ทกจ.สมุทรสงคราม ติวเข้มผู้ประกอบการร้านอาหาร ส่งเสริมธุรกิจท้องถิ่น ยกระดับ’เมืองท่องเที่ยวเชิงอาหาร’
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่คุ้มพญาซอรีสอร์ท นายสุภาพล ศิริไกรวัฒนาวงศ์ ท่องเที่ยวและกีฬา จ.สมุทรสงครามได้จัดฝึกอบรมหลักสูตร“พัฒนาศักยภาพยกระดับการท่องเที่ยวเชิงอาหาร” เพื่อยกระดับศักยภาพของผู้ประกอบการด้านอาหารและอาหารเชิงท่องเที่ยวให้สามารถประยุกต์ใช้ความรู้ในการพัฒนาธุรกิจและส่งเสริมภาพลักษณ์ของ จ.สมุทรสงครามให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอาหารที่โดดเด่น และยังต่อยอดไปจนถึงการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้ เพื่อนำไปสู่การเผยแพร่เมนูอาหารถิ่นของทั้ง 3 อำเภอพร้อมนำเสนอชุมชนท่องเที่ยวเชิงอาหาร และการจัดกิจกรรมเทศกาลอาหารส่งเสริมการท่องเที่ยว อันจะเป็นการเปิดตลาดและสร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการโดยมีผู้เข้ารับการอบรมทั้ง 3 อำเภอรวม 105 คน ประกอบด้วยผู้ประกอบการร้านอาหาร วิสาหกิจชุมชน ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว และผู้สนใจทั่วไปในพื้นที่
โดย ดร.วรพล อิทธิคเณศร (เชฟธอมัส) เจ้าของเพจ ตำรับข้างวัง (Truly Thai Recipe) เซฟอินฟลูชื่อดังมาเป็นวิทยากรแล้วยังสาธิตการทำอาหารให้กับผู้เข้ารับการอบรมซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ"Gastronomy & Creative Tourism Samut Songkhram Food Journey"โดยทำอาหารคาวหวาน 2 เมนูคือน้ำพริกผักชีกุ้งแม่น้ำเผา ที่ชูความอร่อยของกุ้งแม่น้ำ และขนมวงมะพร้าวน้ำหอมจาก ต.บางสะแก ที่ชูความอร่อยของน้ำตาลมะพร้าวและมะพร้าวทึนทึกที่นำมาทานกับไอศครีมกะทิ นอกจากนี้เซฟธอมัสยังได้แบ่งกลุ่มผู้เข้ารับการอบรมทำอาหารโดยใช้วัตถุดิบพื้นถิ่น ตามความคิดสร้างสรรค์ ก่อนจะสอน “การจัดจานและการถ่ายภาพเพื่อประชาสัมพันธ์” อีกด้วย
ดร.วรพล อิทธิคเณศร (เชฟธอมัส) กล่าวว่า เมนูน้ำพริกผักชีกุ้งแม่น้ำเผาและขนมวงมะพร้าวน้ำหอมที่นำมาสาธิต เป็นเมนูชุดอาหาร"ตำรับไทย ชวนหลงใหลสมุทรสงคราม"ที่นำวัตถุดิบดีเด่นทั้ง 3 อำเภอมารังสรรค์เป็นเมนูไทยฟิวชั่นโดดเด่นด้วยความเป็นอัตลักษณ์ไทย คงความเป็นท้องถิ่นสมุทรสงคราม และชูความคิดสร้างสรรค์พร้อมก้าวสู่เวทีสากล 15 เมนู จาก 3 อำเภอ เป็นอาหารคาว 9 อย่าง (อำเภอละ 3 อย่าง) อาหารหวาน 6 อย่าง (อำเภอละ 2 อย่าง) อ.เมืองฯได้แก่ สำรับลุ่มแม่กลอง ประกอบด้วย หลนข้าวหมากปูแสม (ชูความอร่อยของปูแสม) ปลาทูต้มส้มใส่ตะลิงปลิง (ชูความอร่อยของปลาทูแม่กลอง) แกงคั่วใบชะครามใส่หอยหลอด (ชูความอร่อยของหอยหลอด) กล้วยบวชชีมะพร้าวกะทิ (ชูความอร่อยของกล้วยน้ำว้าและมะพร้าวกะทิ) และส้มโอลอยแก้วน้ำหวานดอกมะพร้าว (ชูความอร่อยของส้มโอและน้ำเชื่อมดอกมะพร้าว)
อ.อัมพวา แกงเขียวหวานหอยแมลงภู่ใส่กรุบมะพร้าว (ชูความอร่อยของกรุบมะพร้าว) ยำส้มโอกุ้งหวานมะพร้าวคั่ว (ชูความอร่อยของส้มโออัมพวา) ปลาสลิดฉาบน้ำตาลมะพร้าว (ชูความอร่อยของปลาสลิดที่เลี้ยงในอัมพวา) ขนมพันตองมะพร้าวอัมพวา (ชูความอร่อยของน้ำตาลมะพร้าว) และละอองเกสรลำเจียกลูกลิ้นจี่ (ขนมไทยหาทานยากชูความอร่อยของลิ้นจี่)
อ.บางคนที ขนมจีนน้ำยากะทิไก่หยวกกล้วย (ชูความอร่อยของหยวกกล้วย) ต้มยำมะพร้าวอ่อนปลากะพง(ชูความอร่อยของมะพร้าวและปลากะพงขาว) น้ำพริกผักชีกุ้งแม่น้ำเผา (ชูความอร่อยของกุ้งแม่น้ำที่เลี้ยงในบางคนทีและกิจกรรมส่งเสริมการปลูกผักในพื้นที่บางคนที) ข้าวหมากนมสดลูกลิ้นจี่ (ชูความอร่อยของลิ้นจี่พันธุ์ค่อม) และขนมวงมะพร้าวน้ำหอม (ชูความอร่อยของน้ำตาลมะพร้าวและมะพร้าวทึนทึกอ่อน)
นายสุภาพล ศิริไกรวัฒนาวงศ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดฯ กล่าวว่าสมุทรสงครามมีศักยภาพด้านอาหารและวัฒนธรรมการกินที่เป็นเอกลักษณ์ท้องถิ่น ซึ่งเป็นทุนทางวัฒนธรรมที่สามารถยกระดับเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอาหารที่มีคุณภาพ และสร้างรายได้ให้กับชุมชน และเพื่อให้เกิดการพัฒนาทักษะและความรู้แก่ผู้ประกอบการด้านอาหารและที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวเชิงอาหาร จึงได้จัดโครงการนี้ขึ้นเพื่อพัฒนาทักษะและเพิ่มองค์ความรู้ในการนำเสนออาหารในรูปแบบที่สอดคล้องกับการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมนำไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับวัตถุดิบท้องถิ่นผ่านการปรุงอาหารอย่างสร้างสรรค์และเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโดยใช้ “อาหาร” เป็นตัวเชื่อมโยงกับวิถีชีวิต ภูมิปัญญา และอัตลักษณ์ของสมุทรสงคราม
อย่างไรก็ตามจากการอบรมครั้งนี้จะต่อยอดไปถึงการจัดงานเทศกาลอาหารเพื่อส่งเสริมการขายและประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวเชิงอาหารวันที่ 24 - 28 กรกฎาคม 2568 ที่อุทยานพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 (อุทยาน ร.2) ซึ่งผู้เข้ารับการอบรมทั้งหมดนอกจากจะได้รับประกาศนียบัตรจากผู้ว่าราชการจังหวัดแล้ว จะได้ร่วมแสดงฝีมือสาธิตการทำอาหารและการแข่งขันทำอาหารท้องถิ่นและเมนูในชุด"ตำรับไทย ชวนหลงใหลสมุทรสงคราม" ของเชฟธอมัส โดยใช้วัตถุดิบพื้นถิ่น รวมทั้งการแสดงจัดจำหน่ายสินค้า ผลิตภัณฑ์เด่น ดี ดัง ของ จ.สมุทรสงครามกว่า 50 ร้านค้า พร้อมกิจกรรมปั่นจักรยานเพื่อการท่องเที่ยวเชิงอาหารชมความบันเทิงจากศิลปินชื่อดัง และการแสดงศิลปวัฒนธรรม จึงขอเชิญนักท่องเที่ยงและผู้สนใจมาชม ชิม ช้อปอาหารพื้นถิ่นของดี ของเด่นสมุทรสงคราม ฟรีค่าเข้าชมงานและไม่เสียค่าใช้จ่ายในการร่วมปั่นจักรยานอีกด้วย
สำหรับสถานที่จอดรถมีรองรับอย่างเพียงพอ โดยจอดรถฟรีทั้งที่ภายในอุทยาน ร.2 หรือบริเวณลานจอดรถวัดอัมพวันเจติยารามแล้วเดินเข้าประตูด้านข้างอุทยานได้ หรือท่านใดสะดวกจะไปจอดรถที่ฝั่งวัดภุมรินทร์กุฎีทอง และวัดบางนางลี่ใหญ่ ก็จอดฟรีเช่นกัน แต่ต้องนั่งเรือเมล์ข้ามฟากแม่น้ำแม่กลองมายังฝั่งอุทยาน ร.2 โดยเสียค่าบริการคนละ 5 บาท