”โกศลวัฒน์“ ยกเคส อ้างรู้จักอัยการ หลอกเอาเงิน 4.5ล้านเคลียร์คดี
เมื่อวันที่ 3 ก.ค.2568 นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง อธิบดีอัยการคุ้มครองสิทธิ และช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน ให้ข้อมูล ว่าเมื่อวันที่ 1กรกฎาคม มีรายการทีวีได้เชิญตนไปให้ความรู้แก่ประชาชน และรับเรื่องร้องเรียนขอความช่วยเหลือ ทางกฎหมาย โดยมีผู้โพสต์ใน Facebook ใช้ชื่อว่าปูนิ่ม เป็นเจ้าของโอ้โหคอร์ปอเรชั่น ได้โพสต์ข้อความว่า “โดนอัยการดังที่โคราช หลอกเอาเงิน 4.5 ล้าน บอกว่าจะจบคดีให้ สรุปพี่ติดไปปีกว่า พี่ควรแฉไหม ว่าใครคนไหน ตอนนี้ ขู่ยิงพี่เพราะทวงเงินคืน เอาไงดีคะ”
ซึ่งคุณปูนิ่ม ได้เล่าเรื่องในรายการ และตอบข้อซักถาม จากพิธีกร
ตนก็ฟังเเละได้ข้อเท็จจริงว่า คุณปูนิ่ม ไม่เคยไปพบอัยการคนไหนเลย ไม่เคยส่งมอบเงิน 4.5 ล้านบาท ให้แก่อัยการเลย แต่มี อดีต ส.ส.คนหนึ่ง บอกว่ารู้จัก อัยการผู้ใหญ่และทีมงาน จะไปวิ่งเต้นให้ ที่นครราชสีมา เป็นผู้รับเงินไป ครั้งแรก 3ล้านบาท ที่สำนักงานของคุณปูนิ่ม และต่อมาแอบอ้างว่ามีการเปลี่ยนอธิบดี ต้องไปมอบให้คนใหม่อีก 1.5 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 4.5 ล้านบาท
และยังมีกล่าวอ้างถึงผู้พิพากษา ในชั้นรับรองฎีกา ในการดำเนินคดีในชั้นอุทธรณ์ฎีกา จากการสอบถาม ก็ยังได้ความเพิ่มเติมอีกว่า คุณปูนิ่มถูกฟ้องดำเนินคดีที่ศาลอาญารัชดา แต่กลับมีการกล่าวอ้าง ว่าจะวิ่งเต้นที่โคราช
จึงค่อนข้างเป็นเรื่องผิดปกติ เพราะการแบ่งส่วนราชการตามกฏหมายของอัยการนั้น อัยการที่โคราช ไม่ได้มีหน้าที่ดำเนินคดีที่ศาลอาญารัชดา แถมยังมีการแอบอ้างว่าผู้ใหญ่ระดับอธิบดีเปลี่ยนตำแหน่ง ต้องนำเงินไปมอบเพิ่มเติมอีก 1.5 ล้านบาท ทำให้คุณปูนิ่มหลงเชื่อ จ่ายเงินไป เพราะในช่วงนั้นถูกฟ้องคดีไปแล้ว แม้จะเปลี่ยนตัวอธิบดี คดีก็ไปสู่ศาลแล้ว อธิบดีอัยการไม่สามารถจะถอนฟ้องคดี ต้องปฏิบัติตามระเบียบถึงผู้บริหารระดับสูง
แต่ผลปรากฏว่า อัยการสำนักงานคดีอาญา สั่งฟ้องทุกข้อหา และศาลอาญา พิพากษาลงโทษทุกข้อหา จนถึงศาลสูง ก็ยืนตามตัดสินจำคุก 3ปี
เรื่องนี้จึงเชื่อได้ว่า ไม่มีการวิ่งเต้นคดี ต่ออัยการ และต่อศาล แต่มีการกล่าวอ้าง หลอกลวง เพื่อให้เชื่อถือ หลอกลวงเอาเงิน โดยอ้างว่า รู้จักคุ้นเคยกับทีมงานอัยการเคลียร์คดีดังในโคราช และรู้จักกับอธิบดีอัยการ จะเคลียร์ให้ไม่ฟ้องหรือลดข้อหา เคลียร์จบแน่นอน ปกติเรียกกัน 30 ถึง 40 โล แต่เรารู้จักกันขอเบื้องต้น 3ล้าน
แต่สุดท้าย คดีนี้ศาลตัดสินจำคุก ตอนนี้เชื่อแล้วว่า น่าจะถูกหลอกลวง
ตนขอฝากถึงผู้มีพฤติกรรม แอบอ้าง ว่ารู้จัก อัยการ รู้จักศาล และไปเรียกผลประโยชน์ เพื่อช่วยเหลือทางคดี ส่วนใหญ่เป็นการหลอกลวง ระวังจะโดนข้อหาเรียกรับสินบน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 143 ผู้ใดเรียก รับหรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่น เป็นการตอบแทนในการที่จะจูงใจ หรือได้จูงใจเจ้าพนักงาน โดยวิธีอันทุจริต หรือผิดกฎหมาย โดยอิทธิพลของตน ให้กระทำการ หรือไม่กระทำการในหน้าที่อันเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่บุคคลใด ต้องระวังโทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกิน 100,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
จึงขอให้ระมัดระวัง การแอบอ้างหลอกลวง เรียกเงิน วิ่งเต้นคดี ซึ่งมีประชาชนมาร้องเรียน ต่ออัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายเป็นประจำ และมักจะเสียรู้ จ่ายเงินไปแล้ว ความจริงจึงปรากฏว่าถูกหลอกภายหลังไม่อยากเสียรู้ ไม่อยากถูกหลอก โทรปรึกษาอัยการคุ้มครองสิทธิ์สายด่วน 1157 หรือเข้าไปพบอัยการคุ้มครองสิทธิ์ช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชนได้ทุกสาขาทั่วประเทศ