โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

เปิดคำวินิจฉัยกกต.ฟัน "หมอเกศ" ใช้ตำแหน่ง"ศาสตราจารย์" หลอกลวง จูงใจให้ลงคะแนน

Manager Online

อัพเดต 22 กรกฎาคม 2568 เวลา 8.00 น. • เผยแพร่ 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา • MGR Online

ละเอียดยิบ คำวินิจฉัยกกต.ฟัน "หมอเกศ"ใช้ตำแหน่ง"ศาสตราจารย์" สมัคร สว. หลอกลวง จูงใจให้ลงคะแนน ชี้เป็นตำแหน่งวิชาการที่กม.กำหนดขั้นตอนไว้ชัดเจน ซึ่งไม่พบหลักฐานได้รับแต่งตั้ง -หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับรองการเทียบวุฒิ

วันนี้(21ก.ค.)เว็บไซต์สำนักงานกกต.ได้เผยแพร่คำวินิจฉัยกกต.รวม13 หน้าที่มีมติเมื่อวันที่ 30เม.ย.68 ให้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อสั่งให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ของน.ส.เกศกมล เปลี่ยนสมัย ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิก วุฒิสภา 2561 มาตรา 62 และรัฐธรรมนูญมาตรา 226 และให้ดำเนินคดีอาญาแก่น.ส.เกศกมลตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา 2561มาตรา 77 (4) กรณีใช้ตำแหน่ง"ศาสตราจารย์ " ในการยื่นสมัครและแนะนำตัวในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา

คดีนี้มีผู้ร้องน.ส.เกศกมล รวม7รายร้องใน 6 ประเด็นซึ่งมีข้อเท็จจริงเกี่ยวพันกันว่า น.ส.เกศกมล สมัครรับเลือกเป็นสว. กลุ่มที่19 โดยระบุในข้อมูลแนะนำตัวของผู้สมัคร (สว.3) ในส่วนของประวัติการศึกษาและประวัติการทำงานหรือประสบการณ์ ในการทำงานในกลุ่มที่สมัครว่า แพทย์เวชศาสตร์ป้องกัน แขนงสุขภาพจิตชุมชน กรมสุขภาพจิต แพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและความงาม ซึ่งอาจไม่ตรงกับความเป็นจริง และเป็นกรณีมีเหตุอันควรสงสัยหรือความปรากฏจากรายงานผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัดเพชรบุรี ลงวันที่ 15 มิ.ย.67 ซึ่งปรากฏข้อเท็จจริงว่าน.ส.เกศกมล แนะนำตัวในแอปพลิเคชันไลน์กลุ่มชื่อ “เส้นทางสว.67#ตะวันตก” ด้วยข้อความว่า “สวัสดีค่ะ หมอเกศค่ะ ศาสตราจารย์ ดร.พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย เป็นหมอด้านสุขภาพจิต ชุมชนและผิวพรรณความงามค่ะ กลุ่ม 19 ผู้ประกอบวิชาชีพ จังหวัดเพชรบุรี ค่ะ” ซึ่งเข้าข่ายหรือมีลักษณะ เป็นการหลอกลวง หรือจูงใจให้บุคคลอื่นเข้าใจผิดในคุณสมบัติ ความรู้ความสามารถ หรือชื่อเสียงเกียรติคุณ ของผู้ถูกร้อง เพื่อจูงใจให้ผู้สมัครหรือผู้มีสิทธิเลือกลงคะแนนให้แก่ผู้ถูกร้อง อันเป็นการฝ่าฝืนพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา 2561 มาตรา 77 (4)

โดยน.ส.เกศกมล ชี้แจงแก้ข้อหาเป็นหนังสือยืนยันว่ามิได้กระทำการฝ่าฝืนกฎหมายตาม ข้อกล่าวหา ตนเองสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี แพทยศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยรังสิต โดยได้รับอนุมัติ จากสภามหาวิทยาลัยรังสิตให้เป็นแพทยศาสตรบัณฑิตตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ.50 และได้ขึ้น ทะเบียนเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม เป็นสมาชิกแพทยสภาตั้งแต่ปี 50 และเริ่มประกอบอาชีพแพทย์ทั่วไป ต่อมาประกอบอาชีพเป็นแพทย์ประจำคลินิกเสริมความงาม อีกทั้งผ่านการอบรมระยะสั้นจากสถาบันที่มีชื่อเสียงทั้งภาครัฐและเอกชนประมาณ 30 ครั้ง และได้รับใบอนุญาตให้ประกอบ กิจการสถานพยาบาลชื่อว่า "เกศกมล คลินิกเวชกรรม” รวมระยะเวลาปฏิบัติงาน เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 10ปี จึงเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณ และความงามมานานกว่า 10 ปี

ซึ่งในประเด็นที่น.ส.เกศกมล ถูกร้องว่าระบุในส.ว.3 ส่วนของประวัติการทำงานหรือประสบการณ์ในการทำงานในกลุ่มที่สมัครว่า เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณและความงาม , เป็นที่ปรึกษากรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ,เป็นบุคคลหนึ่งที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะทำงานติดตามการดำเนินการตามนโยบายด้านส่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ กระทรวงแรงงาน , เป็นกรรมการผู้จัดการ เกศกมล คลินิก เกศกมล เด็นทัล คลินิก และ อินเตอร์ เดอร์มา แลบอราทอรี ข้อเท็จจริงที่ได้จากการไต่สวนกกต.เห็นว่า ยังรับฟังไม่ได้ และไม่ปรากฏพยานหลักฐานอื่นที่ยืนยันได้ว่ามีการกระทำฝ่าฝืนกฎหมายตามข้อกล่าวหา

ส่วนที่กล่าวหาว่าน.ส.เกศกมล ระบุในส่วนประวัติการศึกษาว่า ปริญญาเอก รัฐศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต (Doctor of Political Science) California University, USA และศาสตราจารย์ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (Professor in Human Resource Development) California University และ ระบุประวัติการทำงานหรือประสบการณ์ในการทำงานในกลุ่มที่สมัครว่า ศาสตราจารย์ ดร.แพทย์หญิง เกศกมล เปลี่ยนสมัย ซึ่งอาจไม่ตรงกับความเป็นจริง

โดยน.ส.เกศกมล ชี้แจงข้อกล่าวหาเป็นหนังสือว่า มิได้กระทำการฝ่าฝืนกฎหมาย ตามข้อกล่าวหา โดยตนสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก รัฐศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต และได้รับตำแหน่งศาสตราจารย์ จาก California University ซึ่งเป็นสถาบันอุดมศึกษาที่จดทะเบียนถูกต้องและได้รับการรับรองจากกระทรวง ศึกษาธิการของประเทศสหรัฐอเมริกาและรัฐบาลสหรัฐอเมริกา โดยเมื่อปี พ.ศ. 2564 ขณะตนกำลังศึกษา ระดับปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยเกริก ตนได้พบกับพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 2 ซึ่งเป็นผู้แทนของ California University FCE ประจำประเทศไทย ชักชวนให้ตนเรียนปริญญาเอก ซึ่งตนสนใจเข้าศึกษาปริญญาเอก ใช้ระยะเวลา ในการศึกษาประมาณ 3 ปี และชำระค่าใช้จ่ายในการศึกษา 6 ภาคเรียน ภาคเรียนละ 2,000ดอลลาร์สหรัฐ รวมค่าใช้จ่าย 12,000 ดอลลาร์สหรัฐ โดยตนได้ทำดุษฎีนิพนธ์ เรื่อง GOOD GOVERNANCE PRINCIPLES AFFECTING ORGANNIZATION EFFICIENCY OF PUBLIC COMPANIES IN ASEAN COUNTRIES โดยส่งผ่าน พยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 2 และมีคณะกรรมการในการสอบดุษฎีนิพนธ์จำนวน 3 ท่าน เป็นผู้ตรวจสอบ โดยตนได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งทางวิชาการระดับศาสตราจารย์ สาขาการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ส่วนที่ตนระบุว่า ศาสตราจารย์ ดร.แพทย์หญิง เกศกมล เปลี่ยนสมัย เพราะตนมีหลักฐานการสำเร็จการศึกษา ดุษฎีบัณฑิตและได้รับตำแหน่งศาสตราจารย์ สาขาการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ แต่ไม่เคยทำงานในตำแหน่ง ศาสตราจารย์ ดร.แพทย์หญิง เกศกมล เปลี่ยนสมัย แต่อย่างใดนั้น

จากการตรวจสอบและไต่สวนของกกต.ได้ข้อเท็จจริงว่า ขั้นตอนในการรับรองคุณวุฒิของผู้สำเร็จการศึกษาจากต่างประเทศ และการรับรองคุณวุฒิของ California University FCE สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนตรวจสอบแล้วไม่พบว่าน.ส.เกศกมลได้ส่งข้อมูลคุณวุฒิการศึกษาให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนพิจารณารับรองคุณวุฒิหรือรับรอง คุณวุฒิเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการพลเรือน

ขณะที่ตำแหน่งวิชาการ"ศาสตราจารย์"ไม่พบว่ามีชื่อน.ส.เกศกมล อยู่ในฐานข้อมูลผู้ดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ที่คณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (ก.พ.อ.) และคณะกรรมการ การอุดมศึกษา (กกอ.) กำหนด ประกอบกับไม่ปรากฏหลักฐานว่ามีสถาบันอุดมศึกษาใดเคยขอให้สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พิจารณาดำเนินการเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งบุคคลดังกล่าวให้ดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์แต่อย่างใด และจากการตรวจสอบข้อมูล ปรากฏว่า สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ยังไม่เคยพิจารณาเทียบคุณวุฒิการศึกษา จาก California University และ California University FCE

ซึ่งกรณีน.ส.เกศกมล ระบุประวัติการศึกษาว่า “2.2. ปริญญาเอก รัฐศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต (Doctor of Political Science) California University, U.S.A." กกต.เห็นว่า เนื่องจากยังไม่มีบุคคลใดหรือองค์กรใดนำวุฒิการศึกษาจาก California University FCE ไปยื่น เพื่อเทียบวุฒิต่อคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนเพื่อเข้ารับราชการ อีกทั้งไม่ปรากฏพยานหลักฐานอื่นที่ยืนยันได้ว่ามีการกระทำฝ่าฝืนกฎหมายตามข้อกล่าวหา กรณีจึงน่าเชื่อว่าการที่น.ส.เกศกมลแนะนำตัวในส่วนของ ประวัติการศึกษาว่า ปริญญาเอก รัฐศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต (Doctor of Political Science) California University, U.S.A. ยังไม่เป็นการหลอกลวง หรือจูงใจให้บุคคลอื่นเข้าใจผิดในคุณสมบัติ ความรู้ความสามารถ หรือชื่อเสียง เกียรติคุณของผู้ถูกร้อง เพื่อจูงใจให้ผู้สมัครหรือผู้มีสิทธิเลือกลงคะแนนให้แก่ผู้ถูกร้อง ในขั้นนี้ ข้อเท็จจริง จึงยังรับฟังไม่ได้ว่า น.ส.เกศกมลกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืน มาตรา 77 (4)

แต่กรณีศาสตราจารย์ ที่น.ส.เกศกมลระบุประวัติการศึกษาว่า “2.1 ศาสตราจารย์การพัฒนาทรัพยากร มนุษย์ (Professor in Human Resource Development) California University และระบุประวัติการทำงาน หรือประสบการณ์ในการทำงานในกลุ่มที่สมัครว่า “ศาสตราจารย์ ดร.แพทย์หญิง เกศกมล เปลี่ยนสมัย” นั้น ข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติว่า น.ส.เกศกมล มิได้มีตำแหน่งทางวิชาการศาสตราจารย์ตามหลักการและขั้นตอนที่กำหนดไว้ในกฎหมายดังกล่าวข้างต้นของประเทศไทย อีกทั้ง พยานที่ไต่สวนประกอบคนที่3-11 ซึ่งเป็นผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาและเป็นผู้มีสิทธิเลือก ระดับประเทศ ให้ถ้อยคำสอดคล้องกันว่า ข้อมูลแนะนำตัวของผู้สมัคร ซึ่งระบุว่า "ศาสตราจารย์ ดร.แพทย์หญิง เกศกมล เปลี่ยนสมัย "มีผลจูงใจให้ลงคะแนนให้แก่น.ส.เกศกมล ดังนั้น การที่น.ส.เกศกมล แนะนำตัวในการเลือกสมาชิกวุฒิสภาว่าเป็น “ศาสตราจารย์ ดร.แพทย์หญิง เกศกมล เปลี่ยนสมัย” โดยที่มิได้ ดำรงตำแหน่งเป็นศาสตราจารย์ตามกฎหมายของประเทศไทย จึงเป็นการหลอกลวง หรือจูงใจให้บุคคลอื่นเข้าใจผิด ในคุณสมบัติ ความรู้ความสามารถ หรือชื่อเสียงหรือเกียรติคุณของผู้ถูกร้อง เพื่อจูงใจให้ผู้สมัครหรือผู้มีสิทธิเลือก ลงคะแนนให้แก่ผู้ถูกร้อง ซึ่งเป็นการทุจริตในการเลือก และทำให้การเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม อันเป็นการฝ่าฝืนพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 มาตรา 62 และมาตรา 77 (4)

นอกจากนี้กรณีมีเหตุอันควรสงสัยหรือความปรากฏเกี่ยวกับการใช้ภาพถ่ายสวมชุดครุยวิทยฐานะโดยไม่มีสิทธิในการสมัครสว.นั้นเห็นว่า กรณีที่ 1เป็นภาพถ่ายน.ส.เกศกมลใส่ชุดครุย ของ California University FCE เมื่อน.ส.เกศกมลได้รับการประเมินคุณวุฒิการศึกษาระดับเทียบเท่ารัฐศาสตร์ ดุษฎีบัณฑิต (Doctor Of Political Science) จาก California University FCE จึงมีสิทธิใส่ชุดครุย วิทยฐานะของวุฒิการศึกษา Doctor Of Political Science ของ California University FCE กรณีที่ 2เป็นภาพถ่ายน.ศ.เกศกมลใส่ชุดครุยวิทยฐานะของมหาวิทยาลัยเกริก เมื่อน.ศ.เกศกมล สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท จากมหาวิทยาลัยเกริก จึงมีสิทธิไส่ชุดครุยวิทยฐานะของวุฒิการศึกษาระดับปริญญาโทของ มหาวิทยาลัยเกริก และกรณีที่ 3เป็นภาพน.ส.เกศกมล ใส่ชุดครุยของ Universal Institute of Professional Management ซึ่งจากการไต่สวนน.ส.เกศกมลและพยานผู้ถูกร้องซึ่งเป็นผู้แทนของ Universal Institute of Professional Management ในประเทศไทย ให้ถ้อยคำสอดคล้องกันว่า Universal Institute of Professional Management อนุมัติให้น.ส.เกศกมลได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (Professional honorary doctorate degree) น.ส.เกศกมลจึงมีสิทธิใส่ชุดครุยวิทยฐานะดังกล่าว อีกทั้งไม่ปรากฏพยานหลักฐานอื่นที่ยืนยันได้ว่า

มีการกระทำฝ่าฝืนกฎหมายตามข้อกล่าวหา ข้อเท็จจริงจึงรับฟังไม่ได้ว่า ผู้ถูกร้องกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืน มาตรา 77(4)

จึงมีคำสั่งในประเด็นที่ 1-5 กรณีวุฒิการศึกษา ให้ยกคำร้อง ประเด็นที่6 กรณีศาสตราจารย์ ให้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อสั่งให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ของน.ส.เกศกมล ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิก วุฒิสภา พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา 62 และรัฐธรรมนูญมาตรา 226 และให้ดำเนินคดีอาญาแก่นางสาวเกศกมล ตามมาตรา77(4)กรณีมีเหตุอันควรสงสัยหรือความปรากฏจากรายงานการไต่สวนเพิ่มเติมจำนวน 3กรณีให้ยุติเรื่อง

ทั้งนี้พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสว.2561มาตรา77 บัญญัติว่า ผู้ใดกระทำการ (4)หลอกลวง บังคับ ขู่เข็ญ ใช้อิทธิพลคุกคาม ใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้บุคคลอื่น เข้าใจผิดในคุณสมบัติ ความรู้ความสามารถ หรือชื่อเสียงเกียรติคุณของผู้สมัครใด เพื่อจูงใจให้ผู้อื่นสมัครเข้ารับเลือก เป็นสมาชิกวุฒิสภา หรือถอนการสมัคร หรือกระทำการใด ๆ อันไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้ผู้นั้นหมดสิทธิ ที่จะเลือกหรือได้รับเลือก หรือเพื่อจูงใจให้ผู้สมัครหรือผู้มีสิทธิเลือกลงคะแนนหรือไม่ลงคะแนนให้แก่ผู้ใด ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่1-10 ปีหรือปรับตั้งแต่ 20,000 -200,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด20 ปี

website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก Manager Online

น้ำมันลง-ทองคำพุ่ง$48สูงสุด5สัปดาห์ หุ้นสหรัฐฯปิดผสมผสาน

37 นาทีที่แล้ว

"ไส้กรอกอีสาน-ไส้อั่ว" เมนูเด็ดจากไทย ติดอันดับ 50 ไส้กรอกที่ดีที่สุดในโลก

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

"น้าแจ่ม AZC" เดือดกลางด่วน! โพสต์คลิปสอนมารยาทแคมรี่เปิดไฟสูงไล่ ไม่สนฝนตก-กลางคืน ยอมรับไม่เหมาะสมแต่ทนไม่ไหว

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เครื่องบินทหารกองทัพบังกลาเทศเมดอินไชน่า F-7 BGI ตกใส่โรงเรียนกลางกรุงธากา ดับไม่ต่ำกว่า 20

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

วิดีโอ

ตำรวจภูธรภาค 5 แถลงผลจับกุมยาเสพติดรายสำคัญ 5 คดี ยึดของกลางยาบ้า 6.9 ล้านเม็ด

สวพ.FM91

แม่ขี่รถ จยย.ไปส่งลูกคนโต มีน้องๆ นั่งซ้อนท้าย ชนกับรถเก๋งกลางถนน เสียชีวิต 3 ราย และสาหัส 1 ราย จ.สุราษฎร์ธานี

สวพ.FM91
วิดีโอ

สืบนครบาล บุกรวบหนุ่มตระเวนงัดตู้หยอดเหรียญล้างรถ คาห้องเช่า หลังก่อเหตุ 2 ครั้งซ้อน อ้างตกงานไร้เงิน

สวพ.FM91
วิดีโอ

ทหาร ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ รวบหนุ่มขี่รถพ่วงข้างลอบขนบุหรี่เถื่อนกลางป่า มูลค่าเกือบ 2 ล้านบาท

สวพ.FM91

น้ำมันลง-ทองคำพุ่ง$48สูงสุด5สัปดาห์ หุ้นสหรัฐฯปิดผสมผสาน

Manager Online

หญิงขับเก๋ง อยู่ดีดีรถสะบัด พุ่งชนแบริเออร์ ร่างติดคาซากรถ อาการสาหัส 2 ราย

Khaosod

รถจักรยานยนต์ชนกับรถกระบะ กลางถนนช่วงหนองช้างคต บาดเจ็บ 1 และเสียชีวิต 1 ราย จ.เชียงราย

สวพ.FM91

จีนเริ่มแล้ว ใช้ AI คัดแยก 'ทุเรียน' รู้ลูกนี้มีกี่พู ลูกไหนเน่าหรือเนื้อตาย

Khaosod

ข่าวและบทความยอดนิยม

“ทักษิณ”ขายฝัน ไม่เวิร์ก กู้วิกฤตไม่ได้ !?

Manager Online

ชำแหละ! Re X-ray ยาเสพติด ยุค "สิงห์อ้วน" หลังชูยาแรง KPI 3 เดือน ระยะเร่งด่วน สั่งแยกบัญชีเก่า/ใหม่ พื้นที่เซ็นทุกบัญชีก่อนรายงาน"ลับ"

Manager Online

"อิ๊งค์" ไม่รู้ "พ่อแม้ว" ร่วมดินเนอร์พรรครัฐบาล เหน็บ “ฮุนเซน” เคลม ”ทักษิณคิดเพื่อไทยทำ“ ขนาดปล่อยคลิปเองยังบอกไม่ได้ปล่อย

Manager Online
ดูเพิ่ม
Loading...