เงือกสมิหลากับภารกิจคัมแบ็กลีกรองและก้าวข้ามความท้อถอย
กระทั่งฤดูกาล 0224-25 พวกเขาก็ทำสำเร็จสักที กับการคว้าตั๋วเลื่อนชั้นได้สำเร็จในจนคัมแบ็กสู่ลีกรองเป็นหนแรกนับตั้งแต่ปี 2012 ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่คือผลลัพธ์ของความทุ่มเทและการทำงานอย่างมืออาชีพ
วันนี้ 'SIAMSPORT' จะพาไปเจาะลึกเบื้องหลังความสำเร็จอันยิ่งใหญ่นี้ ผ่านการเปิดใจแบบหมดเปลือกของ พงศรัญ อินทุเศรษฐ ผู้จัดการทีม ที่จะมาเล่าถึงเส้นทางที่เต็มไปด้วยบททดสอบความท้อแท้และปรัชญาที่ทำให้ทีมก้าวข้ามทุกอุปสรรคไปได้
[ 1 ] การกลับมาของกระแสฟุตบอลในดินแดนใต้
การเลื่อนชั้นในครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ความสำเร็จของสโมสร แต่เป็นการจุดกระแสฟุตบอลในจังหวัดสงขลา ให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง
ผู้จัดการทีมเงือกสมิหลากล่าวว่า “เราได้มาเล่นรอบ แชมเปี้ยนส์ ลีก ถึง 4 ครั้ง แต่ทำมันไม่สำเร็จ ยอมรับว่าช่วงนั้นมีบางเวลาที่กระแสแฟนบอลลดลงไปบ้าง แต่ความสำเร็จในซีซั่น 2024-25 ได้เข้ามาปลุกความคลั่งไคล้ในฟุตบอลของชาวสงขลา ให้ตื่นขึ้นใหม่"
เขามองไปถึงอนาคตที่สดใสกว่าเดิมว่า หากจังหวัดสงขลา ได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลระดับชาติ เช่น คิงส์ คัพ ก็จะยิ่งช่วยเพิ่มกระแสนิยมฟุตบอลในท้องถิ่นได้อย่างมหาศาล และนั่นจะส่งผลดีต่อภาพรวมของวงการฟุตบอลในภาคใต้โดยรวม
แรงบันดาลใจที่ทำให้สโมสรเดินหน้ามาถึงจุดนี้คือความรักในกีฬาฟุตบอลอย่างแท้จริง พงศรัญ กล่าวเสริมอีกว่า “เราชอบฟุตบอล เราทำฟุตบอลอาชีพ เพราะอยากทำฟุตบอลจริงๆ"
"เราไม่ได้เริ่มต้นจากการทำธุรกิจ เราเริ่มต้นจากความเป็นแฟนฟุตบอลที่เคยเชียร์ทีมในอดีตอย่าง วัวชน ยูไนเต็ด หรือ สงขลา ยูไนเต็ด มาก่อน ความปรารถนาที่จะเห็นจังหวัดมีทีมอาชีพที่แข็งแกร่งอีกครั้ง เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญให้ตั้งใจทำงานแบบมืออาชีพที่สุด และไม่มีการแทรกแซงการทำทีมเพื่อให้ สงขลา เอฟซี เป็นทีมที่ดีที่สุด
[ 2 ] บทเรียนจากความล้มเหลว: ความละเอียด, ประสบการณ์ และช่วงถือศีลอด
การที่ สงขลา ได้แชมป์โซนใต้ 4 จาก 5 ฤดูกาลที่ผ่านมา แต่กลับต้องผิดหวังในรอบ แชมเปี้ยนส์ ลีก นั้นสร้างความรู้สึกท้อแท้เป็นอย่างมากให้กับบอร์ดบริหาร รวมถึงนักเตะที่ไปไม่ถึงฝั่งฝัน
“แน่นอน มันท้ออยู่แล้ว เพราะการทำทีมฟุตบอลต้องใช้เม็ดเงินลงทุนในการทำทีม ซึ่งหลังบ้านทุกคนทำงานกันหนักมาก เพื่อให้ทีมเดินต่อได้อย่างแข็งแกร่ง พอได้แชมป์โซน แต่รอบ แชมเปี้ยนส์ ลีก ไปไม่ถึงเป้าหมาย มันก็ทำให้เราผิดหวังพอสมควร” ผู้จัดการทีมเงือกสมิหลาย้อนความหลัง
ความทุ่มเทและเม็ดเงินที่ลงทุนไปอย่างมหาศาล ทำให้ความสำเร็จที่เกิดขึ้นในซีซั่น 2024-25 มีคุณค่าอย่างยิ่งสำหรับทุกคนในสโมสร
เมื่อวิเคราะห์ถึงปัญหาที่ทำให้ทีมไปไม่สุดในรอบชี้ชะตาในอดีต พงศรัญ ชี้ไปที่ “ความละเอียดของเกมและประสบการณ์ในรอบ แชมเปี้ยนส์ ลีก ของผู้เล่น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในเกมระดับสูงที่ตัดสินแพ้ชนะกันในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ"
"แต่สำหรับฤดูกาลนี้ มีเหตุผลสำคัญที่เข้ามาช่วยสนับสนุนการทำทีมคือโปรแกรมรอบ แชมเปี้ยนส์ ลีก ไม่ตรงกับช่วงถือศีลอด เนื่องจากนักเตะชาวใต้ ส่วนมากเป็นชาวมุสลิม ซึ่งนี่เป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้ทั้ง สงขลา เอฟซี และ ปัตตานี เอฟซี สามารถทำผลงานได้อย่างเต็มที่และคว้าตั๋วเลื่อนชั้นได้สำเร็จพร้อมกัน"
ตลอดฤดูกาล ทัพเงือกสมิหลาต้องเผชิญกับอาการบาดเจ็บของผู้เล่น ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกสโมสรต้องเจอ แต่ปัญหาเหล่านี้ได้รับการแก้ไขด้วย 'ปรัชญาการทำทีม' และความสามารถของ ไดกิ ฮิกูชิ โค้ชชาวญี่ปุ่น ที่ยกระดับนักเตะท้องถิ่นให้มีมาตรฐานการเล่นที่ใกล้เคียงกัน ทำให้สามารถทดแทนกันได้เมื่อมีผู้เล่นบาดเจ็บ
ที่น่าสนใจคือนักเตะต่างชาติในฤดูกาล 2024-25 ไม่มีใครต้องแบกทีม
ผู้จัดการทีม สงขลา กล่าวต่อไปว่า “ไม่มีใครต้องมาเป็น เดอะ แบก ของทีม แต่ทุกคนต้องทำตามจ็อบที่โค้ชต้องการให้ได้ ทุกคนคือส่วนหนึ่งของระบบที่แข็งแกร่ง และนั่นคือหัวใจสำคัญของความสำเร็จของเราในวันนี้"
[ 3 ] ความกดดันที่ถูกเปลี่ยนเป็นพลัง: เกมเยือน มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ เอฟซี คือบททดสอบที่แท้จริง
พงศรัญ มองว่าฤดูกาลนี้ไม่มี 'จุดเปลี่ยน’ ที่ชัดเจน เพราะทีมรักษาความแข็งแกร่งได้อย่างสม่ำเสมอตั้งแต่ต้น โดยเน้นที่การเก็บผลการแข่งขันเป็นหลัก “เรามองว่าผลสกอร์ต้องมาก่อนความเอนเตอร์เทน เราต้องการผลการแข่งขันที่ดีให้ได้ก่อน ส่วนเรื่องเอนเตอร์เทนเป็นส่วนที่ตามมา”
ปรัชญาที่เน้นผลลัพธ์ ทำให้ทีมสามารถรักษามาตรฐานได้อย่างต่อเนื่องตลอดฤดูกาล 2024-25
เมื่อเข้าสู่รอบ แชมเปี้ยนส์ ลีก เป้าหมายของทีมชัดเจนยิ่งกว่าเดิม “ตอนเล่นรอบ แชมเปี้ยนส์ ลีก เราไม่มีเป้าหมายอื่นเลย เราอยากจบอันดับ 1 ของตารางคะแนนในรอบแบ่งกลุ่ม”
พวกเขาทำได้สำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้
อย่างไรก็ตาม ในรอบรองชนะเลิศที่ต้องเผชิญหน้า มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ เอฟซี ถือเป็นเกมที่กดดันที่สุดในฤดูกาลสำหรับขุนพลเงือกสมิหลา
นัดแรกพวกเขาถล่มอาชาผยองมาได้ 3-0 ทว่าความหนักหน่วงอยู่ในเลกที่สอง
ก่อนเกมนี้ หลายๆ คนอาจมั่นใจ แต่ผู้จัดการทีม สงขลา ยังรู้สึกไม่มั่นใจเลยด้วยซ้ำ เพราะในโลกฟุตบอลอะไรก็เกิดขึ้นได้ เขาเล่าวินาทีแห่งความกดดันให้ฟังว่า “ตอนโดนนำ 2-0 ผมคิดว่า เอาอีกแล้วเหรอ? จะเกิดขึ้นอีกแล้วเหรอ?”
ด้วยความ ‘ใจสู้’ ของนักเตะท้องถิ่นที่มีเป้าหมายร่วมกัน พวกเขาก็สามารถก้าวข้ามความกดดันนั้นไปได้ในที่สุด เพราะจบการแข่งขันเลกที่สองด้วยสกอร์ 0-2 ซึ่งนั่นทำให้เงือกสมิหลาคว้าตั๋วเลื่อนชั้นได้แน่นอนแล้ว
เกมนี้จึงเป็นเกมที่สำคัญและกดดันที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งสโมสรมาเลยก็ว่าได้
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ทีมก้าวข้ามความล้มเหลวคือ “นักเตะของเราใจสู้มาก เป็นนักเตะท้องถิ่นที่มีเป้าหมายร่วมกัน ว่าเราอยากขึ้นไปเล่นในไทยลีก 2 ให้ได้ในฤดูกาลหน้า และการสนับสนุนจากผู้สนับสนุนทุกรายที่ทำให้ทีมสามารถเดินหน้าต่อไปได้ ถ้าไม่มีพวกเขา เราก็คงเดินมาไม่ได้ถึงตรงนี้” พงศรัญ ปิดประโยค
[ 4 ] ก้าวสู่ลีกอาชีพอย่างเต็มตัวด้วยแนวทางผู้เล่นแดนใต้
แม้จะเลื่อนชั้นสู่ลีกที่สูงขึ้น ทว่า สงขลา ยังคงยืนยันในนโยบายและปรัชญาหลักของสโมสรอย่างแน่วแน่ นั่นคือ “การใช้ผู้เล่นท้องถิ่นยังคงเป็นนโยบายและปรัชญาของสโมสร ไม่ว่าเราจะอยู่ในลีกระดับไหนก็ตาม เรายังคงยึดมั่นในแนวทางนี้" ผู้จัดการทีมของพวกเขาย้ำหนักแน่น
นี่คือสิ่งที่ทำให้ สงขลา แตกต่างและเป็นที่รักของคนในท้องถิ่นแดนใต้โดยแท้จริง
สำหรับเป้าหมายใน ไทยลีก 2 - พงศรัญ กล่าวอย่างถ่อมตนและเป็นจริงว่า “เบื้องต้นขออยู่รอดก่อนในปีแรก เพราะทีมยังไม่มีประสบการณ์ในการเล่นลีกรอง และต้องปรับตัวเรื่องการเดินทางไปแข่งขันที่มีมากขึ้น ส่วนหากได้เข้าไปเล่นในรอบเพลย์-ออฟ เพื่อลุ้นเลื่อนชั้นถือเป็นโบนัสที่ยอดเยี่ยม"
ในส่วนของการเสริมทัพ จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงทีมครั้งใหญ่ “การเปลี่ยนโฉมทีมอาจไม่มาก เราต้องการนักเตะที่มีประสบการณ์ในระดับสูงขึ้นเข้ามาเสริมทีมมากกว่า เพื่อเติมเต็มในสิ่งที่ทีมยังขาดอยู่ และช่วยยกระดับมาตรฐานของผู้เล่นคนอื่นๆ ในทีมไปพร้อมกัน ทีมงานยังคงทำงานอย่างหนักเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะมาถึง"
ก่อนแยกย้าย ผู้จัดการทีมคนเก่งได้ฝากข้อความถึงแฟนๆ ของสโมสรว่า “ฤดูกาลนี้ (2024-25) เราทำเป้าหมายได้แล้ว ดังนั้นในฤดูกาลต่อไป อยากให้แฟนๆ เข้ามาเชียร์ฟุตบอลกันเยอะๆ ให้จังหวัดกลับมาคึกคักอีกครั้ง มาร่วมสร้างบรรยากาศให้ผู้มาเยือนเห็นว่าพลังของชาวสงขลา มีมหาศาลมากแค่ไหน”
สงขลา ไม่ใช่ทีมที่ขึ้นชั้นเพราะโชคช่วย พวกเขาคือทีมที่ผ่านความเจ็บปวด ซ้ำแล้วซ้ำเล่าและยังเชื่อมั่นในทางของตัวเองจนสำเร็จ
จากทีมที่ใกล้ได้ขึ้นที่สุด สู่ทีมที่ขึ้นชั้นได้จริงๆ
อุปสรรคที่พวกเขาฟันฝ่ามาด้วยความยากลำบาก คือบทเรียนของความไม่ยอมแพ้
เส้นทางบน ไทยลีก 2 เพิ่งเริ่มต้น…แต่เสียงเชียร์ของสาวกเงือกสมิหลาจะไม่มีทางยอมเงียบอีกต่อไป
สงขลา เอฟซี กับเส้นทาง 5 ปีแห่งความมุ่งมั่นและเบื้องหลังการก้าวข้ามความท้อแท้
ภาพจาก : Songkhla FC