โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ไทยลุ้นผลเจรจาสหรัฐ ! เล็งหุ้นหลบภัยรับแรงกระแทก ตัวไหนน่าลงทุน เช็กเลย !

TNN ช่อง16

เผยแพร่ 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา
14 ประเทศระส่ำอีกครั้ง หลัง “ทรัมป์” ส่งหนังสือถึงผู้นำอย่างเป็นทางการประกาศจัดเก็บเก็บภาษีตอบโต้ ดีเดย์ 1 ส.ค. ซึ่งในระหว่างที่รัฐบาลไทยเร่งเจรจาต่อรองก่อนถึงเส้นตาย ตลาดหุ้นไทยจะมีผลกระทบมากน้อยแค่ไหน และหุ้นตัวไหนจะเป็นแหล่งหลบภัยรับมือความผันผวน รวมทั้งในอดีต 15 ที่ผ่านมาเมื่อหุ้นไทยเผชิญวิกฤตแล้วเป็นอย่างไร วันนี้ TNN Online พาไปไขคำตอบจากกูรูกันค่ะ

อกสั่นขวัญแขวนอีกระลอก ! หลัง “ทรัมป์” ร่อนหนังสืออย่างเป็นทางการถึงผู้นำ 14 ประเทศ เมื่อวันที่ 8 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นกลุ่มแรกที่ได้รับการแจ้งจัดเก็บภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) อัตราภาษีใหม่ ดีเดย์ 1 ส.ค. นี้ ได้แก่ เมียนมา 40% ลาว 40% กัมพูชา 36% ไทย 36% บังกลาเทศ 35% เซอร์เบีย 35% อินโดนีเซีย 32% บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา 30% แอฟริกาใต้ 30% ญี่ปุ่น 25% คาซัคสถาน 25% มาเลเซีย 25% เกาหลีใต้ 25% ตูนิเซีย 25%

ทันทีที่ข่าวดังกล่าวแพร่สะพัดส่งผลให้หุ้นไทยร่วง 2 วันติด (8-9 ก.ค.68) 12.60 จุด ร้อนถึง “พิชัย ชุณหวชิร” รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ในฐานะหัวหน้าคณะเจรจาฝ่ายไทย โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า “ทีมเจรจาสู้แล้ว สู้ต่อ สู้ไม่ถอยครับ จากจดหมายฉบับล่าสุด ทางสหรัฐยังไม่ได้พิจารณาข้อเสนอล่าสุดของเรา เราจะไม่หยุด จะสู้ต่อไป เราจะหามาตรการเพิ่ม หาทางออกเพิ่ม เพื่อให้มั่นใจว่าเราทุกคนได้สู้จนถึงที่สุด เพื่อให้ประเทศไทยได้ข้อเสนอที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ฝั่ง “อัสสเดช คงสิริ” กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ออกมายอมรับว่า นโยบายภาษีสินค้านำเข้า (Reciprocal Tariffs) ของสหรัฐ มีผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทย เนื่องจากหากอัตราภาษีเทียบกับคู่แข่งของไทยสูงกว่า จะส่งผลให้ธุรกิจบางเซ็กเตอร์อาจจะลำบาก แต่ต้องรอติดตามข่าวจากทางการที่ชัดเจนอีกครั้ง และยืนยันว่ามีมาตรการรับมือตลาดผันผวนแน่นอน

เมื่อสถานการณ์ยังหน้าสิ่วหน้าขวานภาครัฐอยู่ระหว่างหาทางออกคลายผลกระทบหนักให้เป็นเบา แต่ทิศทางตลาดหุ้นไทยจากนี้ไปจะเป็นอย่างไร หุ้นตัวไหนยังไปต่อและน่าลงทุนท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลกจากสงครามทางการค้าที่ร้อนระอุ วันนี้ TNN Online ได้สัมภาษณ์กูรูตลาดทุนจะมีรายละเอียดอะไรบ้างนั้น ตามไปดูกันเลยค่ะ

เริ่มจาก“ภราดร เตียรณปราโมทย์" ผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซียพลัส เล่าย้อนอดีตหุ้นไทยในช่วง 15 ปีที่ผ่านมาให้ฟังว่า จากหลายวิกฤติทำให้ดัชนีทดสอบลงไปในระดับ 900-1,100 จุด เช่น วิกฤติน้ำท่วมปี 54 ดัชนีต่ำสุด 919 จุด ปลายปี 58 เหตการณ์สำคัญของไทย ดัชนีต่ำสุด 1,288 จุด โควิดในช่วงเดือน มี.ค. 63 ดัชนีต่ำสุด 1,126 จุด ต.ค.63 ก่อนคิดค้นเจอวัคซีนไฟเซอร์ดัชนีร่วงจุดต่ำสุดอยู่ที่ 1,195 จุด

โดยปัจจุบันปี 68 เจอเหตุการณ์ “ทรัมป์” ขึ้นภาษีนำเข้า- ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา-การเมืองในประเทศลงไปทำจุดต่ำสุด 1,100 จุด แม้ว่าสถานการณ์แต่ละช่วงเวลาไม่เหมือนกัน แต่เชื่อว่าหากสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ร้อนแรงคลี่คลายลงจะเห็นดัชนีหุ้นไทยรีบาวด์เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นในอดีตช่วง 15 ปีที่ผ่านมา

สำหรับกรณีสหรัฐฯ หากเรียกเก็บภาษีตอบโต้ไทย 36% เหมือนเดิมในวันที่ 1 ส.ค. จะเป็นปัจจัยกดดันภาพรวมเศรษฐกิจไทย และส่งผลให้หน่วยงานเศรษฐกิจไทยทบทวนจีดีพีไทยใหม่ เนื่องจากแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยพึ่งพิงการส่งออกเป็นหลัก พร้อมกับกระทบต่อภาคการลงทุนปรับตัวลดลง

แต่จากการประเมินเบื้องต้นหลังจากที่ “ทรัมป์” ทำหนังสือถึงรัฐบาลไทยตลาดหุ้นไทยไม่ได้รับตัวลงมากนัก โดยวันที่ 8 ก.ค.ลงไป 7.35 จุด หรือ 0.65 % เนื่องจากนักลงทุนรับรู้ข่าวไปหลายระลอกแล้ว ไม่เหมือนกับช่วงแรกที่ทรัมป์ประกาศเก็บภาษีอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 8 เม.ย.ที่ผ่านมาดัชนีร่วง 50.62 จุด หรือ 4.50% ปิดตลาดที่ 1,074.59 จุด และลงไปทำจุดต่ำสุดที่ 1,056 จุด

ขณะที่จีนได้ออกมาตอบโต้สหรัฐฯ กรณีที่สหรัฐฯ จะเก็บภาษีนำเข้า 40% กับเวียดนาม โดยเฉพาะสินค้าที่ถูกจัดว่าเป็น "transshipments" หรือการส่งต่อสินค้าที่อาจมีจุดประสงค์เพื่อเลี่ยงภาษีนำเข้าเดิม ซึ่งกรณีนี้หมายถึง สินค้าจากจีนที่อาจถูกส่งผ่านเวียดนาม ก่อนเข้าสู่สหรัฐฯทำให้หลายประเทศดูท่าทีจีนก่อนทำให้การเจรจาชะลอออกไป

ส่วนของตลาดหุ้น ถ้าประเมินกลุ่มส่งออกที่อิงตลาดส่งออกสหรัฐใน 4 กลุ่มคือ เกษตร อาหาร ปิโตรเคมี และชิ้นส่วนยานยนต์สัดส่วน 3.3%ของ MARKET CAP,3.1% ของรายได้ และ 1.1% ของกำไร (ด้วยสมมุติฐานส่งออกไปสหรัฐประมาณ 18% ของรายได้) ดังนั้น DOWNSIDE ต่อตลาดฯ ในเชิงตัวเลขสำหรับประเด็นนี้กดดัน SET INDEX ให้ลดลงได้ประมาณ -3% ซึ่งเชื่อว่าการเจรจาของนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลังจะเจรจาต่อรองสหรัฐฯ ได้ทันก่อนประกาศขึ้นภาษีอย่างเป็นทางการ

ทั้งนี้เห็นว่าโยบายการคลังเดินหน้าเจรจาเต็มที่ คาดนโยบายการเงินจะเข้ามาช่วยแรงหนุนเศรษฐกิจไทยประเมินว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) อาจลดดอกเบี้ยในวันที่ 13 ส.ค.อีก 0.25% หลังทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีไปแล้ว และลดอีก 1 ครั้งในช่วงที่เหลือของปี ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลหรือบอนด์ยีลด์อายุ 1-7 ปีต่ำกว่า 1.5%

ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนเน้นหุ้นได้ประโยชน์ ดอกเบี้ยขาลง เช่นMTCราคาเป้าหมาย 54 บาท ,KTC ปันผล 5% หุ้นปันผลสูง SPALI ราคาเป้าหมาย 18.8 บาท , SIRIราคาเป้าหมาย 1.9 บาท หุ้นปลอดภัย เช่น BHราคาเป้าหมาย 230 บาท ,BCHราคาเป้าหมาย 19 บาท

ส่วนกรอบการเคลื่อนไหวดัชนีสัปดาห์หน้า แนวต้านแรก 1,130 จุด แนวต้านถัดไป1,145 จุด แนวรับอยู่ที่ 1,100 จุด ติดตามการเมืองในประเทศ คืบหน้าเปิดกำแพงภาษี ศาลรัฐธรรมนูญหมดเวลายื่นเอกสารของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีปมคลิปเสียงหลุด

ฝั่ง ฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์" AISA, CFTe ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บล.กรุงศรี มองว่า ถ้าไทยถูกเก็บภาษีนำเข้าจากสหรัฐ 36% จะกระทบต่อตลาดหุ้นไทยมาก คาดว่าจะส่งผลให้ Market EPS ตลาด -3% ถึง -4% จะทำให้เม็ดเงินจากต่างชาติไหลออกทำให้เกิดความเสี่ยงสูง และทำให้ตลาดหุ้นเกิดความผันผวน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย ดังนั้นรัฐต้องใช้นโยบายการเงินและการคลังเข้ามาแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น

โดยหุ้นที่ควรหลีกเลี่ยง: หุ้นส่งออก ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ นิคมอุตสาหกรรม และธนาคาร

หุ้นพักเงิน: รับอานิสงส์ดอกเบี้ยลดลง

  • ดอกเบี้ยลด :KTC, MTC
  • High Yield : ADVANC, AP
  • หนี้สูง อาทิ TRUE, MINT, CPALL
  • Energy Defensive: GULF, BCPG
  • Healthcare: BDMS, BCH, CHG
  • ท่องเที่ยว : CENTEL, ERW
  • นำเข้า (กรณีไทยงดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ อาทิ เทคโนโลยี) : ADVANC, COM7, ADVICE, INSET
  • นำเข้าก๊าซ : PTTGC, GPSC, BGRIM

สำหรับตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้า คาดดัชนีแกว่งไซด์เวย์-ไซด์เวย์อัพ ประเมินโมเมนตัมการฟื้นตัวคาดหวังได้ต่อ สถานการณ์การค้าสหรัฐฯ – ชาติอื่นที่กลับมาเข้มข้น แต่ท้ายที่สุดยังสร้างกดดันเงินเฟ้อและเศรษฐกิจสหรัฐฯ เอง ทำให้เม็ดเงินลงทุนคาดไหลกลับมาที่ตลาดเกิดใหม่ ทั้งพันธบัตรและตลาดหุ้น โดยเฉพาะจีนที่คาดว่าจะโดดเด่น จากความคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่น่าจะมีออกมาจากการประชุม Politburo หนุนหุ้นกลุ่ม China Plays (ปิโตรเคมี แพ็กเกจจิ้ง, Logistic) ส่วนทิศทางดอกเบี้ยขาลงหนุน (โรงไฟฟ้า เช่าซื้อ High Yield หนี้สูง) รวมถึง หุ้น Domestic อิงภาคบริการที่โมเมนตัมนักท่องเที่ยวกำลังฟื้นตัวจากจุดต่ำสุด ประเมินแนวต้านแรกที่ 1,140 จุด แนวต้านถัดไปที่ 1,155 จุด แนวรับแรกที่ 1,113 จุด แนวรับถัดไปที่ 1,104จุด

กลยุทธ์การลงทุนแนะนำหุ้น

• AOT (TP Max Con-39): นักท่องเที่ยวฟื้นจากจุดต่ำสุดเปิด Upside ประมาณการที่ตลาดปรับลดจำนวนผู้ใช้บริการและรายได้เกี่ยวข้องลง

• GULF(TP-56.5) : ความเสี่ยงการค้าโลกถ่วงต้นทุนโภคภัณฑ์ ผสาน ดอกเบี้ยขาลงหนุน

• SCC (TP Max Con-252) กำไรปกติ 2Q25F บ่งชี้ภาพผ่านจุดต่ำสุด ผสานความต่อเนื่องโอกาสกระตุ้นเศรษฐกิจจีน

ปัจจัยที่ติดตาม

  • 14 ก.ค. ส่งออก - นำเข้าของจีนตลาดคาด 5% y-y และ -0.5% q-q จากเดิมอยู่ที่ 4.8% y-y, -3.4% q-q
  • 15 ก.ค. เงินเฟ้อ CPI มิ.ย. ของสหรัฐฯ คาด +2.6%y-y, +0.3% q-q เงินเฟ้อพื้นฐาน คาด +2.9%y-y, +0.2% q-q
  • 17 ก.ค. ยอดค้าปลีกสหรัฐ
  • 18 ก.ค. ดัชนีความเชื่อมั่น มหาวิทยาลัยมิชิแกน เดือนมิ.ย. คาดอยู่ที่ 61.3 จุด จากเดิมอยู่ที่ 60.7 จุด
  • การประชุม Politburo ว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ตามที่ตลาดเก็งล่วงหน้า อาทิ ในส่วนภาคอสังหาฯ หรือไม่
  • ตัวเลขเศรษฐกิจจีน เช่น ผลผลิตภาคอุตฯ คาด +5.6%y-y จากเดิมอยู่ที่ +5.8%y-y ดัชนีค้าปลีก คาด +6.1%y-y จากเดิมอยู่ที่ +6.4%y-y, การลงทุนสินทรัพย์คงทน คาด +4.5% ytd y-y จากเดิมอยู่ที่ 3.7% ytd y-y และจีดีพีไตรมาส 2/68 ตลาดคาด 5.1 %y-y, 0.9%q-q
  • การเจรจาการค้าของสหรัฐฯ และคู่ค้าหลังเลื่อนวันบังคับเป็น 1 ส.ค.
  • การประกาศงบแบงก์ 15 ก.ค. หุ้นธนาคารเริ่มรายงานกำไร 2Q25 นำโดย TISCO ตามด้วย TTB และ BBL (18 ก.ค.) จับตาคุณภาพสินทรัพย์ และมุมมองเศรษฐกิจระยะถัดไป

ภาวะเศรษฐกิจไทยเผชิญความเสี่ยงสูงจากส่งออกที่อาจจะหดตัวลง หลัง “ทรัมป์” ยังยืนตัวเลขภาษีนำเข้าจากไทยสูงถึง 36% ขณะทึ่ตลาดหุ้นไทยคงหลีกเลี่ยงความผันผวนที่จะเข้าปะทะไม่ได้เช่นกัน นักลงทุนจึงต้องกระจายความเสี่ยงในการลงทุน เน้นลงทุนหุ้นพื้นฐานดีมีปันผล พร้อมติดตามข่าวสารอย่างสม่ำเสมอ เพื่อรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก TNN ช่อง16

ทรัมป์ไปนิวเจอร์ซีย์หลังเยือนน้ำท่วมเท็กซัส

17 นาทีที่แล้ว

ปราสาทตาเมือนธมนักท่องเที่ยวคึกคัก รับหยุดยาวเข้าพรรษา คาดทะลุ 6 พันคน

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

สร้างบ้านจากเปลือกข้าว ทางเลือกใหม่สู้โลกร้อน ทั้งประหยัดและเป็นมิตรกับโลก

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

แผ่นดินไหวรอบหมู่เกาะโทคาระ 1,878 ครั้ง ใน 22 วัน ยังต้องเฝ้าระวังต่อเนื่อง

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

ชวนชมงานศิลป์ "กระทิงแห่งปูการา" ฉลองสัมพันธ์ไทย–เปรู ทั่วกทม.

ฐานเศรษฐกิจ
วิดีโอ

สาวเตือนภัย! เจอคนเมา ด่_ทอ คุกคา_ บนรถไฟ เผยวิธีแจ้งความเอาผิด

BRIGHTTV.CO.TH
วิดีโอ

"กัณวีร์" คาด "กัมพูชา" ยกเรื่องสิทธิแรงงานข้ามชาติ เล่นงานไทยอีก | ข่าวช่องวัน

ข่าวช่องวัน 31
วิดีโอ

วัดพลังรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ งูเห่าโผล่ปมถอนร่างกาสิโน | ข่าวช่องวัน

ข่าวช่องวัน 31

“บิ๊กเต่า” ให้โอกาสคณะสงฆ์ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง

สำนักข่าวไทย Online

คุณหญิงหน่อย ยืนยัน! ไทยสร้างไทย จะไม่จ่ายกล้วยซื้อใจใคร ย้ำถึงงูเห่า เตรียมเจอคดี

TOJO NEWS

‘จอนนี่ มือปราบ’ ปลื้มใจเสียงต่อสู้สำเร็จ อธิบดีกรมพัฒนาฯ ลงพื้นที่ ‘แก้ไข-หาทางออก’

เดลินิวส์

กรมอุตุฯ เปิดรายชื่อ 46 จังหวัด พรุ่งนี้ฝนถล่มหนัก กทม.ไม่รอด โดนด้วย

มุมข่าว

ข่าวและบทความยอดนิยม

ทรัมป์ไม่ค้านถ้าอิสราเอลโจมตีอิหร่านอีก หากพบว่าอิหร่านกลับไปพัฒนานิวเคลียร์

TNN ช่อง16

รู้จัก "ไลบีเรีย" อยู่ที่ไหน? ทำไมได้ฉายาว่า "Little America"?

TNN ช่อง16

"พิชัย" เปิด 3 แนวทาง ไทยสู้ศึก"ภาษีทรัมป์" จ่อซื้อสินค้าสหรัฐฯเพิ่ม แต่ต้องไม่กระทบผู้ผลิตไทย

TNN ช่อง16
ดูเพิ่ม
Loading...