5 จุดต้องแก้! วิเคราะห์ผลงานช้างศึก U23 นัดดวลฟิลิปปินส์ ศึกอาเซียน คัพ 2025
ทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ปิดฉาก อาเซียน คัพ ยู-23 ด้วยอันดับ 3 ของทัวร์นาเมนต์ ซึ่งแน่นอนว่ามันคือผลงานที่ไม่เป็นไปตามเป้า ดังนั้นจึงยังมีสิ่งที่ต้องกลับมาพัฒนากันต่อ และนี่คือ 5 ข้อ หลังเกมทัพช้างศึกเอาชัยเหนือฟิลิปปินส์!!
[ 1 ] ปริศนาแท็กติก 'โค้ชวัง' กับปัญหาเกมรับ-รุกไม่สมดุล
ช่วง 20 นาทีแรกของเกม ช้างศึกต่อบอลกันได้ย่ำแย่เอามากๆ เพราะขาดๆ เกินๆ เหมือนไม่ซ้อมกันมา ทำให้แฟนๆ เริ่มตั้งคำถามถึงแท็กติกของ ธวัชชัย ดำรงค์อ่องตระกูล ว่าเหมาะสมกับการโลดแล่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือไม่ เพราะศักยภาพนักเตะไทย เหนือกว่าฟิลิปปินส์อย่างชัดเจน แต่เรากลับเป็นฝ่ายครองบอลน้อยกว่าซะอย่างนั้น
นี่เป็นอีกครั้งที่เกิดขึ้น เพราะในเกมกับอินโดนีเซีย ก็คล้ายๆ กัน
ความระมัดระวังที่มากเกินไป รวมถึงการวางแผนแบบเน้นรัดกุมตลอด 90 นาที ทำให้ไทย เล่นเหมือนทีมที่กำลังเจอกับของแข็งระดับเอเชีย ไม่ใช่เพื่อนร่วมอาเซียน อย่างฟิลิปปินส์ ซึ่งมันสะท้อนว่ายังขาดความมั่นใจในแนวทางของตัวเอง
อย่างไรก็ตาม ส่วนหนึ่งที่ทำให้ 'โค้ชวัง' ต้องวางแผนการเล่นรับแล้วโต้ อาจมาจากข้อจำกัดเรื่องเวลาในการรวมทีม และการไม่ได้ใช้งานผู้เล่นชุดที่ดีที่สุด ทำให้หลายคนยังไม่เข้าใจในแท็กติกที่วางไว้ได้อย่างเต็มที่
สิ่งนี้น่าจับตาว่าในศึกยู-23 เอเชียน คัพ 2026 รอบคัดเลือก ในเดือนกันยายนนี้ ธวัชชัย จะยังคงใช้กลยุทธ์เดิมหรือไม่ หรือจะมีการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสถานการณ์และศักยภาพของทีมมากขึ้น
[ 2 ] จุดเปลี่ยนเมื่อได้ประตูนำ และความมั่นใจที่เพิ่มขึ้น
ปฏิเสธไม่ได้ว่ารูปเกมของไทย นั้นมาหลังจากสามารถทำประตูออกนำได้ หลายสิ่งอย่างก็เริ่มคลี่คลายไปในทิศบวกอย่างเห็นได้ชัด นักเตะเล่นกันด้วยความมั่นใจมากขึ้น กล้าที่จะครองบอลและสร้างสรรค์โอกาสเข้าทำ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าประตูแรกมีความสำคัญอย่างยิ่งในการปลดล็อกความกดดันและกระตุ้นฟอร์มการเล่นของทีมให้กลับมาอยู่ในทิศทางที่ควรจะเป็น
ความมั่นใจที่กลับคืนมาส่งผลให้การประสานงานในแดนกลางและแนวรุกมีความไหลลื่นมากยิ่งขึ้น สร้างสรรค์จังหวะอันตรายได้ต่อเนื่อง และทำให้ฟิลิปปินส์ ต้องพะวง จนไม่สามารถเล่นได้ตามถนัด
[ 3 ] ยศกร บูรพา ตัวฟรีที่โดดเด่น แต่ยังขาดการตัดสินใจขั้นสุดท้าย
ในบทบาทตัวฟรีในแนวรุก - ยศกร บูรพา ถือเป็นผู้เล่นที่โดดเด่นมากในเกมนี้ ด้วยการเคลื่อนที่ที่อิสระและการสร้างสรรค์พื้นที่ว่าง หากเขาสามารถพัฒนาทักษะเฉพาะตัวให้สูงขึ้นไปอีก เชื่อว่าศักยภาพของเขาจะก้าวขึ้นไปอีกระดับได้อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม จุดที่ต้องปรับปรุงเป็นการด่วนคือเรื่องของการตัดสินใจในจังหวะสุดท้าย โดยเฉพาะการจ่ายบอลให้เพื่อนร่วมทีมในสถานการณ์ที่ได้เปรียบ ซึ่งถือว่าทำได้น่าผิดหวัง เมื่อเทียบกับจำนวนครั้งที่มีอยู่ ทำให้โอกาสที่น่าจะเปลี่ยนเป็นประตูได้ต้องเสียไปอย่างน่าเสียดาย
หาก ยศกร สามารถแก้ไขจุดนี้ได้ เขาจะเป็นอาวุธสำคัญของแนวรุกทีมชาติไทย ในอนาคตอย่างแน่นอน
[ 4 ] เกมรับสอบผ่านและการแก้ตัวของ เสกสรรค์ ราตรี
แม้รูปเกมโดยรวมจะยังไม่ไหลลื่น แต่ต้องยอมรับว่าเกมรับของทีมชาติไทย ทำผลงานได้น่าพอใจ ผู้เล่นทุกคนมีสมาธิตลอด 90 นาที และสามารถป้องกันการเข้าทำของฟิลิปปินส์ ได้อย่างเหนียวแน่น โดยเฉพาะลูกกลางอากาศที่แทบจะเก็บกินเรียบ
ประตูที่เสียไป นั้นถือว่าโชคร้ายอย่างมาก เพราะถ้ามี VAR ในสนาม จะเห็นได้ชัดว่าเป็นจังหวะล้ำหน้าอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่มีเวลาร่วมฝึกซ้อมในเรื่องแท็กติกกันน้อยไปหน่อย บางจังหวะ การรับ-ส่งบอลจากแดนหลังไปสู่กองกลางจึงขัดๆ อยู่ แต่ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์บวก เนื่องจากโดยรวมทำได้ดี
นอกจากนี้ เสกสรรค์ ราตรี ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเกี่ยวกับฟอร์มการเล่นที่ไม่เป็นไปตามความคาดหวังตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์ ก็สามารถแก้ตัวได้สำเร็จในเกมนี้ ด้วยผลงานที่ดีขึ้นกับประตูที่คลายความกดดันให้ทีม
นี่เป็นสัญญาณที่ดีว่าเขาสามารถเรียกความมั่นใจกลับมาได้แล้ว และก็หวังว่าเด็กหนุ่มวัย 22 ปี จะนำข้อผิดพลาดไปปรับปรุงแก้ไข เพื่อกลับมาเป็นอนาคตที่สดใสให้ทีมชาติไทย ในวันหน้า
[ 5 ] เดิมๆ 'ใช้โอกาสเปลือง' ปัญหาที่ยังตามหลอกหลอน
แม้จะคว้าชัยชนะมาได้ แต่ปัญหาเดิมๆ ของทีมชาติไทย ที่ยังคงปรากฏให้เห็นคือ 'การใช้โอกาสเปลือง' โดยเฉพาะในช่วง 10 นาทีสุดท้ายของเกม เมื่อฟิลิปปินส์ ดันผู้เล่นขึ้นสูงเพื่อทวงประตูตีเสมอ แถมเรี่ยวแรงก็ถดถอย แต่ทัพช้างศึกกลับไม่สามารถฉกฉวยโอกาสจากพื้นที่ว่างที่เกิดขึ้นเพื่อเปลี่ยนเป็นประตูเพิ่มเติมได้ดีเท่าที่ควร
มีจังหวะที่น่าจะทำได้ดีกว่านี้หลายครั้ง ซึ่งหากสามารถจบสกอร์ได้เฉียบคมกว่าที่เป็นอยู่ ผลการแข่งขันอาจจะขาดลอยกว่าเดิม
นี่คือสิ่งที่ต้องเร่งแก้ไขโดยด่วน เพราะการเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าทำ จะช่วยลดความกดดันให้กับทีมได้ในทุกตำแหน่ง หากปิดสกอร์เฉียบขาด มันหมายถึงชัยชนะที่มากกว่าครึ่งหนึ่งไปแล้ว แต่ถ้ามีโอกาส แต่ทำไม่ได้ คู่แข่งก็สามารถลงโทษคืนได้เช่นกัน
โดยรวมแล้ว ยู-23 อาเซียน คัพ 2025 ถือเป็นบททดสอบอีกครั้งว่าไทย ยังมีจุดที่ต้องพัฒนาอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแท็กติก, ความฟิต, การตัดสินใจในจังหวะสำคัญและเฉพาะอย่างยิ่งคือการจบสกอร์ รวมไปถึงการวางโปรแกรมให้สอดคล้องกับทีมชาติที่ต้องชัดเจนในแนวทาง เพื่อความต่อเนื่องถึงชุดใหญ่