รวบสาวใหญ่รับจ้างเปิดบัญชีม้าให้แก๊งหลอกเงินกู้ออนไลน์เหยื่อสูญเงินร่วมแสนบาท
รวบสาวใหญ่รับจ้างเปิดบัญชีม้าให้แก๊งหลอกเงินกู้ออนไลน์เหยื่อสูญเงินร่วมแสนบาท
กองบังคับการปราบปราม โดย พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป. พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม กก.5 บก.ป. ร่วมกันจับกุม นางสาววัน (นามสมมุติ) อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาศาลจังหวัดนครปฐม ลงวันที่ 15 ก.ค.2568 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้เจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง กระทำโดยประการใดๆอันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่ ผู้อื่นกระทำความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนและโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” จับกุมได้ที่หน้าบ้านพักในพื้นที่ หมู่ 8 ต.นาป่า อ.เมือง จ.ชลบุรี
สืบเนื่องจากก่อนเกิดเหตุ เมื่อวันที่ 8 ต.ค.2567 ขณะที่ผู้เสียหายขายของอยู่ที่ร้านขายอาหารตามสั่งที่บริษัทในพื้นที่ ต.คลองใหม่ อ.สามพราน จ.นครปฐม ได้พบเห็นโฆษณาประกาศเชิญชวนให้กู้เงินออนไลน์ ผ่านแอปพลิเคชันเฟซบุ๊ก ผู้เสียหายสนใจจึงได้เพิ่มเพื่อนทางไลน์ที่ได้แนบไว้ เมื่อเพิ่มเพื่อนแล้วปรากฏบัญชีผู้ใช้ไลน์ จึงได้สอบถามพูดคุย เพื่อที่จะทำการกู้เงินทางออนไลน์ และได้มีข้อความอัตโนมัติจากบัญชีผู้ใช้ไลน์ดังกล่าว ส่งมาหาผู้เสียหายแจ้งว่า “สมัครสินเชื่อวันนี้ ฟรีค่าธรรมเนียม ดอกเบี้ยต่ำ ไม่เช็คเครดิตบูโร ยื่นกู้สูงสุดถึง 3,000,000 บาท หากสนใจกด 2 หากต้องการยื่นสินเชื่อกด 3 อนุมัติผ่านรับยอดสินเชื่อทันที” ผู้เสียหายสนใจจึงได้กด 3 เพื่อยื่นสินเชื่อวงเงินจำนวน 50,000 บาท ส่งเดือนละ 875 บาท จำนวน 60 งวด และต่อมาคนร้ายได้ส่งลิงก์ เพื่อให้ลงทะเบียนยืนยันตัวตนและรอการอนุมัติ โดยคนร้ายให้ผู้เสียหายติดต่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินโดยให้เพิ่มเพื่อนทางลิงก์ไลน์ และแจ้งชื่อ-นามสกุล และเบอร์โทรศัพท์
ปรากฏบัญชีไลน์ทางการและได้พูดคุยกัน ผู้ใช้ไลน์ดังกล่าวแจ้งว่า “อนุมัติการกู้เงิน” และได้ส่งลิงก์มาเพื่อให้ผู้เสียหายตรวจสอบยอดเงิน เมื่อผู้เสียหายตรวจสอบพบว่ามีเงินอยู่จริง และผู้เสียหายเตรียมดำเนินการถอนเงินตามขั้นตอนที่คนร้ายแจ้ง ซึ่งต่อมาคนร้ายแจ้งว่า วงเงินที่ผู้เสียหายถอนถูกอายัดทั้งหมด เนื่องจากผู้เสียหายได้กรอกข้อมูลเลขบัญชีผิด ทำให้ระบบอายัดเงิน ไม่สามารถโอนเงินไปยังบัญชีปลายทางได้ จึงให้ผู้เสียหายโอนเงิน จำนวน 15,750 บาท เพื่อปลดล็อคบัญชี โดยคนร้ายให้โอนเงินไปยังบัญชีธนาคารชื่อบัญชี นางสาววัน (นามสมมุติ) อายุ 36 ปี ผู้ต้องหา ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้โอนเงิน จำนวน 15,750 บาท ไปยังบัญชีธนาคารของคนร้าย เมื่อผู้เสียหายโอนเงินไปแล้ว คนร้ายให้ตรวจสอบยอดเงิน ผู้เสียหายจึงได้ตรวจสอบ พบว่ามีเงินอยู่จำนวน 65,750 บาท แต่คนร้ายแจ้งว่า ผู้เสียหายทำรายการโอนเงินเพื่อปลดล็อคบัญชีผิด โดยให้เหตุผลว่าไม่ได้พิมพ์บันทึกช่วยจำตามที่แจ้ง จึงให้ผู้เสียหายโอนเงินจำนวน 15,750 บาท เพื่อปลดล็อคบัญชีอีกครั้ง และให้ผู้เสียหายโอนเงินไปยังบัญชี นางสาววัน (นามสมมุติ) อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาอีกครั้ง รวมเป็นเงิน 31,500 บาท
ทางคนร้ายอ้างว่า โอนผิดให้โอนเพิ่มอีกเพื่อปลดล็อค รวมแล้วสูญเงินไปร่วม 1แสนบาท ผู้เสียหายจึงรู้ว่าถูกกลุ่มมิจฉาชีพหลอก จึงได้มาพบพนักงานสอบสวนเพื่อร้องทุกข์เพื่อดำเนินคดีกับ นางสาววัน (นามสมมุติ) อายุ 36 ปี ผู้ต้องหา ซึ่งเป็นเจ้าของบัญชีธนาคารรับโอนเงิน เพื่อให้ได้รับโทษตามกฎหมายจนกว่าคดีจะถึงที่สุด
โดยเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม กองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม ได้ทำการสืบสวนและติดตามจนทราบว่า ผู้ต้องหาได้หลบหนีมาทำงานอยู่ในพื้นที่ อ.เมือง จ.ชลบุรี จึงได้เข้าทำการควบคุมตัวตามหมายจับ ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.สามพราน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป จากการตรวจสอบหมายจับเพิ่มเติมยัง พบว่านางสาววัน (นามสมมุติ) อายุ 36 ปี มีหมายจับติดตัว โดยเป็นหมายจับศาลจังหวัดราชบุรี ลงวันที่ 23 พ.ค.2568 ในความผิดฐาน “ฉ้อโกงประชาชน” ของ สภ.โพธาราม รวม 2 หมายจับ ซึ่งมีการกระทำผิดลักษณะเดียวกัน
เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา แต่ยอมรับว่า มีลูกสามคนช่วงนั้นขัดสนเงินจึงได้ไปรับจ้างเปิดบัญชีธนาคารให้กับมิจฉาชีพ ได้ค่าจ้างเปิดบัญชี 500 บาท
โดยไม่มีส่วนรู้เห็นกับพฤติกรรมของมิจฉาชีพว่าจะไปหลอกผู้เสียหายแต่อย่างใด