หัวเว่ยจับมือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเปิดตัวโซลูชัน IDS พลิกโฉมระบบพลังงานไฟฟ้าอัจฉริยะยุคดิจิทัล
บรรยากาศภายในงาน 2025 PEA & Huawei Summit ซึ่งได้รับเกียรติจากนายพงศกร ยุทธโกวิท รองผู้ว่าการวางแผนและวิศวกรรม การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (ที่ 4 จากซ้าย) และนายวิลเลี่ยม จาง ประธานธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรส์ หัวเว่ย ประเทศไทย (ที่ 3 จากซ้าย) พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและพาร์ทเนอร์ ให้เกียรติร่วมพิธีเปิดตัวโซลูชัน IDS เพื่อพัฒนาการไฟฟ้ายุคอัจฉริยะร่วมกัน
หัวเว่ยหนุนภาคอุตสาหกรรมพลังงาน จับมือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) จัดงานใหญ่ 2025 PEA & Huawei Summit รวบรวมนวัตกรรมและโซลูชันด้านพลังงานไฟฟ้า พร้อมเผยโฉม “Intelligent Distribution Solution หรือ IDS” ระบบจำหน่ายไฟอัจฉริยะสำหรับเป็นแนวทางการจัดการระบบไฟฟ้ายุคใหม่ โดยใช้เทคโนโลยีวิศวกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล เพื่อปรับปรุงการทำงานของโครงข่ายไฟฟ้าก้าวสู่ยุคอัจฉริยะอย่างเต็มรูปแบบ
นายวิลเลี่ยม จาง ประธานธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรส์ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ไฟฟ้าเป็นโครงสร้างพื้นฐานสําคัญที่ส่งผลต่อการดํารงชีวิตและการพัฒนาเศรษฐกิจของผู้คน ซึ่งหัวเว่ยให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งโดยที่สำนักงานใหญ่ได้จัดตั้งเป็นธุรกิจเฉพาะเพื่อการพัฒนาโซลูชันด้านพลังงานสำหรับรับมือกับความท้าทายและแนวทางใหม่ๆให้กับอุตสาหกรรมพลังงาน
สำหรับประเทศไทยก็ยังเป็นหนึ่งในตลาดสำคัญของหัวเว่ย โดยการจัดงาน 2025 PEA-Huawei Summit ในครั้งนี้ก็เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่า หัวเว่ยมุ่งมั่นในการทำงานร่วมกับพันธมิตรและการนำเสนอเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆที่เหมาะกับความท้าทายของธุรกิจอย่างแท้จริง
“เรามุ่งหวังที่จะทํางานร่วมกับ กฟภ. อย่างใกล้ชิด เพื่อผนวกรวมเทคโนโลยีพลังงานและเทคโนโลยีดิจิทัล จับคู่ผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีที่เหมาะสมที่สุดกับความท้าทายในอุตสาหกรรมพลังงานไฟฟ้า และใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมไอซีทีเพื่อนําเสนอโซลูชันที่ครอบคลุมสําหรับโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะที่ดีที่สุด” นายจาง กล่าว
ในโอกาสนี้ หัวเว่ย ได้ร่วมกับพันธมิตรเปิดตัวโซลูชันระบบจ่ายไฟอัจฉริยะ (Intelligent Distribution Solution: IDS) อย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในความพยายามของบริษัทในการพัฒนาภาคการไฟฟ้าทั่วโลกสู่ยุคดิจิทัลโซลูชัน IDS เป็นผลจากความร่วมมือระหว่างหัวเว่ยและพันธมิตร เพื่อแก้ไขความท้าทายสำคัญ 3 ประการที่เกิดขึ้นกับระบบไฟฟ้าสมัยใหม่ ได้แก่ การสูญเสียไฟฟ้าสูงในเครือข่ายการนำส่งกระแสไฟ, ความเสถียรของโครงสร้างพื้นฐานการจ่ายไฟฟ้าที่ต่ำ และแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นต่อการจัดการโหลดพลังงานใหม่ โดยโซลูชันนี้ใช้ประโยชน์จากสถาปัตยกรรม cloud-pipe-edge-device ที่ซับซ้อน ซึ่งช่วยให้องค์กรด้านไฟฟ้าสามารถพัฒนาจากแนวทางการทำดิจิทัลแบบกระจัดกระจายในจุดเดียว ไปสู่กลยุทธ์การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลที่ครอบคลุมและเป็นระบบ
โดยนายพงศกร ยุทธโกวิท รองผู้ว่าการวางแผนและวิศวกรรม การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เน้นย้ำถึงความท้าทายที่สำคัญในยุคของการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นความท้าทายของระบบการกระจายในด้านของความซับซ้อนที่เพิ่มมากขึ้นจากองค์กรที่หลากหลาย, แหล่งผลิตกระแสไฟที่มีมากขึ้น, อินเทอร์เฟซที่แตกต่างกัน ตลอดจนปริมาณข้อมูลที่เพิ่มจำนวนและความซับซ้อน
“การปรับปรุงการมองเห็นในเครือข่ายเป็นกุญแจสำคัญในการจัดการกับความท้าทายเหล่านี้ โดยไม่ใช่เพียงแค่การนำแพลตฟอร์มและเทคโนโลยีมาใช้ แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงกระบวนการและการดำเนินงานอย่างครอบคลุม ซึ่งในฐานะผู้ดำเนินงานระบบจ่ายไฟ กฟภ. ตระหนักว่าการแลกเปลี่ยนข้อมูลอัตโนมัติจำเป็นต้องใช้ในปัจจุบันเนื่องจากปริมาณข้อมูลจำนวนมากและความถี่ของการเปลี่ยนแปลงในระบบไฟฟ้าสมัยใหม่ โดย กฟภ. ได้เริ่มนำร่องทดสอบเทคโนโลยีดังกล่าวแล้วในบางพื้นที่ เพื่อทดสอบว่า ความสามารถในการมองเห็นการจัดการระบบจ่ายไฟฟ้าแบบบูรณาการและการจัดการข้อมูลแบบเรียลไทม์นั้นมีประสิทธิภาพ และเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเปลี่ยนผ่านพลังงานของไทย” นายพงศกร กล่าว
ทั้งนี้สำหรับเทคโนโลยี IDS ได้รับการปรับใช้อย่างประสบความสําเร็จภายในประเทศจีน ซึ่งช่วยให้สามารถตรวจสอบเครือข่ายการกระจาย การตรวจจับสถานะสาย 10kV แบบเรียลไทม์ และการจัดการพลังงานใหม่แบบกระจายแรงดันต่ำอย่างชาญฉลาด โซลูชันนี้รวมระบบการสื่อสารผ่านสายไฟฟ้าความเร็วสูง (HPLC) และเทคโนโลยีใหม่อื่น ๆ ไว้ด้วยกัน ช่วยเพิ่มการรับรู้และการเปลี่ยนแปลงบริการของระบบไฟฟ้าให้เป็นดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
โดยหัวเว่ยยังคงมุ่งมั่นที่จะดำเนินความร่วมมือกับลูกค้าและพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับปรุงและแบ่งปันแนวทางการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการเพิ่มรากฐานดิจิทัลของบริษัทไฟฟ้าทั่วโลก บริษัทมุ่งหมายที่จะเร่งการพัฒนาอัจฉริยะทั่วทั้งอุตสาหกรรมในขณะที่ให้โซลูชันที่น่าสนใจสำหรับตลาดพลังงานโลก การเปิดตัว IDS เป็นก้าวสำคัญไปข้างหน้าในการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมสู่ระบบจัดการพลังงานที่ยั่งยืน มีประสิทธิภาพ และอัจฉริยะมากขึ้น