จะต้องบูรณาการเข้ากับนโยบายอื่นๆอีกมากมาย เช่น สิทธิ์การลาเพื่อเลี้ยงดูบุตร บริการรับเลี้ยงเด็ก การศึกษา และที่อยู่อาศัย เพื่อกระตุ้นการมีลูกการเพิ่มประชากรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดได้

และที่ผ่านมารัฐบาลจีนยังได้เดินหน้ามาตรการส่งเสริมด้านอื่นๆ ควบคู่กันไปแล้วเช่นกัน เช่น ล่าสุดได้มีคำสั่งให้รัฐบาลท้องถิ่นเร่งเดินหน้าจัดทำแผนการศึกษาระดับปฐมวัยโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และยังขยายการบริการสถานรับเลี้ยงเด็กสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี เพื่อลดภาระของพ่อแม่ผู้ปกครอง และช่วยส่งเสริมพัฒนาการของเด็กปฐมวัย

อัตรการเกิดในจีนเริ่มกระเตื้องขึ้นปีก่อน "คนรุ่นใหม่" คือ ตัวแปรสำคัญ ต้องผลักดันให้แต่งงาน มีลูก

ข้อมูลล่าสุดของสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน ระบุว่าประชากรโดยรวมของจีนปีที่ผ่านมา ลดลงไปมากกว่า 1 ล้าน 3 แสนคน เหลืออยู่เพียง 1,408 ล้านคน และมีเด็กเกิดใหม่ขึ้นมาทดแทนอยู่ที่ประมาณ 9 ล้าน 5 แสนคน ซึ่งปีที่ผ่านมาถือเป็นทิศทางที่ดี เพราะมีเด็กเกิดใหม่เพิ่มขึ้นมากกว่าปีก่อนถึง 520,000 คน ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากความเชื่อของคนจีนด้วยว่าปีมะโรงเป็นปีมงคลสำหรับการมีบุตร

แต่อย่างไรก็ตามในอนาคตหลังจากนี้ยังแขวนอยู่บนเส้นด้าย แบบจำลองประชากรของสหประชาชาติ (UN) ระบุว่า ประเทศจีนอาจมีจำนวนประชากรลดลงไปอีกเหลืออยู่ที่ระดับ 1,300 ล้านคน ภายในปี 2593 หรือ 25 ปีหลังจากนี้ และในอีก 75 ปีข้างหน้า ในปี 2643 จีนจะเหลือประชากรเพียง 800 ล้านคน และสาเหตุสำคัญหรือปัญหาจากต้นทางส่วนหนึ่งมาจากอัตราการแต่งงานของคนรุ่นใหม่ที่ลดลงไปแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 50 ปี ไปอยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ด้วยตัวเลขคนแต่งงานที่ 6 ล้าน 1 แสนคู่ ซึ่งลดลงจากปีก่อน ถึง 20.5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สวนทางกับยอดการหย่าร้างที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ขณะที่คู่รักหนุ่มสาวหลายคู่ต่อให้แต่งงานแล้วก็ไม่ค่อยอยากจะมีลูกสักเท่าไหร่นัก เพราะปัจจัยเรื่องเงิน และความกังวลเรื่องอาชีพการงาน

ขณะที่ก่อนหน้านี้ในสุนทรพจน์เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำของจีนได้ออกเรียกร้องให้มีการชี้นำเยาวชนให้มากขึ้นในการสร้างทัศนคติที่ถูกต้องเกี่ยวกับการแต่งงาน การมีลูกและครอบครัว และถึงขั้นว่ามีรายงานว่าสถาบันการศึกษาต่างๆ ได้เพิ่มหลักสูตร “วิชาความรัก” เข้าไปในระดับมหาวิทยาลัย เพื่อสร้างมุมมองเชิงบวกต่อเรื่องดังกล่าวด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก TNN ช่อง16

"Perplexity" ยื่นข้อเสนอซื้อกิจการ Google Chrome 1.1 ล้านบาท

14 นาทีที่แล้ว

ราคาทองคำวันนี้ 13 ส.ค. 2568 ปรับลด 150 รูปพรรณขาย 52,150 บาท

20 นาทีที่แล้ว

โลกร้อนทำหิมะไม่พอ “บอสเนีย” ทิ้งสกี ลุยการท่องเที่ยวฤดูร้อน

25 นาทีที่แล้ว

ราคาบิตคอยน์วันนี้ (13 ส.ค. 68) ขยับขึ้น 0.48%

41 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความธุรกิจ-เศรษฐกิจอื่น ๆ

“HANN” รายได้ไตรมาส 2 หดตัวผลพวงโลว์ซีซั่น-ความไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา

การเงินธนาคาร

ราคาทองคำวันนี้ 13 ส.ค. 2568 ปรับลด 150 รูปพรรณขาย 52,150 บาท

TNN ช่อง16

ข้อมูลซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล วันที่ 13 ส.ค.68

สยามรัฐ

“Cloud 11” ฮับเมืองสร้างสรรค์เอเชีย มาพร้อมสวนลอยฟ้าใหญ่สุดในไทย

Positioningmag

ลุ้น กนง. ลดดอกเบี้ย SET แกว่งขึ้น ในกรอบ 1,250-1,280 จุด

PostToday

ราคาน้ำมันดิบ (13 ส.ค.) ปรับลด หลังอุปทานน้ำมันตึงตัวมีแนวโน้มคลี่คลาย

ประชาชาติธุรกิจ

ราคาทองวันนี้ล่าสุด 13 สิงหาคม 2568 ราคาปรับลดลง 150 ราคาทองรูปพรรณ บาทละ 52,150 บาท

Thairath Money

ค่าเงินบาทวันนี้ 13 ส.ค. 68 คาดเคลื่อนไหวในกรอบ 32.25-32.50 บาทต่อดอลลาร์

sanook.com

ข่าวและบทความยอดนิยม

พายุ "โพดุล" จ่อถล่ม "ไต้หวัน" ก่อนมุ่งขึ้นฝั่ง "จีน" ต่อ

TNN ช่อง16

จีนเปิดตัวบริการ “รถมินิบัสขับอัตโนมัติ” ทดสอบเส้นทางแรกในเมืองเฉิงตู

TNN ช่อง16

พาณิชย์สหรัฐฯ คาด "ภาษีทรัมป์" โกยเงินเข้าประเทศพุ่ง 5 หมื่นล้านเหรียญต่อเดือน

TNN ช่อง16
ดูเพิ่ม
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...