เพื่อนทหาร สดุดีวีรกรรม อันกล้าหาญ "จ่าโต๋" วีรบุรุษแห่งเขาสัตตะโสม
จากเหตุการณ์สู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 24 - 28 ก.ค. 2568 ล่าสุดมีรายงานว่า ไทยสูญเสียทหาร ที่ปกป้องรักษาอธิปไตย จวบจนลมหายใจสุดท้าย จำนวน 15 นาย ในจำนวนนี้มี "จ่าโต๋" จ.ส.อ.ธวัชชัย บุสภา นายสิบลาดตระเวน ปืนใหญ่ที่ 6 พัน.106 เหตุปะทะฐานปฏิบัติการฟ้าลั่น (เขาสัตตะโสม) อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งได้มีพิธีพระราชทานเพลิงศพ ไปเมื่อ 29 ก.ค. 2568
ล่าสุดผู้ใช้เฟซบุ๊ก "Suttipong Pongwan" ซึ่งเป็นเพื่อนทหารของ "จ่าโต๋" ได้ออกมาสดุดีวีรกรรม วีรบุรุษแห่งเขาสัตตะโสม ไว้ดังนี้
แด่เพื่อนโต๋
มีทหารกลุ่มเล็ก ๆ กลุ่มหนึ่งจัดมาจากหน่วยทหารปืนใหญ่ พวกเขาจะถูกส่งไปอยู่ด้านหน้าสุด จุดสูงที่สุด หรือที่ ๆ ตรวจการณ์สนามรบได้ดีที่สุดเพื่อค้นหาเป้าหมาย ร้องขอและปรับการยิงปืนใหญ่เพื่อทำลายเป้าหมาย และคนกลุ่มนี้ก็จะกลายเป็นเป้าหมายที่ข้าศึกจะต้องทำลายให้ได้เป็นลำดับแรก ๆ เช่นกัน เราเรียกทหารกลุ่มนี้ ว่าผู้ตรวจการณ์หน้า หรือ ผตน.
โต๋ เป็นหัวหน้าชุดผตน. ประจำเขาสัตตะโสม ซึ่งเป็นจุดสูงข่มที่สุดสำคัญที่สุดอีกจุดหนึ่ง ส่วนตัวผู้เขียนเป็นหัวหน้าชุดผตน. อยู่เขาอีกลูกฝั่งขวาถัดจากโต๋ สำหรับพวกเราถ้าใครตรวจเจอสิ่งผิดปกติ เราจะแจ้งเตือนระวังภัยซึ่งกันและกันเสมอมา
วันที่ 24 กรกฎาคม วันแรกของการปะทะ ด้วยความรู้ความสามารถและความกล้าหาญของโต๋ เขาค้นหาเป้าหมาย ทำลายเป้าหมายที่เป็นภัยคุกคามให้กับทหาร นับร้อยนับพันชีวิตฝ่ายเราที่อยู่ทั้งเขาสัตตะโสม ช่องตาเฒ่า และผามออีแดง รวมถึงป้องกันไม่ให้รถถังเข้ามาในพื้นที่ ๆ ผู้เขียนอยู่อีกด้วย การปะทะเกิดขึ้นทั้งวันและคืนจนฝ่ายตรงข้ามต้องสูญเสียอย่างหนัก
วันที่ 25 กรกฎาคม เริ่มมีการปะทะตั้งแต่เวลาตี 3 ฝ่ายตรงข้ามเริ่มโหมสรรพกำลังทุกอย่างที่มี โจมตีพวกเรา รถถัง ปืนใหญ่ จรวด ยิงถล่มพวกเราจนแผ่นดินสั่นสะเทือนไปหมด แต่โต๋ก็ยังคงทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งเหมือนเดิม คือตรวจพบ ร้องขอ เเละทำลาย อีกทั้งเขายังแจ้งเตือนผู้เขียนมาว่า มีรถถังกำลังเข้าไปทางนั้นนะ เตรียมยิงได้เลย
เช้าวันนั้นมีรถถังฝ่ายตรงข้ามอย่างน้อย 15 คัน ไม่รวมปืนใหญ่ และจรวด ระดมยิงอยู่ตรงหน้าโต๋ อีก 3 คัน อยู่ข้างหน้าผู้เขียน พวกเราร้องขอปืนใหญ่เพื่อทำลาย แต่ด้วยจำนวนที่เยอะเกินไปมันไม่ทันการ มีกระสุน 1 นัด ออกจากปากกระบอกปืนใหญ่รถถังฝ่ายตรงข้าม ยิงไปโดนบังเกอร์ที่โต๋ตรวจการณ์อยู่ ไม่นานหลังจากนั้น มีวิทยุเรียกมาแล้วแจ้งข่าวว่า ผตน.สัตตะโสมโดนยิง หลาย ๆ คนที่ได้ยินเสียงวิทยุนั้นรวมถึงน้อง ๆ ในชุดเรา ต่างขวัญเสีย เราได้แต่ภาวนาขออย่าให้มีใครเป็นอะไร แต่คำขอของพวกเราก็ไม่เป็นจริง
ผู้เขียนรีบปลุกใจน้องในชุดว่าไม่เป็นไร เราต้องสู้กันต่อ ขณะที่ตัวเองต้องหลบออกมาทำใจอยู่ลำพังเพราะสงสารเพื่อน สุดท้ายได้แต่กัดฟันพูดกับตัวเองว่า กูและพี่น้องจะแก้แค้นให้มึงเอง
อีกไม่นานผู้คนจะลืมเรื่องราวของโต๋ แต่สำหรับทุกคนที่ร่วมกันสู้ที่นี่ล้วนรับรู้ถึงวีรกรรมอันกล้าหาญเสียสละนั้น และไม่มีวันลืมอย่างแน่นอน
ขอบคุณที่อยู่กันมาตั้งแต่เรียนและเคียงบ่าเคียงไหล่กันในสนามรบ ถึง 12 ปี เพื่อนโต๋ทำหน้าที่ทหารอย่างสมเกียรติ และเป็นสุดยอดผตน.จนวินาทีสุดท้าย สมฉายาราชาแห่งสนามรบอย่างแท้จริง แม้ตัวจะจากไปแล้ว ก็ยังคงมีคนเห็นโต๋ตรวจการณ์อยู่ที่บังเกอร์นั้น อยู่อย่างเช่นที่เคยทำมา