มาถึงภาวะเชคเสียงเลือกตั้ง
เมื่ออยู่ในภาวะที่ “รับประกันความปลอดภัยไม่ได้” รอดจากคดีคลิปเสียงอังเคิล “ฮุน เซ็น” ประธานองคมนตรีกัมพูชาด้ก็เถอะ แต่นักร้องยังจ้องหาคดีให้เพียบ แล้วแต่จะเขียนสำนวน อย่างเรื่องเคยครอบครองสนามกอล์ฟอัลไพน์ทั้งที่รู้ว่าเป็นที่ธรณีสงฆ์ก็เรื่อง หรือหากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจไม่สำเร็จ เกิดการทุจริต ก็โดนร้องได้อีกเรื่องประมาทเลินเล่อ
ในเวลานี้ เราจึงเห็นการประเมินฉากทัศน์ทางการเมืองในลักษณะ 1. นายกฯอิ๊งค์ ลาออก เปลี่ยนเอา“ชัยเกษม นิติสิริ” แคนดิเดตเพื่อไทย ขึ้นเป็นนายกฯ 2. นายกฯอิ๊งค์ลาออก โหวตเลือกนายกฯใหม่ในสภาจากแคนดิเดตอื่น เช่น “เสี่ยหนู”อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย หรือบางคนคิดไปกระทั่ง “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” จะ“ถูกเรียกกลับ”มาเป็นนายกฯชั่วคราว เพื่อดำเนินการเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญแล้วยุบสภา
ทางที่ 3. คือ นายกฯอิ๊งค์ยุบสภา จะต้องมีการเลือกตั้งใหม่ ขณะนี้เมื่อ“เชคเสียงความพร้อม” พรรคเพื่อไทยไม่น่าจะอยู่ในระยะปลอดภัยเท่าไร เพราะภาพลักษณ์ที่ติดกับหัวหน้าพรรคคือถูกชี้หน้า“นโยบายไม่เหมือนที่คุย, นายกฯขายชาติ” ขนาดคนใกล้ชิดอดีตนายกฯแม้ว ยังยอมรับกลางรายการทีวีว่า“ยังไม่พร้อม เลือกตั้งตอนนี้ก็แพ้ คะแนนเสียงไม่ดี”
หากชิงยุบสภาก็ไม่ทราบว่าการดึงมหาดไทยมาจากอกภูมิใจไทย “ได้ทำงานเพื่อแก้ปัญหาที่พูดคุ้มค่าหรือไม่ ?” แม้จะบอกว่า การรีบดึงมหาดไทยกลับเพราะรัฐบาลเหลือเวลาไม่มากในการทำผลงาน ในทางการเมืองรู้กันว่ากระทรวงคลองหลอดนี่แหละคือกระทรวงที่ใช้เข้าถึงท้องถิ่น ใช้เป็น“มือไม้”ในการสร้างคะแนนนิยมให้รัฐบาล ก็ขอให้ไปดูพวกงบกระตุ้นเศรษฐกิจ หรืองบประมาณที่รัฐให้ท้องถิ่น มีที่ไหน“ได้อย่างมีนัยยะสำคัญ”บ้าง
อย่างไรก็ตาม แต่ละพรรคก็ต้องเริ่มไม่ประมาทต่ออุบัติเหตุทางการเมือง พรรคกล้าธรรม ที่มี “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ประธานที่ปรึกษาพรรค เป็นแกนนำได้จัดประชุม สส.และว่าที่ผู้สมัคร สส.เตรียมความพร้อมแล้ว เจ้าตัวประกาศต้องได้ สส.ประมาณ 70 คน และพรรคจะมุ่งเน้นไปที่ สส.เขต โดยใช้แต้มต่อที่ดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ทั่วประเทศ ชูเรื่องพ้นจากกับดักความจน
“วันนี้เรามีคนตั้งแต่ จ.ชุมพรสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา กระบี่ พังงา จ.นราธิวาส เรามีความพร้อมที่สุด ภาคตะวันออกจ.ตราด จันทบุรีระยอง ชลบุรีฉะเชิงเทรา ในการเลือกตั้งครั้งหน้า จ.แม่ฮ่องสอน เราปักหมุดได้เลยว่า 2 เขต จ.พะเยาอีก 3 เขตเป็นของพรรคกล้าธรรม จ.กำแพงเพชรอีก 4 เขตก็เป็นของเรา จ.ตาก 3 เขตก็เช่นกัน และจะเข้าไปตีที่ จ.เพชรบูรณ์ด้วย ขอนแก่น นราธิวาส สุราษฎร์ธานี และภาคใต้ เราสามารถปักหมุดได้หลายจังหวัด”
ในส่วนของพรรครัฐบาลอื่น ก็ยังไม่ทราบว่า แก้ปัญหาภายในพรรคได้หรือยัง ? อย่างประชาธิปัตย์ การร่วมรัฐบาลอีกครั้งในวันที่หลายฝ่ายเรียกร้องให้นายกฯอิ๊งค์ลาออก อ้างว่า“ต้องอยู่เพื่อแก้ปัญหา”ทำให้คนเสียศรัทธาพรรคไปเยอะ เพราะคนนิยมประชาธิปัตย์จำนวนมากมาจากกลุ่มไม่เอาอดีตนายกฯแม้ว เมื่อพรรคร่อแร่ ดูท่า“คนรุ่นใหม่พรรค” หรือผู้สมัครเขตเมือง ก็อาจย้ายไปพรรคอื่น ขณะที่รวมไทยสร้างชาติ ( รทสช.) ขัดแย้งแตกขั้วแบบชัดเจนที่สุด
พรรคพลังประชารัฐ ( พปชร.) เองก็อยู่ในสภาพไม่รู้จะไปทางไหนดี บารมีของ “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่เหมือนในวันวานแล้ว สส.หลายคนก็หนีตาย ฝั่งภูมิใจไทยก็ต้องลุ้นกับ“พลังดูด” ทั้งดูดเข้าดูดออก สส.ของภูมิใจไทยอาจไปพรรคอื่นได้“แล้วแต่การเจรจา” ตอนนี้พรรคไหนพร้อมก่อนก็วางเกมสภาทำงานพื้นที่ได้ก่อน พรรคประชาชน ( ปชน.) ดูจะพร้อมที่สุดเพราะมีการจัดกิจกรรมและการรับสมาชิกตลอด บวกกับกระแสเห็นใจ"โดนตระบัดสัตย์"
นาทีนี้พรรคไหนยังมีปัญหาต้องรีบเคลียร์ตัวเองสร้างเสถียรภาพ จำนวน สส.คือตัวแปรในการเจรจาร่วมรัฐบาล.