เอสเอ็มอีไทย จุกภาษีทรัมป์หวั่นกระทบจ้างงาน 3.7 ล้านคน ทุบศก.ปีนี้ติดลบ 1.1%
เอสเอ็มอีไทย อัดภาษีทรัมป์ กระทบจ้างงาน 3.7 ล้านคน หวั่นทุบศก.ปีนี้ติดลบ 1.1%
นายณพพงศ์ ธีระวร ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย กล่าวว่า การขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศไทยในอัตราสูงถึง 36% ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.2568 เป็นต้นไป จะทำให้เอสเอ็ม อีรายย่อยต้องเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นทันที ส่งผลให้ความสามารถในการแข่งขันลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่ง เช่น
เวียดนาม 20% และมาเลเซีย 25% อินโดนีเซีย 32% ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ 25% ที่ถูกเก็บภาษีในอัตราต่ำกว่าไทย ทำให้ขณะนี้เริ่มมีสัญญาณการชะลอคำสั่งซื้อจากผู้นำเข้าสหรัฐ รวมถึงการขอต่อรองราคาหรือส่วนลดมากขึ้น เพื่อชดเชยต้นทุนภาษีที่เพิ่มขึ้น ทำให้กำไรของเอสเอ็มอีรายย่อยหดตัวลงอย่างมาก
โดยเฉพาะกลุ่มที่รับจ้างผลิตหรือส่งผ่านเทรดเดอร์ อาจเผชิญกับความเสี่ยงในการสูญเสียตลาดหลักทันทีจากการถูกยกเลิกออเดอร์หรือถูกลดปริมาณการสั่งซื้อ ผลกระทบยังลุกลามไปถึงแรงงานในภาคเอสเอ็มอี ซึ่งมีแรงงานกว่า 3.7 ล้านคน และเอสเอ็มอีเกือบ 5,000 รายที่มีข้อจำกัดในการปรับตัว อีกทั้งยังกระทบต่อจีดีพีไทยปีนี้ที่ติดลบ 1.1% และครึ่งปีหลังอาจติดลบถึง 4-4.5%
ล่าสุดนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะจากสหรัฐและจีน อาจชะลอหรือย้ายฐานการผลิตไปประเทศที่ได้อัตราภาษีต่ำกว่า เช่น เวียดนาม จึงมองว่าภาษี 36% ของสหรัฐ เป็นวิกฤตที่กระทบเอสเอ็มอีรายย่อยอย่างรุนแรง ทางสมาพันธ์จึงเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งออกมาตรการเยียวยาอย่างเร่งด่วน อาทิ
การสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียน การช่วยเหลือในการหาตลาดใหม่ในภูมิภาค และการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของเอสเอ็มอีรายย่อย พร้อมกันนี้ยังขอให้รัฐบาลเร่งเจรจาต่อรองกับสหรัฐเพื่อให้ได้อัตราภาษีที่เหมาะสมและไม่เสียเปรียบคู่แข่งในภูมิภาค รวมถึงสนับสนุนการปรับตัวของเอสเอ็มอีไทยด้วยการกระจายตลาด ลดการพึ่งพาตลาดเดียว และส่งเสริมการนำนวัตกรรมมาใช้ในสินค้าและบริการ
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : เอสเอ็มอีไทย จุกภาษีทรัมป์หวั่นกระทบจ้างงาน 3.7 ล้านคน ทุบศก.ปีนี้ติดลบ 1.1%
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.khaosod.co.th