โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

“รังสิมันต์” ประนาม “รัฐบาลกัมพูชา” ก้าวร้าว ยั่วยุใช้อาวุธ หวังดึงไทยไปศาลโลกให้ได้ แนะไทยตอบโต้เหมาะสม

สยามรัฐ

อัพเดต 1 วันที่แล้ว • เผยแพร่ 1 วันที่แล้ว

วันที่ 24 ก.ค.2568 เวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน และประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ปัจจุบันปัญหาชายแดนไทยกัมพูชาทวีความรุนแรงมากขึ้น ว่า ตนขอประนามรัฐบาลกัมพูชา เพราะพฤติกรรมของกัมพูชาไม่ว่าจะเป็นการยั่วยุ การใช้ความรุนแรง การละเมินอนุสัญญาออตตาวาโดยใช้ระเบิดที่เป็นกับดัก ซึ่งเป็นอาวุธที่ไม่ควรมีการใช้กันแล้ว และคิดว่าพฤติกรรมเหล่านี้ของกัมพูชาเป็นพฤติกรรมที่ก้าวร้าว ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่เรายอมรับไม่ได้ ดังนั้น ประเทศไทยต้องประนามการกระทำของรัฐบาลกัมพูชา เพราะเชื่อว่ารัฐบาลกัมพูชาต้องมีส่วนรู้เห็นกับการกระทำนี้อย่างแน่นอน ทั้งนี้ ตนคิดว่ากัมพูชาควรจะเข้าใจกว่าหลายๆประเทศด้วยซ้ำว่าความร้ายแรงและรุนแรงของกับดักระเบิดเป็นอย่างไร เพราะคนกัมพูชาได้รับความสูญเสียจากกับดักเหล่านี้มาเป็นเวลานาน และกัมพูชาเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้มากที่สุด ประเทศหนึ่งของโลกแต่กลับใช้พฤติกรรมเรื่องกับดักระเบิดต่อฝ่ายไทย

”ผมคิดว่าการเจรจาเรื่องนี้คงไม่ใช่เรื่องง่าย และฝ่ายไทยคงจะต้องมีการตอบโต้อย่างเหมาะสม ผมคิดว่าเบื้องต้นที่ฝ่ายไทยสามารถดำเนินการได้ หลังจากที่ได้ชี้แจงกับทูตทหารของหลายๆประเทศ ซึ่งหนึ่งในเรื่องที่คิดว่าเราสามารถทำได้ในทันทีเพื่อให้โลกได้เห็นพฤติกรรมของกัมพูชา คืออาจจำเป็นต้องมีการเชิญทูตจากประเทศต่างๆไปสังเกตสถานการณ์ในที่เกิดเหตุ ผมคิดว่าโลกต้องเห็นอย่างเต็มที่ และมีข้อมูลที่เพียบพร้อมว่ากัมพูชามีความก้าวร้าว ยั่วยุเพื่อให้สถานการณ์บานปลาย และกระทรวงการต่างประเทศจะต้องทำงานเชิญรุกมากกว่านี้ และย้ำว่าการที่จะไปรอเดือนธ.ค. เพื่อเอาเรื่องไปหารือตามแนวทางของอนุสัญญาออตตาวาเป็นสิ่งที่ช้าเกินไป และสิ่งที่เป็นรูปธรรมคือควรเอาเรื่องนี้เสนอต่อสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UNGA) ซึ่งเป็นเวที่สำคัญของสหประชาชาติ เพื่อให้ทั่วโลกได้เห็น ไม่ใช่แค่ระดับนักการทูตแต่ต้องระดับผู้นำประเทศถึงพฤติกรรมของกัมพูชาว่าก้าวร้าว และละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ“นายรังสิมันต์ กล่าว

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ตนได้หารือกับนางปทิดา ตันติรัตนานนท์ สส.สุรินทร์ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะกมธ.ความมั่นคงฯ ทราบว่าวันนี้มีการยิงปืนใหญ่กันแล้ว สถานการณ์บานปลายซึ่งสิ่งที่ตนเป็นห่วงมากที่สุดคือประชาชนตามแนวชายแดนที่จะได้รับผลกระทบ และทราบว่าในพื้นที่มีการซักซ้อมการอพยพแล้ว จึงเชื่อว่าในพื้นที่มีความพร้อม แต่เราไม่รู้ว่าสถานการณ์จะเลวร้ายอย่างนี้นานแค่ไหน เราจึงมีความจำเป็นต้องเตรียมทุกความเป็นไปได้ เพื่อให้มั่นใจว่าประชาชนที่อนู่ในพื้นที่ไม่สมควรได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางทั้งผู้ป่วยติดเตียง และเด็ก รัฐบาลต้องหามาตรการรองรับ เพื่อให้เกิดความปลอดภัย

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า การประชุมกมธ.ในวันนี้ เดิมเราใช้อำนาจเรียกไม่ว่าจะเป็นนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย และรักษาการนายกฯ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม และนายมาริษ เสงี่มพงษ์ รมว.การต่างประเทศ รวมถึงน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯและรมว.วัฒนธรรม ด้วย ซึ่งเราเข้าใจว่ารัฐมนตรีบางส่วนอาจจะมีความจำเป็น และมีความเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ เช่น พล.อ.ณัฐพล เราทราบว่าท่านติดภารกิจที่ต้องแก้ไขสถานการณ์ ก็เข้าใจได้ และต้องมีการหารือในกมธ. ซึ่งหากรัฐมนตรีบางคนอาจไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ และไม่มาชี้แจงกับกมธ. เราคงต้องฟังคำอธิบายว่าไม่มาชี้แจงนั้นไม่มาด้วยเหตุผลอะไร เช่น น.ส.แพทองธาร เป็นหนึ่งในผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยตรง เพราะเราต้องยอมรับว่าเรื่องคลิปเสียงที่สนทนากับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ทำให้รัฐบาลคุยกับรัฐบาลไม่ได้แล้ว และต้องยอมรับว่าผู้นำ 2 คน อาจจะมีปัญหาเรื่องส่วนตัว เรื่องขัดกันของผลประโยชน์หรือไม่ ไม่ทราบ แต่นำไปสู่สถานการณ์เลวร้ายมากขึ้น ทำให้ชาวบ้านทั่วไปได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ ซึ่งสถานการณ์เลวร้ายแบบนี้ไม่มีทีท่าว่าจะหาทางออกได้ เราต้องยอมรับว่าบุคคลเหล่านี้ต้องรับผิดชอบ และเรื่องนี้ต้องมีการคุยกันในกมธ. ว่าสิ่งที่น.ส.แพทองธารไปพูดในคลิปจะมีประเด็นชี้แจงต่อกมธ.อย่างไร และน.ส.แพทองธาร คงไม่เกี่ยวข้องอะไรกับการที่จะแก้ไขสถานการณ์ในวันนี้แล้ว

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ส่วนนายภูมิธรรม ก็ต้องขี้แจงว่าไม่มาด้วยสาเหตุอะไรหรือติดภารกิจอะไร ส่วนนายมาริษเราได้รับแจ้งว่าติดภารกิจที่ต่างประเทศแต่กำลังดูว่าภารกิจที่ต่างประเทศเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลมากแค่ไหน อย่างไรก็ตาม ขอฝากไปถึงกระทรวงการต่างประเทศว่าถ้ากระทรวงการต่างประเทศทำหน้าที่ให้ดีมากๆ ตนเชื่อว่าจะลดโอกาสของความขัดแย้งให้ลดลงมาแต่อาจจะไม่ได้การันตีร้อยเปอร์เซ็น อย่างน้อยที่สุดถ้าเรามีเครื่องมืออย่างมีประสิทธิภาพ การใช้อาวุธก็อาจะลดความสำคัญ ส่วนตนคิดว่าไทยต้องตอบโต้ในสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะไม่อยากให้สถานการณ์ลุกลามบานปลายจนเกินไป

เมื่อถามว่า ทางทหารไทยระบุว่าเจรจากับฝ่ายกัมพูชาไม่ได้แล้วจะมีข้อเสนอแนะอย่างไรเพื่อให้ไทยได้เปรียบ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เบื้องต้นคิดว่าการเชิญทูตจากนานาชาติไปดูสถานการณ์ในพื้นที่เป็นสิ่งที่ดีที่สุด ในเมื่อเราคุยกับกัมพูชาไม่ได้ ไม่เป็นไร แต่เราคุยกับโลก ดังนั้น จึงคิดว่าการพูดคุยกับต่างประเทศให้เข้าใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมีความจำเป็น โดยไล่สถานการณ์จากเบาไปหนัก พร้อมกับความรองรับไม่ให้พลเรือนได้รับผลกระทบ ส่วนสุดท้ายสถานการณ์จะไปถึงไหนตอนนี้คงตอบไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่ากัมพูชาจะยั่วยุ และใช้ความรุนแรงไปถึงเมื่อไหร่แต่ดูแล้วท่าทีของสมเด็จฮุน เซน พร้อมทำทุกอย่างทุกวิธีการ โดยไม่ได้เลือกวิธีการเลย ดังนั้น ต้องยอมรับว่าการที่คุยกับสมเด็จฮุน เซนให้เข้าในสถานการณ์คงไม่ใช่เรื่องง่าย และคงเป็นไปไม่ได้ที่เราจะไม่ตอบโต้อะไรเลย และกัมพูชาพยายามต้องการที่เราไปสู่ศาลโลก และเมื่อมีการใช้อาวุธเกิดขึ้นก็มีโอกาสที่กัมพูชาจะพาเราไปสู่ศาลโลก

”แต่เมื่อทหารไทยได้รับบาดเจ็บ เราคงต้องตอบโต้ต่อไป และต้องยืนยันต่อโลกว่า เราไม่ได้รังแกกัมพูชา แต่กัมพูชามีพฤติกรรมก้าวร้าว ไม่เหมาะสม ละเมิดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ เมื่อเป็นแบบนี้การสื่อสารของไทยต่อชาวโลกจึงต้องจำเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น กระทรวงต่างประเทศต้องทำงานให้แอคทีฟกว่านี้ ใช้โอกาสและทุกเวทีในการสร้างความเข้าใจว่ากัมพูชาเป็นประเทศที่ต้องการความขัดแย้ง และทำอย่างไรให้ทั่วโลกเข้าใจว่าประเทศไทยไม่ต้องการความขัดแย้ง ซึ่งจะเป็นการมอบโอกาสหลายอย่างที่ทำให้ไทยแก้ไขสถานการณ์ได้ ส่วนมาตรการเรื่องคอลเซ็นเตอร์และเรื่องอื่นๆรัฐบาลต้องกระตุ้นมากกว่านี้ ต้องทำทุกทางเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อตอบโต้ภัยคุกคามของกัมพูชา ต้องยอมรับว่าสิ่งที่กัมพูชาทำอีกนิดเดียวจะเป็นเรื่องก่อการร้ายแล้ว ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่เลวร้ายมากและต้องประนาม และไม่มียาตัวไหนหยุดหยั้งความบ้าคลั่งของผู้นำกัมพูชาได้ จึงต้องใช้หลายตัวเพราะสมเด็จฮุน เซนก็อายุเยอะแล้ว เขาคิดว่าการใช้วิธีแบบนี้เพื่อเอาไปโฆษณาชวนเชื่อว่าเขาสามารถชนะประเทศไทยได้ การที่เขามีวิธีคิดแบบนี้ เขาทำทุกทางโดยไม่สนใจว่าความสูญเสียจะเป็นอย่างไร ดังนั้น เมื่อเรารู้สถานการณ์ เราต้องทำให้ทั่วโลกรู้ว่าพฤติกรรมของกัมพูชาเป็นอย่างไร เราจะแสวงหาพันธมิตรได้ไม่ยาก และทำให้กัมพูชาเห็นว่าสิ่งที่ทำอยู่หรือสิ่งที่ต้องการนั้น ไม่ได้อะไร และเราต้องรักษาศักดิ์ศรีของประเทศโดยที่กัมพูชาต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ก่อเอาไว้“ นายรังสิมันต์ กล่าว

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก สยามรัฐ

ผบก.ปอศ.จัดกิจกรรม"จิตอาสาร่วมใจ รวมใจช่วยน้อง"โรงเรียนอนุบาลเมืองอ่างทอง วัดท้องคุ้งตั้งตรงจิต3

15 นาทีที่แล้ว

"ราศีกรกฎ" ต้องระวัง! มีโอกาสที่จะทำการที่ผิดศีลธรรม

23 นาทีที่แล้ว

"ราศีกุมภ์" ระวัง! ใช้จ่ายเกินจำเป็น อาจเสียเงินโดยไม่คุ้มค่า

23 นาทีที่แล้ว

ช่วงนี้ "ราศีมีน" เจรจาธุรกิจสำเร็จ พร้อมงานใหม่เข้ามาเพียบ

23 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความการเมืองอื่น ๆ

กองทัพบกสดุดีวีรกรรมทหารกล้า 6 นาย เสียชีวิตปกป้องอธิปไตยไทย

ไทยโพสต์

เท้ง ลุยสุรินทร์กลางดึก รุดศูนย์พักพิง ให้กำลังใจชาวบ้าน อพยพจากพื้นที่ปะทะชายแดน

MATICHON ONLINE

"เท้ง" ลุยสุรินทร์กลางดึก ลงพื้นศูนย์พักพิง ให้กำลังใจชาวบ้านอพยพจากเหตุปะทะแนวชายแดน

Khaosod

ทักษิณเบิร์ธเดย์ บินอุบลวันนี้ ให้กำลังใจชาวบ้านศูนย์พักพิง เพื่อไทยร่วมทำข้าวกล่องแจก

MATICHON ONLINE

กองทัพบกสดุดีกำลังพลผู้เสียชีวิตปกป้องอธิปไตยชาติ

สยามรัฐ

พรรคประชาชน แฉรัฐบาลลักหลับ รีบเร่งลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าส่อเอื้อเอกชน ขู่ยื่น ป.ป.ช. สอบ

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

ข่าวและบทความยอดนิยม