‘แอมนาสตี้’ แฉซ้ำ ‘ศูนย์สแกมเมอร์ในกัมพูชา’ โหดร้ายทารุณ เข้าข่ายขบวนการค้ามนุษย์
"แอมนาสตี้" แฉซ้ำ "ศูนย์สแกมเมอร์ในกัมพูชา" โหดร้ายทารุณ เข้าข่ายขบวนการค้ามนุษย์ พร้อมจับมือกับทั่วโลกปราบปราม
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลได้อ่านรายงานฉบับล่าสุดขององค์การนิรโทษกรรมสากล (Amnesty International) ที่เผยแพร่ เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา ที่ระบุถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชน ในศูนย์คอลเซ็นเตอร์ผิดกฎหมายในประเทศกัมพูชา
โดยมีลักษณะเป็นการบังคับใช้แรงงานในรูปแบบของการค้ามนุษย์ การเป็นทาสยุคใหม่ การใช้แรงงานเด็ก และการทรมานที่มีการทำอย่างเป็นระบบ ภายใต้การเพิกเฉยของรัฐบาลกัมพูชา
เข้าข่ายค้ามนุษย์-อาชญากรรมข้ามชาติ
ในรายงานของ Amnesty International ระบุว่า มีศูนย์คอลเซ็นเตอร์และสแกมเมอร์ อย่างน้อย 53 แห่งกระจายอยู่ทั่วประเทศ กัมพูชา โดยศูนย์เหล่านี้จะดัดแปลงจากโรงแรมหรือกาสิโนเก่า ที่เริ่มไม่มีผู้เข้าไปใช้บริการ
และรายงานของแอมนาสตี้ ระบุว่าผู้หลบหนีออกจากศูนย์เหล่านี้ เป็นคนจีน ไทย มาเลเซีย บังกลาเทศ เวียดนาม อินโดนีเซีย ไต้หวัน และเอธิโอเปีย และอีกหลากหลายประเทศ โดยเหยื่อตอบกับแอมนาสตี้ตรงกันว่า ถูกหลอกมาทำงานผ่านโฆษณางานบนแพลตฟอร์มทางโซเชียลมีเดีย เมื่อเข้าไปทำงานก็จะถูกยึดพาสปอร์ต โดนกักขัง ทำร้ายร่างกาย หากไม่ทำงานในการหลอกลวงออนไลน์ในรูปแบบต่าง ๆ
ในรายงาน ยังระบุว่า ในการตรวจสอบเพิ่มเติมจากบันทึกของเหยื่อ พบว่าขบวนการเหล่านี้มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี และมีระบบอุปถัมภ์จากเจ้าหน้าที่ในกัมพูชา โดยระบุชัดเจนว่า เจ้าหน้าที่รัฐบาลกัมพูชาบางคนมีส่วนเกี่ยวข้องให้เกิดการละเมิดสิทธิในลักษณะนี้
ศูนย์สแกมเมอร์ในกัมพูชา-ค้ามนุษย์ ภัยคุกคามความมั่นคง
นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญในเรื่องนี้อย่างจริงจัง โดยมีข้อสั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติอย่างเด็ดขาดมาตั้งแต่ปลายปี ทั้งทางฝั่งตะวันตกใกล้กับประเทศเมียนมา ซึ่งมีมาตรการในการตัดน้ำ ตัดไฟฟ้า ตัดเน็ต และเข้มงวด เรื่องการผ่านแดน ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีผู้ที่ไปทำงานคอลเซ็นเตอร์หลายหมื่นคน ถูกหลักดันให้เดินทางกลับ โดยแต่ละประเทศได้จัดส่งเครื่องบินมารับที่สนามบินแม่สอดจังหวัดตากของประเทศไทย กลับไปดำเนินการต่อ
ขณะที่ฝั่งตะวันออก นายกรัฐมนตรีได้ลงพื้นที่ชายแดนอำเภออรัญประเทศ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมาในการติดตาม ตรวจสอบการจัดการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทั้งนี้ ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการ ดีอีฯ ได้รายงานอย่างชัดเจนถึงสถิติที่ลดลงในพื้นที่ฝั่งตะวันตก แต่ฝั่งตะวันออกกลับหนักข้อมากขึ้นจากสถิติของการรับแจ้งอาชญากรรมลดลงอย่างเห็นได้ชัด
นอกจากนั้น นายกรัฐมนตรียังให้ความสำคัญในการติดตามอย่างต่อเนื่อง โดยได้เรียกประชุมติดตามมาตรการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่รัฐบาลประกาศยกระดับการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ โดยไทยอาสาเป็นเจ้าภาพในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติในการหาความร่วมมือกับนานาประเทศ โดยเฉพาะอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และได้มีข้อสั่งการด้านความมั่นคง เพิ่มความเข้มงวดในการเข้า-ออกตามจุดผ่านแดน โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออกและชายแดนกัมพูชา เพี่อระวังและปราบปรามขบวนการลักลอบพาคนไปทำงานผิดกฎหมายในต่างประเทศด้วย
“รัฐบาลไทยถือว่าศูนย์สแกมเมอร์ หรือธุรกิจการค้ามนุษย์ในประเทศเพื่อนบ้าน เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงและเศรษฐกิจของประเทศ รัฐบาลโดยการนำของนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้เร่งป้องกันวิกฤติการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ และจะทำงานร่วมกับมิตรประเทศ รวมทั้งองค์กรระหว่างประเทศ เพื่อตัดตอนเครือข่ายการค้ามนุษย์ สร้างกลไกความร่วมมือ ในการยุติกระบวนการอาชญากรรมข้ามชาติต่างๆ ที่ใช้เทคโนโลยีและช่องโหว่ทางกฎหมาย แสวงหาประโยชน์จากเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน” นายจิรายุ กล่าวย้ำ
ข่าวจาก Amnesty International https://www.amnesty.org/en/documents/asa23/9447/2025/en/?fbclid=IwY2xjawLLM49leHRuA2FlbQIxMABicmlkETFkRWt4MHd3OENxZjF0bVRVAR4I4HkBq4i77eQYSutVGC9gPRAjrO9shEwTmBpyb1fuJgDm8RDdbXYEkWjAwg_aem_AR6c73v-hKz7M55srGPZHw
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- 'กต.' เมินโซเซียล 'กัมพูชา' ปั่นแรง ยันใช้ช่องทางสื่อสารรัฐบาลต่อรัฐบาลเท่านั้น
- ‘ฮุน เซน’ แฉเอง! ‘ทักษิณ’ แกล้งป่วย ไร้คุณธรรมจึงต้องเปิดโปง
- ‘ฮุน เซน’ ซัดนายกฯ กล่าวโจมตีแม่ทัพภาค 2 เข้าข่ายกบฏ เผย ‘3 ชินวัตร’ โทรขอบคุณ
ติดตามเราได้ที่