ห่วงหนี้ครัวเรือน “ระเบิดเวลา” คนกู้ผ่านแอปฯ-ซื้อก่อนจ่ายทีหลังแก้ปัญหายาก
นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช. หรือสภาพัฒน์) แถลงรายงานภาวะสังคมไตรมาส 2/68 ว่า สังคมไทยยังคงเผชิญแรงกดดันจากหนี้ครัวเรือนที่ปรับลดเล็กน้อย แต่โครงสร้างการก่อหนี้กลับน่ากังวลยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการหันไปพึ่งพาเงินกู้นอกระบบผ่านแอปพลิเคชัน และการใช้บริการ “ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง” ที่แพร่หลาย ขณะที่การกู้ยืมผ่านสหกรณ์ออมทรัพย์มีสัดส่วนสูงถึง 15% ของหนี้ครัวเรือนทั้งหมด แต่ไม่ถูกบันทึกในระบบเครดิตบูโร จึงเป็นปัญหาที่แก้ไขยากขึ้นในเชิงโครงสร้าง ส่งผลให้การประเมินหนี้ครัวเรือนจริงต่ำกว่าความเป็นจริง และอาจปิดบังความเสี่ยงในระบบการเงิน ขณะที่การกำกับดูแลสหกรณ์ออมทรัพย์ ต้องเอาคนที่มีความรู้ความเข้าใจสถาบันการเงินมากำกับดูแลเพิ่มจากปัจจุบันที่มีเพียงกรมส่งเสริมสหกรณ์
สำหรับไตรมาส 1/68 หนี้ครัวเรือนรวมอยู่ที่ 16.35 ล้านล้านบาท หดตัวเล็กน้อย 0.1% ต่อเนื่องจากการชะลอตัวหลายไตรมาส ทำให้สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ลดลงมาอยู่ที่ 87.4% จาก 88.4% ในไตรมาสก่อนหน้า แต่การชะลอตัวนี้ไม่ได้สะท้อนถึงความแข็งแรงทางการเงินของครัวเรือน เพราะคุณภาพสินเชื่อยังมีปัญหา โดยเฉพาะหนี้เสียในสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และบัตรเครดิตที่ยังขยายตัวต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ส่งผลให้สัญญาณความเปราะบางปรากฏชัด ทั้งจากการก่อหนี้นอกระบบที่เข้าถึงง่ายทางออนไลน์, ผู้กู้จำนวนมากพึ่งพาเงินกู้นอกระบบผ่านโซเชียลมีเดีย และแอปพลิเคชันกู้ยืม ซึ่งคิดดอกเบี้ยสูงเกินกฎหมายกำหนดและมีพฤติกรรมทวงหนี้ผิดกฎหมาย ซึ่งต้องกำกับดูแลและปราบปรามอย่างจริงจัง และบริการซื้อก่อนจ่ายทีหลัง ที่กระตุ้นให้ผู้บริโภคก่อหนี้เกินตัว เช่น SPayLater ของ Shopee และ LazPayLater ของ Lazada ขยายตัวในวงกว้าง อีกทั้งการอนุมัติวงเงินมักไม่อิงกับรายได้จริงของผู้กู้ ส่งผลให้บางรายมีวงเงินสูงถึงหลักแสนบาทเกินความสามารถชำระหนี้ การก่อหนี้ลักษณะนี้ไม่เชื่อมโยงกับฐานข้อมูลเครดิต อาจนำไปสู่ภาวะหนี้เสียจำนวนมากในอนาคต
“หนี้ครัวเรือนเป็นเหมือนระเบิดเวลาตัวหนึ่ง การแก้ปัญหามีความซับซ้อน และแก้ยากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ให้ทานอาหารและเติมน้ำมันแล้วค่อยจ่ายทีหลัง หรือให้ผ่อนชำระได้ด้วย ตรงนี้เป็นปัญหาที่ต้องดูแลจริงจัง เพราะถ้าปล่อยไป ปัญหาคงรุนแรงขึ้น เพราะของพวกนี้ควรจ่ายเต็ม ไม่ควรผ่อนจ่าย”
นอกจากนี้ ยังมีความท้าทายเชิงสังคม จากการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) อย่างกว้างขวาง ที่แม้เพิ่มความสะดวกและประสิทธิภาพในการทำงาน แต่กลับทำให้คนไทยขาดทักษะการคิดวิเคราะห์ และพึ่งพาเครื่องมือมากเกินไป อาจส่งผลระยะยาวต่อคุณภาพแรงงาน โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่ต้องปรับตัวรับมือการเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงานในอนาคต ทั้งนี้ ไตรมาส 2/68 การจ้างงานโดยรวมทรงตัวเมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีผู้มีงานทำ 39.5 ล้านคน เพิ่มขึ้น 0.02% ส่วนผู้ว่างงานลดเหลือ 370,000 คน คิดเป็นอัตราการว่างงาน 0.91% ลดจากปีก่อนถึง 14.8%
อย่างไรก็ตาม ต้องเฝ้าระวังผลกระทบการปรับภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ต่อการจ้างงาน การปรับรูปแบบจ้างงานของสถานประกอบการ ที่ลดจ้างพนักงานเต็มเวลาไปจ้างไม่เต็มเวลา (พาร์ตไทม์) เพิ่มขึ้น รวมทั้งขาดแคลนแรงงานต่างด้าว
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ห่วงหนี้ครัวเรือน “ระเบิดเวลา” คนกู้ผ่านแอปฯ-ซื้อก่อนจ่ายทีหลังแก้ปัญหายาก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- “ศิริกัญญา” สวน “เผ่าภูมิ” โวเศรษฐกิจไทย จีดีพีโต 3 ไตรมาสติด ตลกสิ้นดี
- สศช.ชี้สธ.ส่งตัวเลขต่างด้าวให้เอง
- สศช.ถอย! ลดเป้าจีดีพีโต 1.8% พิษภาษี "ทรัมป์" แนะคนไทย-ธุรกิจรับผลกระทบ
- สภาพัฒน์ห่วงคนไทยชีวิตติดหรู
- สศช.เพิ่มเป้าจีดีพีปี 68 โต 2% รับสัญญาณชัดสหรัฐฯเก็บภาษีตอบโต้ไทย 19%
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath