กวาดล้างพระทำผิดกฎหมายทั่วประเทศ สำนักพุทธฯ ยันให้ความร่วมมือตร.100%
เมื่อวันที่ 5 ส.ค. พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. นายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วย นายบุญเชิด กิตติธรางกูร รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวภายหลังนำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา นำกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ
พล.ต.อ.ไกรบุญ เปิดเผยว่า สำหรับปฏิบัติการดังกล่าวมี 181 เป้าหมาย โดยมีเป้าหมายเป็นพระ 154 คน พระที่ลาสิกขาไปแล้ว 27 คน จับได้แล้วตอนนี้รวม 154 คน จาก 73 จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งผู้ต้องหาส่วนมากรับสารภาพ เนื่องจากเราดำเนินการโดยมีหมายจับ แต่ก็ยังมีบางรายที่ไม่ยอมลาสิกขา ยังอาศัยผ้าเหลืองเป็นที่ค้ำจุนให้ตัวเอง แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้มหาเถรสมาคมได้ออกระเบียบและแก้ไขขั้นตอนระยะเวลาในการลาสิกขาแล้ว จาก 3 ปี ลดเหลือ 10 วัน ฉะนั้นในวันนี้เราจะดำเนินการลาสิกขาให้พระที่ทำผิดกฎหมายลาสิกขาทั้งหมด เพื่อจะเข้าสู่กระบวนการดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ภารกิจหลังจากวันนี้ก็ยังมีอย่างต่อเนื่อง และจะมีการประชุมหารือในระดับนโยบาย โดยวันนี้เราจะจัดทำข้อมูลวัดและพระภิกษุสงฆ์ รวมทั้งสิ่งต่างๆ ที่อยู่ในวัด ไม่ว่าจะเป็นมูลนิธิต่างๆ ที่แอบแฝงแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบด้วยเช่นกัน และจะเห็นได้ว่าเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ก็มีวัดใหญ่จังหวัดพิจิตรที่มีปัญหาสะสมมานาน แก้ไขไม่ได้สักที แต่รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางก็ได้ลงไปดำเนินแก้ไขเรียบร้อยแล้ว ประชาชนในพื้นที่ก็ชื่นชม ยืนยันว่าเราจะกวาดล้างพระที่ทำผิดทั้งหมด
นอกจากนี้ พวกที่ยังอาศัยผ้าเหลืองหนีออกนอกประเทศ วันนี้เราได้ร่วมกับ ปปง. ไม่ว่าจะหนีไปประเทศไหน กฎหมายการฟอกเงินสามารถตามไปดำเนินการได้หมด ดังนั้นจะหนีไปไหนก็สามารถนำตัวมาดำเนินคดีได้ ส่วนความผิดที่จับกุมพบว่าส่วนใหญ่จะเป็นกรณีที่กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดแล้วหลบหนีมาบวชโดยอาศัยผ้าเหลืองเป็นอันดับหนึ่ง ส่วนจะมีพระชั้นผู้ใหญ่หรือไม่ ยืนยันว่าหากพบการกระทำความผิดจะดำเนินการทั้งหมด
ส่วนมีเหตุผลหรือไม่ที่จะต้องจับกุมวันนี้พร้อมกันทั่วประเทศ พล.ต.อ.ไกรบุญ กล่าวว่า ก็ส่วนหนึ่ง เนื่องจากเป็นยุทธวิธีในการทำงานของตำรวจ และป้องกันการหลบหนีของเป้าหมาย
ขณะที่ พล.ต.ท.จิรภพ เปิดเผยว่า เรามีข้อมูลที่สามารถตรวจสอบความเชื่อมโยงต่างๆ ที่ทำให้เห็นว่า มีคนไปแอบแฝงอยู่ในคราบผ้าเหลือง เราก็กวาดล้างคนพวกนี้ สำหรับข้อมูลได้มาจากทั้งของศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ แต่เราก็จะนำมาวิเคราะห์ จะยังไม่ปักใจเชื่อ จะมีวิธีการตรวจสอบอย่างเป็นธรรมและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
โดยเป้าหมายที่จับกุมในวันนี้ บางส่วนจะนำเข้ามาที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แต่บางส่วนก็ส่งให้พื้นที่รับผิดชอบตามหมายจับดำเนินคดี และส่วนใหญ่เป็นหมายค้างเก่าที่มีอยู่แล้ว ซึ่งการรวบรวมข้อมูลนั้น ได้มีการรวบรวมมาตั้งแต่ตั้งศูนย์ดังกล่าวแล้ว โดยทำงานร่วมกันจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ และประชาชน และส่วนหนึ่งเรามีข้อมูลอยู่ในระบบของสอบสวนกลางอยู่แล้ว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดรอบนี้ถึงยอมเปิดเผยข้อมูลออกมาดำเนินการ นายบุญเชิด กล่าวว่า หากเป็นข้อมูลที่มีความผิดทางบ้านเมืองก็นำมาให้ตำรวจดำเนินการได้ แต่บางเรื่องเป็นความผิดทางวินัย จะต้องดำเนินการตามวินัย เพื่อนำข้อมูลมารวบรวมให้เป็นเอกภาพ
ส่วนที่ก่อนหน้านี้สำนักพุทธฯ ถูกครหาว่าไม่ให้ความร่วมมือและปกปิดข้อมูลไว้ แสดงว่าครั้งนี้จะเป็นการเริ่มต้นให้ความร่วมมืออย่างต่อเนื่องหรือไม่ นายบุญเชิด บอกว่า 100% ครับ หลังจากนี้หากตำรวจต้องการข้อมูลอะไรก็จะส่งให้ทั้งหมด
ด้าน พล.ต.อ.ไกรบุญ กล่าวเสริมว่า วันนี้เดินหน้าไปด้วยกันดีกว่า อย่าไปพูดถึงอดีต นอกจากนี้ได้มีการทำข้อตกลงร่วมกับสำนักพุทธฯ หากพบว่ามีพระสงฆ์ใน 1 จังหวัด ทำผิดเกิน 3 รูป จะต้องให้ผู้อำนวยการสำนักพุทธฯ ในจังหวัดนั้นต้องย้าย ใช้มาตรการเดียวกันกับตำรวจ ส่วนจะเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดูหรือไม่นั้น ยืนยันว่า ปฏิบัติการครั้งนี้ทำเพื่อให้พุทธศาสนิกชนที่เข้าไปกราบไหว้พิจารณาในการถวายเงินและทำบุญต่างๆ