เอกชนลั่น! อธิปไตยต้องเหนือสิ่งอื่นใด แม้ไฟชายแดนยังเดือด–ทรัมป์ขู่ไม่จบดีลการค้า
วันนี้ (27 ก.ค.) นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงกรณีนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ยกหูคุยกับผู้นำรัฐบาลทั้งไทยและกัมพูชา เพื่อขอให้มีการหยุดยิง และยุติสงคราม โดยระบุว่า จะไม่ทำข้อตกลงการค้าหากยังคงสู้กันว่า จุดยืนที่ชัดเจนของประเทศไทย คือ การปกป้องอธิปไตย รวมถึงชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน คือสิ่งที่มีความสำคัญสูงสุด แม้ปัญหาเศรษฐกิจจะมีความสัมพันธ์กับการดำรงอยู่ของชาติ แต่หากไม่มีอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชนแล้ว เศรษฐกิจก็จะไม่สามารถดำรงอยู่ได้
“ภาคเอกชนมองว่าเศรษฐกิจเป็นตัวขับเคลื่อนประเทศ แต่ยังคงยืนยันในหลักการที่ว่าอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะหากชาติมั่นคง เศรษฐกิจก็จะดีตามมาได้"
สำหรับตัวอย่างกรณีความขัดแย้งระหว่างฮามาสและอิสราเอล ที่ฮามาสเป็นฝ่ายเริ่มโจมตีก่อน และอิสราเอลได้ตอบโต้เพื่อปกป้องตนเอง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าทุกประเทศได้ให้ความสำคัญกับความมั่นคงของประเทศเป็นอันดับแรก ซึ่งเชื่อว่าแม้กระทั่งสหรัฐเองก็จะดำเนินการเช่นเดียวกันหากเกิดเหตุการณ์รุกรานขึ้นในประเทศ
"ประเทศไทยเป็นประเทศที่รักสงบ ไม่เคยรุกรานใคร แต่ก็จะไม่ยอมให้ใครมารุกรานเช่นกัน และพร้อมที่จะกลับมาสู่โต๊ะเจรจาทวิภาคี แต่การเจรจาจะได้ผลหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความจริงใจของทั้ง 2 ฝ่าย ไม่ใช่แค่การพูดจาแล้วไม่ปฏิบัติตาม โดยทุกครั้งประเทศไทยไม่ใช่ฝ่ายที่เริ่มก่อน แต่การที่กัมพูชายิงและทำร้ายเด็ก ประชาชนผู้บริสุทธิ์ รวมถึงโรงพยาบาล ซึ่งไม่ใช่เป้าหมายทางทหาร ทำให้ประชาชนบาดเจ็บล้มตายนั้นเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ ดังนั้นหากกัมพูชายังไม่ยอมหยุด ประเทศไทยก็ไม่สามารถหยุดได้ เพราะนี่คือการปกป้องอธิปไตยและชีวิตทรัพย์สินของคนไทย ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ฝ่ายความมั่นคง ทหาร และประชาชนทุกคน
ทั้งนี้ ภาคเอกชนขอส่งกำลังใจให้กับทหารในแนวรบ ฝ่ายความมั่นคง และประชาชนทุกคนที่กำลังเผชิญสถานการณ์ พร้อมขอให้ทุกคนทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งเพื่อปกป้องอธิปไตยของประเทศไทย และส่งกำลังใจเป็นพิเศษให้กับผู้บริสุทธิ์และพลเรือนที่ได้รับบาดเจ็บ เสียชีวิต และต้องอพยพจากเหตุการณ์ความรุนแรงดังกล่าว"