'มาลี โสเจียตา'ผู้หญิง'ผกาเมียะส์'ที่ขายตัวให้ระบอบฮุน เซน ขายความเท็จทำร้ายประเทศไทย
ผมเห็นคนไทยเรียก 'มาลี โสเจียตา' โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาว่าเป็นผู้หญิง 'ดอก…' เพราะทนไม่ไหวกับความ "สตอ" ของเธอที่ออกมาให้ร้ายประเทศไทยไม่หยุดหย่อน
แต่ผมเกรงว่าการด่าเธอว่า "สตอ" ยังน้อยเกินไป เพราะการกระทำของผู้หญิงคนนี้ชั่วร้ายยิ่งกว่าการ "ตอหลดตอแหล" ที่แค่ทำให้รู้สึกหมั่นไส้ ส่วนการกระทำของ 'มาลี โสเจียตา'ทำให้ผู้คนนับล้านเข้าใจผิด ทำให้คนสองประเทศเกลียดชังกัน ทำให้โลกเข้าใจประเทศไทยว่าเป็นอาชญากร และทำให้คนไทยถูกมองว่าชั่วช้าสามานย์
เพราะเธอคนนี้โกหกอย่างหน้าด้านๆ เมื่อเช้าวันนี้ว่าว่า "กัมพูชาหยุดยิงแล้ว" ทั้งๆ ที่ยังยิงกันโครมๆ ทำให้คนไทยเหลืออดกับพฤติกรรมมุสาวาทาแบบหน้าหนาๆ ของเธอ
แต่นั่นยังไม่ร้ายกับที่ ก่อนหน้านี้เธอยังโกหกหน้าตาเฉยว่าไทยใช้อาวุธเคมีทำร้ายกัมพูชา
ข่าวก่อนหน้านี้บอกว่า "'พลโท มาลี โสเจียตา' โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา อ้างว่ากองทัพไทยใช้อาวุธเคมีในการโจมตี ในการแถลงข่าวเมื่อเช้านี้ (วันที่ 28 กรกฎาคม) โสเจียตากล่าวว่า นับตั้งแต่เมื่อวานนี้ กองกำลังไทยได้ใช้เครื่องบินเจ็ทโจมตีด้วยก๊าซพิษในพื้นที่ต่างๆ เช่น อันเซส และพนมกมวจ"
ข่าวนี้ออกมาช่วงเช้าเมื่อวาน หลังจากนั้นกองทัพบกของไทยก็ได้ยืนยันว่าไม่มีการใช้อาวุธเคมี และตอบโต้ว่ากัมพูชาใช้ข่าวปลอม
ในขณะที่ กระทรวงต่างประเทศของไทย ยืนยันวานนี้ว่า "ไทยไม่มีการใช้อาวุธเคมี" และย้ำว่า ไทยยึดมั่นในอนุสัญญาห้ามอาวุธเคมี (Chemical Weapons Convention: CWC) อันเป็นถือเป็นกฎหมายระหว่างประเทศที่สำคัญยิ่ง
มาลี โสเจียตา คงไม่รู้จัก "กฎหมายระหว่างประเทศ" เพราะประเทศชองเธอละเมิดมันทุกวัน จนกระทั่งชีวิตของพลเรือนและทหารไทยล้มตายไปมากมายเพราะการละเมิดนั้น
หากไทยไม่แยแสกฎหมายระหว่างประเทศเหมือนกัมพูชา ป่านนี้ "ไม่เหลือกัมพูชาในแผนที่โลกแล้ว"
แต่เราเป็นประเทศวิญญูชน ไม่ใช่ประเทศป่าเถื่อนเหมือนกัมพูชา และคนไทยไม่ใช่คนโกหกหยาบช้าและสันดาน "ผกาเมียส" เหมือนมาลี โสเจียตา (ម៉ាលី សុជាតា)
ชื่อ "มาลี" (ម៉ាលី) ฟังดูดีมีความนุ่มนวลเพราะหมายถึงดอกไม้ คำว่า "โสเจียตา" ที่แปร่งมาจาก "สุชาตา" (សុជាតា) แปลว่า "ชาติตระกูลดี" หรือ "หญิงงาม" ก็ฟังมีสกุลรุนชาติ แต่ไหงถึงทำตัวเป็น "ผู้ญิงผกาเมียะส์" ไปได้
"ผกาเมียะส์" แปลว่าอะไร? ทำไมผมต้องประเคนตำแหน่งนี้ให้มาลี โสเจียตา?
"ผกาเมียะส์" จากพจนานุกรมภาษาเขมรของสมเด็จพระมหาสุเมธาธิบดี (ชวน ณาต โชตญาโณ) สมเด็จพระสังฆราชกัมพูชาในคณะสงฆ์มหานิกาย ผู้ช่ำชองในภาษาศาสตร์ได้อธิบายไว้ว่า
"สเรยผกาเมียะส์" (ស្ត្រីផ្កាមាស) ใช้ระบุถึงผู้หญิงที่ชายเรือนร่าง" หรือหมายถึง "เสรยแพสยา" (ស្ត្រីពេស្យា) หรือหญิงแพศยา หรือ "นครโสภิณี" (នគរសោភិនី) หรือโสเภณีนั่นเอง
พูดง่ายๆ คือผู้หญิงขายตัวนั่นเอง
"สเรยผกาเมียะส์" ประกอบด้วยคำว่า "เสรย" (ស្ត្រី) ที่แปลว่าผู้หญิง "ผกา" แปลว่าดอกไม้ (ផ្កា) และคำว่า มาสหรือเมียะส์ (មាស) แปลว่าทอง
โดยรวมคือ "ผู้หญิงดอกทอง"
และโดยศัพท์สันนิษฐาน คำว่า "สเรยผกาเมียะส์" ในภาษาเขมรนั้นมาจากภาษาไทยว่า "ดกทง" หรือ "ดอกทอง" (ដកទង) นั่นเองตามที่พจนานุกรมเขมรต่างๆ ได้ว่าไว้
ผมเองไม่ค่อยจะด่าผู้หญิง แม้ผู้หญิงที่เป็น "สเรยผกาเมียะส์" โดยอาชีพผมก็ไม่ด่าและวิจารณ์เพราะเป็นวิถีชีวิตของพวกเธอ ที่ต้อง "ขายตัว" ก็เพราะความจำเป็นก็มีมาก ดังนั้นผมจึงเห็นใจ
แต่ "สเรยผกาเมียะส์" โดยสันดานชั่วร้ายที่ "ขายตัวให้ทรราชย์" และ "ขายความจริงเพื่อแลกกับชัยชนะ" พร้อมกับ "เร่ขายความเท็จเพื่อทำลายผู้อื่น"
นี่คือ "ผู้หญิงดอกทอง" ที่แท้จริง
การกระทำของ มาลี โสเจียตา ครั้งแล้วครั้งเล่าแสดงให้เห็นถึงการ "ขายตัวให้ปีศาจ" นั่นคือฮุน เซน และพลพรรคของเขาเพื่อสร้างความชอบธรรมจอมปลอมในการทำร้ายพลเรือนคนไทย ใส่ความประเทศไทยว่าละเมิดกฎสากล และยังโกหกเพื่อหลอกคนประเทศเดียวกันให้ไปตายในสนามรบ
ผมถึงบอกว่า "สเรยผกาเมียะส์โดยอาชีพ" นั้นน่าเห็นใจเพราะทำเพื่อปากท้อง แต่ "สเรยผกาเมียสโดยสันดาน" นั้นสมควรถูกลากตัวมาเป็นอาชญากรสงครามให้กับคนที่เธอขายตัวและวิญญาณให้ได้ เพราะมีส่วนรู้เห็นกับการป้ายสีอันนำไปสู่การทำลายประเทศไทย ทหารไทย และพลเรือนไทย
รัฐบาลไทยและกองทัพไทยไม่ควรปล่อยให้ "ผู้หญิงดอกทอง" แบบนี้มีปากมีเสียงต่อไป ควรจะแจ้งความดำเนินคดีเป็นอย่างน้อยด้วยกฎหมายของไทยก่อน
มาลี โสเจียตานั้นไม่มีสำนึกความถูกผิดเอาเลย แม้กระทั่งไทยจะยืนยันแล้วว่าไม่ได้ใช้อาวุธเคมีเมื่อตอนเช้าก็อธิบายไป แต่พอตอนบ่าย มาลี โสเจียตา ก็เอาอีกแล้วด้วยการโกหกว่า "เมื่อเวลา 15.17 น. วันที่ 27 กรกฎาคม 2568 เครื่องบินของไทยได้พ่นควันพิษในเขตเมืองอันเซส จังหวัดพระวิหาร"
แบบนี้ไม่ให้ผมเรียกว่าเป็น "สเรยผกาเมียะส์โดยสันดาน" ได้อย่างไร?!
อย่าคิดว่านี่เป็นการด่าเอามัน เพราะผมต้องการด่าให้คนไทยตระหนัก เพราะหากปล่อยผู้หญิงคนนี้ได้ คนกัมพูชาก็จะงับข่าวปลอมไปเรื่อยๆ สิ่งที่ตามมาคือคนกัมพูชาจะผลิตซ้ำข่าวปลอมพวกนี้แล้วเอาไปแพร่กระจายตามแพลตฟอร์มต่างๆ ทำให้ภาพลักษ์ของไทยเสียหายเข้าไปอีก (เพราะรัฐบาลไทยเอาแต่อยู่เฉยๆ ไม่ทำสงครามข่าวสาร)
มาลี ที่ถูกคนไทยด่าว่าเป็น "ดกทง" ผู้มีนิสัยไม่สมกับชื่อนั้นควรจะประกาศโดยไทยให้เป็น "อาชญากร" โดยเร็ว หากไม่ทำตอนนี้ก็ควรทำตอนหลังจากที่ไทยเอาชนะกัมพูชาได้ แล้วตั้งเงื่อนไขลากตัวผู้หญิงคนนี้มาลงโทษตามกฎหมายไทยด้วยโทษหนัก เพื่อไม่ให้เขมรอื่นๆ ทำตัวเป็นเยี่ยงอย่าง
ที่ผมบอกว่าไทยจะเอาชนะกัมพูชาได้ เพราะเชื่อว่าการหยุดยิงจะเป็นโมฆะในกาลข้างหน้า และการปะทะจะขยายวงเป็นสงคราม
และโปรดทราบว่า ความขัดแย้งที่ลุกลามมาเป็นการปะทะด้วยอาวุธระหว่างสองประเทศนั้น มีรากฐานมาจาก "ข่าวเท็จ" ที่ปล่อยออกมาโดยกัมพูชา และมีเสียงเรียกร้องจากคนไทยให้รัฐบาลแก้ปัญหานี้มานานหลายรัฐบาลก็ไม่ยอมแก้
ผลก็คือ "เรื่องเท็จ" กลายเป็นฐานความคิดของคนประเทศนี้ ทำให้หมดสภาพที่จะยอมรับความจริง กระทั่งเชื่อความเท็จแล้วยอมขายตัวให้ ฮุน เซน ไปตายที่ชายแดน พร้อมๆ กับขายวิญญาณเพื่อเสพความที่เท็จทำร้ายประเทศไทยหนักยิ่งขึ้น
'มาลี โสเจียตา' ผู้หญิง 'ผกาเมียะส์' แห่งกลาโหมกัมพูชา ควรมีที่ยืนแห่งเดียวเท่านั้น นั่นคือใน "คุก" ของประเทศไทย
บทความทัศนะโดย กรกิจ ดิษฐาน ผู้ช่วยบรรณาธิการบริหาร และบรรณาธิการข่าวต่างประเทศ The Better
Photo - ក្រសួងព័ត៌មាន - Ministry of Information