เปิดประวัติ “ชัยเกษม นิติสิริ” แคนดิเดตนายกฯลำดับที่ 3 เพื่อไทย
หลังจากโซเชียลมีเดีย ได้เผยแพร่ภาพ นายชัยเกษม นิติสิริ อดีต รมว.ยุติธรรม ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย (พท.) ลำดับที่ 3 ขณะออกรอบตีกอล์ฟกับเพื่อนๆ ที่วอเตอร์ มิลล์ กอล์ฟ คลับ แอนด์ รีสอร์ท ในท่วงท่ายืนวงสวิงตีกอล์ฟได้อย่างทะมัดทะแมง ยืนยันถึงความมีสุขภาพแข็งแรงดี ยังออกรอบได้หลายชั่วโมงตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงเย็น ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองที่ถูกจับตาว่า หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ต้องหลุดจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี นายชัยเกษม เป็นผู้ที่จะได้รับการเสนอชื่อขึ้นมาแทน เพราะถือเป็นตัวเลือกสุดท้ายของพรรคเพื่อไทย
เดลินิวส์ออนไลน์ จึงพาไปดูประวัติชีวิตการรับราชการและเส้นทางการเมืองของนายชัยเกษม นิติสิริ ปัจจุบัน อายุ 76 ปี (10 เดือน) เป็นชาวกรุงเทพมหานคร เกิดเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2491 สำเร็จการศึกษา จบการศึกษาระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาตอนต้นจากโรงเรียนอัสสัมชัญ มัธยมปลายโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา (รุ่นที่ 28) และจบการศึกษาปริญญาตรีแผนกนิติศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ (เกียรตินิยมอันดับ 2) จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ด้วยทุนการศึกษา ประเภทเรียนดี จากมูลนิธิจอห์น เอฟ เคนเนดี้ ต่อมาศึกษาระดับปริญญาโท L.L.M. จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ด้วยทุนรัฐบาลตามความต้องการของกรมอัยการ (สำนักงานอัยการสูงสุด) และทุนของมูลนิธิ Starr ประเทศสหรัฐอเมริกา และจบการศึกษาเนติบัณฑิตไทยจากสำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา
ประวัติชีวิตรับราชการ นายชัยเกษม เริ่มรับราชการเป็นอัยการผู้ช่วย จังหวัดสมุทรสาคร อัยการประจำกอง กองคดี และได้รับการเลื่อนตำแหน่งเรื่อยมากระทั่งเคยดำรงตำแหน่ง อัยการจังหวัดภูเก็ต ก่อนขยับขึ้นเป็นอธิบดีอัยการฝ่ายคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ เป็นอธิบดีอัยการฝ่ายคดีอัยการสูงสุด เป็นอธิบดีอัยการฝ่ายปรึกษา พ.ศ. 2546-2550 ดำรงตำแหน่งรองอัยการสูงสุด สำนักงานอัยการสูงสุด กระทั่งได้รับตำแหน่ง “อัยการสูงสุด” ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2550 และได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็น “ศาสตราจารย์พิเศษ” สาขาวิชานิติศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตั้งแต่วันที่ 30 ก.ค. 2552
ส่วนบทบาทเส้นทางชีวิตการเมือง ได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2556-22 พ.ค. 2557 ได้มีการประกาศกฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. และนายเกษม ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่หัวหน้าคณะฝ่ายรัฐบาล ในการร่วมเจรจาหาทางออกวิกฤติการณ์ทางการเมือง เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2557 แต่การเจรจาในครั้งนั้นไม่สามารถตกลงกันได้ คณะรัฐมนตรีรักษาการจะไม่ลาออกจากตำแหน่ง ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตัดสินใจยึดอำนาจการปกครอง
ต่อการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2562 นายชัยเกษมเป็นบุคคลที่ได้รับเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี พร้อมกับคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ และนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ลงสมัครรับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 3 แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง เนื่องจากพรรคเพื่อไทยมีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมากกว่าจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพึงมีตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ กระทั่งการเลือกตั้ง พ.ศ. 2566 เป็นบุคคลที่ได้รับเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งพร้อมกับนายเศรษฐา ทวีสิน และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร โดยลงสมัครรับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อสังกัดพรรคเดิม ในลำดับที่ 10 และได้รับเลือกตั้ง แต่ต่อมาได้ลาออกจากตำแหน่ง จากนั้นวันที่ 16 ต.ค. 66 ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษานายกฯ เศรษฐา
ภายหลังนายเศรษฐาพ้นจากตำแหน่งตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 14 ส.ค. 2567 นายชัยเกษม กล่าวว่า แม้จะเคยมีปัญหาสุขภาพแต่ก็ได้รับการรักษาจนมีอาการเป็นปกติแล้ว และไม่เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติหน้าที่ อย่างไรก็ตาม ในการประชุมของพรรคในวันถัดมา ได้เสนอชื่อ น.ส.แพทองธาร เป็นนายกรัฐมนตรี ตามข้อเสนอของที่ประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ต่อมาวันที่ 8 ต.ค. 2567 นายชัยเกษม จึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตําแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และล่าสุดช่วงปลายเดือน มิ.ย. 68 เมื่อมีกระแสกดดันเก้าอี้นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ทำให้ชื่อของนายชัยเกษม แคนดิเดตนายกฯ ลำดับที่ 3 คนสุดท้ายของพรรคเพื่อไทย กลับมาถูกจับตามองอีกครั้ง