2 หุ้นเพชรซ่อนคม! การเงินไร้เทียมทาน

หุ้นวิชั่น –ชู 2 หุ้นเด่น HPT - JUBILE การันตีฐานะการเงินสุดแกร่ง! กวาดกำไรสุทธิ-EBITDA-กระแสเงินสดบวก 3 ปีซ้อน แถม P/E ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่ม Consumer Products ด้าน "JUBILE" มีโอกาสฟื้นตัว อีเวนต์กระตุ้นยอดขายหนุน บวกกระแสเพชรสังเคราะห์แรง ฝ่ายวิจัยส่องเป้า 9 บาท แนะ "ถือ" รอจังหวะฟื้น!

ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน ตลาดหลักทรัพย์ฯ พบ บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ที่มีความโดดเด่นด้านฐานะทางการเงิน ด้วยผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งต่อเนื่อง 3 ปี (2565–2567) โดยมีอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin), กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) และกระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน (OCF) เป็นบวกทุกปี ขณะเดียวกันยังมีค่า P/E ต่ำกว่า 15 เท่า ในกลุ่มอุตสาหกรรมกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค (Consumer Products) ได้แก่ บริษัท โฮม พอตเทอรี่ จำกัด (มหาชน) หรือ HPT และ บริษัท ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JUBILE

โดย บริษัท โฮม พอตเทอรี่ จำกัด (มหาชน) หรือ HPT ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องใช้บนโต๊ะอาหารเซรามิคระดับสากล ย้อนหลัง 3 ปี (2565–2567) HPT มีอัตรากำไรสุทธิที่ระดับ 10.81% 7.94% และ 9.91% ตามลำดับ ขณะที่ EBITDA อยู่ที่ 61.81 ล้านบาท 44.62 ล้านบาท และ 53.85 ล้านบาท ส่วนกระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงานอยู่ที่ 37.02 ล้านบาท 24.55 ล้านบาท และ 47.75 ล้านบาท สะท้อนความแข็งแกร่งและความสามารถในการทำกำไรอย่างต่อเนื่อง

ด้าน บริษัท ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JUBILE ผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีกเครื่องประดับเพชรและเพชรกะรัต ย้อนดูตัวเลขในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2565–2567) พบว่า มีอัตรากำไรสุทธิที่ระดับ 17.51% 12.86% และ 9.73% ตามลำดับ ขณะที่ EBITDA อยู่ที่ 507.22 ล้านบาท 369.33 ล้านบาท และ 287.95 ล้านบาท ส่วนกระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงานอยู่ที่ 254.60 ล้านบาท 231.65 ล้านบาท และ 205.18 ล้านบาท

ทั้งนี้ ทั้งสองบริษัทถือว่ามีพื้นฐานทางการเงินแข็งแกร่ง เติบโตต่อเนื่อง และยังมีความน่าสนใจเชิงมูลค่า เมื่อเทียบกับระดับ P/E ที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มอุตสาหกรรมกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค (Consumer Products) ใน mai

ที่มา : SETSMART (ข้อมูล ณ วันที่ 15 มิ.ย.68)

ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ระบุถึง JUBILE ว่า คาดว่ารายได้ไตรมาส 2/2568 มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้น QoQ แต่อ่อนตัว YoY จากการจัดงานครบรอบ 96 ปี และงาน Mid-Year Sales ในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน ตามลำดับ ขณะที่คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นมีโอกาสอ่อนตัวลงจาก GPM ในไตรมาส 1/2568 ที่ 49.2% เนื่องจากการให้ส่วนลดภายในงาน Mid-Year Sales ส่งผลให้ผลประกอบการไตรมาส 2/2568 คาดว่าจะปรับตัวขึ้น QoQ แต่ลดลง YoY

ทั้งนี้ บริษัทรายงานรายได้และกำไรสุทธิไตรมาส 1/2568 ที่ 291 ล้านบาท และ 26 ล้านบาท ตามลำดับ หดตัว 25% QoQ และ 30% YoY โดยกำไรไตรมาส 1/2568 คิดเป็น 20% ของประมาณการทั้งปี

เศรษฐกิจที่ชะลอตัวกดดันความต้องการซื้อเพชรซึ่งเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย นอกจากนี้ยังมีผลกระทบจากเพชรสังเคราะห์ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2566 มีส่วนแบ่งการตลาด 9.3% เพิ่มขึ้นจาก 2.4% ในปี 2563 เนื่องจากราคาถูกกว่าเพชรธรรมชาติกว่า 50% แต่คุณสมบัติใกล้เคียงกัน ส่งผลให้ De Beers ผู้ผลิตเพชรธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลกต้องปรับราคาขายลงถึง 40% ในปี 2566 (ข้อมูลจาก Gem and Jewelry Institute of Thailand)

ฝ่ายวิเคราะห์คงประมาณการรายได้และกำไรปี 68 ที่ 1.32 พันล้านบาท และ 128 ล้านบาท ลดลง 7% YoY และ 9% YoY ตามลำดับ เนื่องจากรายได้ไตรมาส 1/2568 ลดลง 25% QoQ และ 15% YoY ตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว

คาดว่ารายได้และกำไรไตรมาส 2/2568 จะกลับมาเติบโต QoQ แต่กำไรไตรมาส 3/2568 จะอ่อนตัวลง QoQ เนื่องจากไม่มีการจัดงานใหญ่ ฝ่ายวิเคราะห์คงอัตรากำไรขั้นต้นปี 68 ที่ระดับ 47.7% และคาดว่า SG&A ต่อรายได้อยู่ที่ 37.2% เพิ่มขึ้น 0.4% จากปีก่อน เนื่องจากรายได้ที่อ่อนตัวลง

ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินราคาเหมาะสมด้วยวิธี Prospective PER โดยใช้ค่าเฉลี่ย PE Ratio ย้อนหลัง 1 ปี ได้ค่าเฉลี่ยที่ 12.0 เท่า คาดการณ์กำไรต่อหุ้นปี 68 ราว 0.74 บาทต่อหุ้น คำนวณราคาเหมาะสมอยู่ที่ 9.00 บาท แม้จะมี Upside สูงถึง 29% แต่จากแนวโน้มผลประกอบการที่ชะลอตัวและยังไม่มีสัญญาณการฟื้นตัวอย่างชัดเจน จึงคงคำแนะนำ “ถือ”

รายงานโดย : มินตรา แก้วภูบาล บรรณาธิการข่าว mai สำนักข่าว Hoonvision