โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

โจทย์หิน ‘วิทัย’ พยุงเศรษฐกิจ ดูแล ‘ค่าเงิน-ดอกเบี้ย’ ระยะยาวปรับโครงสร้าง

กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดต 17 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 11 ชั่วโมงที่ผ่านมา

การคัดเลือกผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนใหม่ได้ข้อสรุปผู้ที่จะมารับตำแหน่งทดแทนนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการ ธปท.ที่ครบวาระวันที่ 30 ก.ย.2568 โดยที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 22 ก.ค.2568 เห็นชอบแต่งตั้งนายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เป็นผู้ว่าการ ธปท.ตามที่นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เสนอ

ทั้งนี้ กระทรวงการคลังรับทราบแต่งตั้งนายวิทัย เนื่องจากเป็นผู้มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ด้านเศรษฐศาสตร์ ด้านการเงินธนาคาร และมีคุณสมบัติตามที่กฎหมายกำหนด

นายพิชัย กล่าวว่าเชื่อมั่นการทำงานระหว่างกระทรวงการคลัง และผู้ว่าการ ธปท.จะไปในทิศทางเดียวกันและทำงานร่วมกันได้ โดยขอให้มีความเข้าใจทั้งนโยบายการเงินและการคลัง

“ที่ผ่านมากระทรวงการคลังทำงานร่วมกับผู้ว่าการ ธปท.ใกล้ชิดอยู่แล้ว โดยแลกเปลี่ยนความเห็นต่อเนื่องจนนำมาสู่การแก้ไขได้ตลอดเวลา ดังนั้นไม่ว่าใครจะมาก็ทำงานร่วมกันได้ และการทำงานกับผู้ว่าการ ธปท.คนปัจจุบันก็ทำงานได้ด้วยดีไม่มีอะไร” นายพิชัยกล่าว

ส่วนประเด็นรัฐบาลต้องการให้ผู้ว่าการ ธปท.คนใหม่ ผลักดันนโยบายใดเร่งด่วน เพื่อรองรับวิกฤติเศรษฐกิจไทยที่อาจเกิดขึ้นเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้น นายพิชัย ระบุว่า รัฐบาลอยากให้ผลักดันหลายเรื่อง โดยเรื่องสำคัญที่ผู้ว่าการ ธปท.ต้องเร่งดำเนินการ คือ การแก้ไขปัญหาหนี้ ซึ่งต้องเร่งแก้ไขเร็วที่สุดเพราะเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดที่ต้องเร่งแก้ปัญหา รวมทั้งต้องทำงานให้สอดคล้องภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน

นายพิชัย กล่าวว่า ที่ผ่านมานโยบายการเงินและการคลังปรับจูนเข้าหากันด้วยดีและทำงานใกล้ชิดกันขึ้น โดยยังยึดหลักการแลกเปลี่ยนข้อมูลและร่วมกันแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งการดำเนินนโยบายการเงินที่เหมาะสมมีความอิสระที่ ธปท.ตัดสินใจได้

ส่วนข้อกังวลการทำงานต่อไปจะเป็นการชี้นำจากทางการเมืองหรือไม่ นายพิชัย กล่าวว่า “สไตล์การทำงานของผมไม่กดดัน พูดกันด้วยเหตุและผล ทำงานด้วยความเข้าอกเข้าใจยืนยันไม่มีปัญหาแน่นอน เมื่อเข้ามาแล้วผู้ว่าการ ธปท.ต้องรับผิดชอบองค์กรและงานตัวเอง”

“เขาต้องมีความอิสระการทำงานและแนวคิด ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยมีมีปัญหาหลากหลายจริงๆ อย่างไรก็ตาม หวังว่าการทำงานนโยบายการคลัง ต้องเข้าใจซึ่งกันและกัน เพื่อปรับนโยบายการเงินให้สอดคล้อง และเป็นอิสระทางความคิด”

ส่วนการเข้ามาของผู้ว่าการ ธปท.คนใหม่ คาดหวังคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ลดดอกเบี้ยนโยบายหรือไม่ นายพิชัย กล่าวว่า เป็นการพิจารณาของ กนง.เชื่อว่าคงประมวลเหตุการณ์ทั้งหมดและนโยบายภาษีสหรัฐด้วยเพื่อกำหนดนโยบาย ซึ่งไม่ควรคิดแทนล่วงหน้า

“เวลาออกเกณฑ์ถ้าระวังความเสี่ยงเสถียรภาพการเงินเป็นหลักมากเกินไป ไม่เปิดรับความเสี่ยงเลย แม้จะทำให้แบงก์แข็งแรงแต่ทำให้ศักยภาพลดลง คือ การปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินลดลง เงินไม่ลงสู่ระบบ ดังนั้นต้องสร้างสมดุลระหว่างเสถียรภาพกับศักยภาพ“

นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า ขณะนี้เงินเฟ้อไทยอยู่ระดับต่ำเกินไป ดังนั้นภาคนโยบายการเงินและนโยบายการคลังต้องช่วยดูแล ส่วนเงินบาทที่แข็งค่ามากขึ้นอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องดูแลให้เหมาะสม

“หอการค้า”หวังลดดอกเบี้ยนโยบาย

นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับนายวิทัย ที่ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ว่าการ ธปท.คนใหม่ โดยเชื่อมั่นจะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจไทยได้ และฝากให้ผู้ว่าการ ธปท.คนใหม่ดูแลค่าเงินบาทเป็นเรื่องเร่งด่วน เพราะเงินบาทแข็งมากทำให้ขีดความสามารถการแข่งขันไทยลดลงและสู้คู่แข่งไม่ได้ ดังนั้นจึงขอให้รีบเข้ามาดูแลให้มีความเหมาะสม

“คลัง”หวังทำงานร่วม ธปท.มากขึ้น

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ต้องการให้กระทรวงการคลังและ ธปท.หารือกันมากขึ้น เพื่อให้นโยบายการคลังและนโยบายการเงินไปในทิศทางเดียวกันหรือสอดประสานกัน โดยเฉพาะการพิจารณาความเหมาะสมของกฎเกณฑ์การกระจายสินเชื่อและการเข้าถึงแหล่งเงินของประชาชนรวมทั้งให้ไทยสู้ประเทศคู่แข่งได้เพราะขณะนี้ทุกชาติเร่งส่งออกสินค้า ดังนั้นค่าเงินเป็นปัจจัยเอื้อให้ผู้นำเข้าสั่งซื้อสินค้า และการที่เงินบาทแข็งค่าเป็นปัจจัยซ้ำเติมต่อจากภาษีทรัมป์ที่ไทยยังไม่รู้ว่าผลการเจรจาของไทยจะได้อัตราภาษีเท่าไร

นอกจากนี้อัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผู้ว่าการ ธปท.คนใหม่ต้องเข้ามาดูแล เพราะขณะนี้ผู้ประกอบการเดือดร้อนจากดอกเบี้ยสูงส่งผลต่อต้นทุนธุรกิจทำให้ขาดความสภาพคล่อง

ดังนั้นต้องเร่งมาดูแลเพื่อให้เหมาะสม อีกทั้งกังวลช่องว่างของดอกเบี้ยนโยบายและดอกเบี้ยเงินฝากที่ห่างกันมาก โดยขอให้พิจารณาลดลงให้ไม่ห่างกันมากเกินไป ขณะที่ปัญหาหนี้ครัวเรือนก็ยังเป็นปัญหาอยู่ควรมีมาตราการออกมาช่วยบรรเทาในเรื่องนี้

สรท.แนะดูแลเสถียรภาพเงินบาท

นายธนากร เกษตรสุวรรณ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า โจทย์ผู้ว่าการ ธปท.คนใหม่ต้องรีบแก้ปัญหาเศรษฐกิจ 2 เรื่อง คือ

1.อัตราดอกเบี้ยนโยบายโดยเฉพาะช่วงเศรษฐกิจไทยมีปัญหา ซึ่งเป็นอำนาจของ ธปท.ต้องพิจารณาลดหรือไม่อย่างไร ซึ่งปัจจุบันช่องว่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและดอกเบี้ยเงินกู้ห่างมาก

ดังนั้นจุดที่เหมาะสมและสมดุลควรอยู่ตรงไหนขอฝากผู้ว่าการ ธปท.คนใหม่ที่มาจากธนาคารออมสินน่าจะเห็นภาพจุดนี้อยู่ เพราะผลจากระยะห่างของดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ทำให้ธนาคารพาณิชย์ได้กำไรจากส่วนต่างมาก และมากกว่าธนาคารพาณิชย์ประเทศอื่น

2.ค่าเงินบาท ซึ่งอัตราค่าเงินมีปัจจัยอื่นอีกมากที่มีผลต่ออัตราแลกเปลี่ยนที่ ธปท.ย่อมรู้ดี โดยค่าเงินบาทเคลื่อนไหวตามสูตรการคำนวณหรือเงื่อนไขที่มีอยู่ การที่จะไปควบคุมหรือแทรกแซงอาจเป็นไปได้ยาก

ทั้งนี้ ภาคเอกชนไม่อยากไปก้าวล่วง แต่มองแนวทางของอัตราแลกเปลี่ยน คือ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ควรส่งเสริมนักลงทุนนำเงินบาทไปลงทุนในต่างประเทศ ขณะนี้เข้าใจว่าเศรษฐกิจซบเซาทำให้นักลงทุนไม่กล้าไปลงทุนที่ไหน อีกทั้งต่างชาติเข้ามาเก็งกำไรจากค่าเงิน และการซื้อขายทองคำเป็นเรื่องสำคัญเพราะอัตราแลกเปลี่ยนมีผลต่อการซื้อขายทองคำมาก

อย่างไรก็ตามขอฝากผู้ว่าการ ธปท.คนใหม่ พิจารณาหาแนวทางดูแลค่าเงินบาทให้มีความเสถียรภาพไม่ผันผวนมาก และอัตราใกล้เคียงประเทศคู่แข่ง ซึ่งต้องดูประเทศคู่แข่งมีวิธีดูแลค่าเงินไม่ให้แข็งมากได้อย่างไร

“ผู้ส่งออกมี 2 เรื่องสำคัญที่อยากให้ผู้ว่า ธปท.เข้ามาดูแล คือ อัตราดอกเบี้ยนโยบายและค่าเงินบาท ที่จะบริหารอย่างไรให้มีความเหมาะสมและเป็นธรรม” นายธนากร กล่าว

แนะ‘ลดดอกเบี้ย'กระตุ้นอสังหาฯ

นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า นายวิทัย มีแนวโน้มลดดอกเบี้ยลง เชื่อว่าช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้ โดยผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์อยากเห็นทิศทางอัตราดอกเบี้ยเป็นสิ่งสำคัญ เพราะอัตราดอกเบี้ยขาลงจะช่วยกระตุ้นตลาดโดยตรง ช่วยทั้งผู้ประกอบการให้มีภาระต้นทุนลดลงและผู้บริโภครับภาระลดลงด้วย

นอกจากนี้ การดำเนินนโยบายการซื้อหนี้จากสถาบันการเงินของรัฐ ถือเป็นนโยบายที่ดี ซึ่งจะช่วยลดข้อจำกัดการปล่อยกู้ของสถาบันการเงินได้อย่างประสิทธิภาพ

โจทย์ใหญ่ รับมือ‘เศรษฐกิจชะลอ-ภาษีทรัมป์-หนี้ครัวเรือน’

นางสาวฐิติมา ชูเชิด ผู้อำนวยการอาวุโส ผู้บริหารฝ่าย วิจัยเศรษฐกิจมหภาค ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (SCB EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า โจทย์สำหรับผู้ว่าการ ธปท.คนใหม่มีทั้งระยะสั้นต้องเร่งดูแลเศรษฐกิจไทยที่กำลังเผชิญพายุและมีแนวโน้มชะลอในปี 2568-2569 โดยเฉพาะผลกระทบจากภาษีของทรัมป์ที่รอประกาศชัดเจน 1 ส.ค.นี้

ทั้งนี้ ธปท.มีเครื่องมือทางการเงินเพิ่มจากนโยบายดอกเบี้ยที่เข้ามาช่วยลดหนี้ของธุรกิจและประชาชนที่มีโอกาสเพิ่มขึ้น เพื่อให้เศรษฐกิจและธุรกิจปีนี้ประคองตัวได้

ขณะที่โจทย์ระยะยาว คือ การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทยรองรับจากความเสี่ยงภายนอกที่ทำให้ธุรกิจเปลี่ยนในช่วงนี้ได้ โดย ธปท. ต้องพิจารณาควบคู่กับโจทย์ระยะสั้น

“ธปท.ยังมีเครื่องทางการเงินพร้อมนอกจากนโยบายบายดอกเบี้ย เช่น การให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ การขยายวงเงินและเพดานการค้ำประกันสินเชื่อให้ประชาชน และภาคธุรกิจมีเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน สร้างแต้มต่อผ่านความไม่แน่นอนภาษีทรัมป์ในเวลานี้และระยะข้างหน้าให้เกิดความสมดุลใน 3 ปีได้”

หวัง“การคลัง-การเงิน”สอดประสานกัน

นางสาวฐิติมา กล่าวว่า มาตรการภาษีทรัมป์กระทบโดยตรงต่อการส่งออกไทย และสินค้าจีนที่ทะลักเข้ามาในไทย รวมถึงจะมีสินค้าที่ส่งออกไปสหรัฐไม่ได้ไหลเข้ามากระทบผู้ผลิตของไทย

ทั้งนี้ กระทรวงการคลังคงเลือกผู้ว่าการ ธปท.คนใหม่ที่เหมาะสมกับสถานการณ์ ซึ่งไม่ว่าใครที่เข้ามารับตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งที่มีเกียรติ และเชื่อว่าบุคคลนั้นมีความตั้งใจอยากเข้ามาช่วยประเทศ โดยผู้ว่าการ ธปท.ใหม่ที่กระทรวงการคลังเลือกสะท้อนให้เห็นมาตรการทางการเงินจะสอดประสานการทำงานร่วมกับมาตรการทางการคลังได้ และจะเห็นการทำงานที่ทันสถานการณ์ขึ้น

รวมทั้ง EIC คงคาดการณ์ (ณ มิ.ย.2568) จีดีพีไทยปีนี้ขยายตัว 1.5% และชะลอลงในปีหน้า ขยายตัว 1.4% โดยรอประเมินผลกระทบภาษีทรัมป์ 1 ส.ค.นี้

“ซีไอเอ็มบี” ชี้โจทย์ใหญ่เร่งแก้ศก.โตต่ำ

ดร.อมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย (CIMB) ว่า ถึงเวลาที่ ธปท.ต้องลงจากหอคอยสู่ท้องทุ่ง เพื่อฟังเสียงประชาชนรากหญ้า ท่ามกลางบริบทเศรษฐกิจโลกที่เปราะบาง หนี้ครัวเรือนพุ่งสูง และภาคการผลิตที่ต้องการการฟื้นตัว โดยผู้ว่าการ ธปท.ไม่เป็นเพียงผู้รักษาเสถียรภาพ แต่ต้องเป็นผู้นำที่กล้าฝ่าคลื่นใหญ่ด้วยหัวใจที่มั่นคงและวิสัยทัศน์ชัดเจน

สำหรับนายวิทัยมีจุดแข็งในฐานะผู้บริหารที่เคยพลิกฟื้นสถาบันการเงินหลายแห่ง เช่น ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย และธนาคารออมสิน โดยจุดแข็งเป็นการบริหารทรัพยากรจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งสอดคล้องบทบาทผู้ว่าการ ธปท.ที่ต้อง “กล้าคิดใหญ่” เพื่ออนาคตประเทศ แต่ต้องเดินอย่างระมัดระวังท่ามกลางความเสี่ยงรอบด้าน

“ถึงเวลาที่ ธปท.ต้องเปิดประตูหอคอย ฟังเสียงบ้านนา ไม่ใช่เพียงการสนทนาในกรอบสถิติอีกต่อไป”

ทั้งนี้ ภายใต้แรงกดดันจากภาคธุรกิจและประชาชนเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่สูง โดยผู้ว่าการ ธปท.คนใหม่ควรกล้าประเมินทิศทางนโยบายการเงินแบบคำนึงถึงความเป็นอยู่ของคนตัวเล็ก SME และผู้มีรายได้น้อย ไม่ใช่เพียงมองเงินเฟ้อหรือ GDP แต่ต้องเชื่อมอัตราดอกเบี้ยกับชีวิตจริงของเศรษฐกิจไทย

กล้ารักษาสมดุล เสถียรภาพกับนวัตกรรม

รวมทั้งบทบาทผู้ว่าการ ธปท.ยุคใหม่ไม่จำกัดแค่ระวังฟองสบู่หรือบริหารค่าเงินบาท แต่ต้องเปิดพื้นที่ให้เทคโนโลยีการเงิน เช่น ดิจิทัลแบงก์และระบบสินเชื่อใหม่ โดยไม่ทิ้งกรอบการกำกับดูแลที่เข้มแข็ง

สำหรับความน่าเชื่อถือของธนาคารกลางไม่ได้เกิดจากตำแหน่ง แต่เกิดจากความไว้วางใจที่ประชาชนรู้สึกได้ โดยต้องกล้าสื่อสารในภาษาที่คนทั่วไปเข้าใจและกล้าบอกความจริงและกล้าฟังเสียงที่หลากหลาย เพื่อให้ธปท.เป็นธนาคารกลางที่ประชาชนรู้สึกว่า “อยู่ข้างเขา”

ทั้งนี้เศรษฐกิจวันนี้ต้องการผู้นำที่มองไกล และ “กล้าทำสิ่งที่ถูกต้อง” แม้ไม่เป็นที่นิยมในระยะสั้น นโยบายบางอย่างอาจไม่ใช่คำตอบที่ง่ายดาย แต่อาจเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อปูทางสู่เศรษฐกิจไทยที่มีศักยภาพในระยะยาว ผู้ว่าคนใหม่ต้องมีความกล้าเช่นนั้น

ในฐานะที่เคยเป็นทั้งผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ นักนโยบาย และนักปฏิรูป นายวิทัยมีโอกาสที่จะใช้เวทีของ ธปท.เป็นจุดเริ่มต้นของการผลักดันแนวคิดเศรษฐกิจใหม่ การลงทุนในศักยภาพคน และการปรับโครงสร้างหนี้อย่างยั่งยืน บทบาทของผู้ว่าจึงอาจไม่ใช่แค่ “ดูแลนโยบายการเงิน” แต่เป็น “พลังส่ง” ให้ประเทศข้ามพ้นกับดักเดิม

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก กรุงเทพธุรกิจ

เดือด 'ผบ.ทบ.'สั่งเตรียม แผนจักรพงษ์ภูวนาถ ลงพื้นที่บัญชาการชายแดนกัมพูชา

12 นาทีที่แล้ว

ทบ .ประณามวางทุ่นระเบิดช่องอานม้า กำลังพลเจ็บสาหัส ขาขาด1 นาย

19 นาทีที่แล้ว

‘สิงคโปร์’ No.1 พาสปอร์ตทรงอิทธิพลที่สุดในโลก ‘ไทย’ ร่วงสู่อันดับ 62

25 นาทีที่แล้ว

PTT ตัดขายหุ้น 2% ใน Lotus ผ่านตลาดหุ้นไต้หวัน ปรับพอร์ตกลุ่มธุรกิจ Life Science

33 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไอที ธุรกิจอื่น ๆ

TTB ยอดสะสมซื้อหุ้นคืน 2.29 พันล้านหุ้น มูลค่า 4.34 พันลบ. ก่อนครบกำหนด 1 ส.ค.นี้

ข่าวหุ้นธุรกิจ

KKPS จับตา “วิทัย” ผู้ว่า.ธปท. สายภาครัฐ หั่นดอกเบี้ย 1% ช่วง 12 เดือนข้างหน้า

ข่าวหุ้นธุรกิจ

โบรกเกอร์มีมติเลือก "ธนพิศาล"-"ไพบูลย์" นั่งบอร์ดตลท. มีผล 5 ส.ค.68

ทันหุ้น

สพข.4 จัดหลักสูตร ‘นักพัฒนาดิน’ ขยายผลงานพัฒนาที่ดิน สร้างเครือข่ายองค์ความรู้

The Bangkok Insight

พรุ่งนี้ค่อยเติม! แจ้งปรับลดราคาน้ำมันเบนซิน-โซฮอล์ 40 สต./ลิตร ดีเซลคงเดิม

The Bangkok Insight

“บลจ.-ต่างชาติ” กวาดซื้อตราสารหนี้ไทย 1.8 หมื่นล้าน “ประกัน” เทขาย 142 ลบ.

ข่าวหุ้นธุรกิจ

ข่าวดี พรุ่งนี้ ปตท.-บางจากลดราคาเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ลง 0.40 บาท/ลิตร

ทันหุ้น

ให้คำปรึกษาเรื่องดิน! สพด.ศรีสะเกษ ร่วมงาน ‘โครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่’

The Bangkok Insight

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...