สรุปข่าวต่างประเทศ ประจำวันพุธที่ 20 สิงหาคม 2568
สรุปข่าวต่างประเทศ ประจำวันพุธที่ 20 สิงหาคม 2568
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย- -20 ส.ค. 68 8:46: น.
*** สัญญาน้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส (WTI) ปิดที่ 62.35 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง 1.07 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1.69%
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ทะเลเหนือ ปิดที่ 65.79 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง 0.81 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1.22%
ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงในวันอังคาร (19 ส.ค.) หลังนักลงทุนคาดการณ์ว่า การเจรจาที่อาจนำไปสู่ข้อตกลงเพื่อยุติหรือทำให้การรุกรานยูเครนของรัสเซียได้รับความชอบธรรม อาจเปิดทางให้มีการผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรน้ำมันรัสเซีย ซึ่งจะทำให้ปริมาณอุปทานน้ำมันในตลาดโลกเพิ่มขึ้น
*** Piper Sandler ประเมินว่าดัชนี S&P 500 ของสหรัฐฯ มีแนวโน้มสูงที่จะปรับตัวขึ้นเหนือระดับเป้าหมายสิ้นปีที่ 6,600 จุด หลังตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง แม้จะมีความกังวลเรื่องความยั่งยืนของตลาดขาขึ้นในปัจจุบันก็ตาม พร้อมเสริมว่า เป้าหมาย 6,600 จุด ซึ่งสูงกว่าระดับล่าสุดเพียง 2.2% อาจเกิดขึ้นเร็วที่สุดภายในเดือนก.ย. และอาจเป็นเพียงจุดพัก ก่อนที่ดัชนีจะเดินหน้าสูงขึ้นอีกในช่วงสิ้นปี
ขณะที่ผลสำรวจล่าสุดของ Reuters ชี้ว่า ดัชนี S&P 500 จะปิดสิ้นปี 2025 ที่ระดับ 6,300 จุด ลดลงราว 2.3% จากระดับปัจจุบัน สะท้อนมุมมองระมัดระวังของนักกลยุทธ์ท่ามกลางความกังวลต่อผลกระทบของมาตรการภาษีโลกจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และความไม่แน่นอนเกี่ยวกับ การปรับลดดอกเบี้ยของเฟด นับตั้งแต่ต้นปี 2025 จนถึงปัจจุบัน ดัชนี S&P 500 ปรับขึ้นแล้ว 9%
*** ชุดมาตรการหลักประกันความมั่นคงสำหรับยูเครนอาจเริ่มเป็นรูปเป็นร่างภายในสัปดาห์นี้ หลังจากผู้นำยุโรปถือโอกาสจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์สนับสนุนแผนดังกล่าว ซึ่งรวมถึงการส่งทหารยุโรปเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงสันติภาพ ซึ่งในการประชุมสุดยอดที่ทำเนียบขาวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา สหรัฐฯ ได้แสดงท่าทีชัดเจนมากขึ้นว่าจะให้หลักประกันความมั่นคงแก่ยูเครน ทำให้ผู้นำยุโรปเร่งเดินหน้าผลักดันข้อเสนอนี้ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ก่อนการเจรจาที่อาจเกิดขึ้นกับ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย
ทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เดินหน้าผลักดันการยุติสงครามยูเครน ที่ยืดเยื้อมานานกว่า 4 ปี โดยล่าสุดออกมาเรียกร้องให้ทั้งปูตินและเซเลนสกี แสดงความยืดหยุ่น เพื่อปูทางสู่การเจรจาระดับทวิภาคี โดยทรัมป์หวังว่า ประธานาธิบดีปูตินจะทำในสิ่งที่ถูกต้อง แต่ถ้าไม่เป็นเช่นนั้น มันจะเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากมาก และหวังว่าประธานาธิบดีเซเลนสกี จะทำในสิ่งที่เขาจำเป็นต้องทำ เขาเองก็ต้องแสดงความยืดหยุ่นเช่นกัน
*** ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวโจมตี เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อีกครั้ง โดยระบุว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้ภาคที่อยู่อาศัยได้รับความเสียหายอย่างหนัก พร้อมเรียกร้องให้เฟดปรับลดดอกเบี้ยลงอย่างมาก โดยทรัมป์โพสต์บน Truth Social ว่า ใครสักคนช่วยบอก เจอโรม Too Late พาวเวลล์ ทีเถอะว่า เขากำลังทำร้ายอุตสาหกรรมที่อยู่อาศัยอย่างรุนแรง ผู้คนไม่สามารถกู้จำนองได้เพราะเขา ทั้งที่ไม่มีเงินเฟ้อแล้ว และทุกสัญญาณบ่งชี้ไปที่การลดดอกเบี้ยครั้งใหญ่
*** กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ รายงานว่า การก่อสร้างบ้านเดี่ยวและใบอนุญาตก่อสร้างใหม่ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยในเดือนก.ค. แม้อัตราดอกเบี้ยจำนองที่อยู่ในระดับสูงและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจยังคงกดดันการซื้อบ้าน แต่การก่อสร้างรวมได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของโครงการอพาร์ตเมนต์ขนาดใหญ่
โดยบ้านเดี่ยว เพิ่มขึ้น 2.8% MoM สู่ระดับ 939,000 ยูนิตต่อปีหลังปรับทวนตามฤดูกาลแล้ว ใบอนุญาตก่อสร้าง เพิ่มขึ้น 0.5% สู่ 870,000 ยูนิตต่อปี หยุดการลดลงต่อเนื่อง 4 เดือน ขณะที่การก่อสร้างที่อยู่อาศัยรวม เพิ่มขึ้น 5.2% สู่ 1.428 ล้านยูนิตต่อปี
อพาร์ตเมนต์ พุ่งขึ้น 11.6% สู่ 470,000 ยูนิตต่อปี สูงสุดตั้งแต่พ.ค. 2023 ทำให้การก่อสร้างอพาร์ตเมนต์ใน 2 เดือนล่าสุด เพิ่มขึ้นกว่า 50% หลังจากซบเซามาตั้งแต่ปี 2022
*** กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ประกาศขยายการจัดเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียม ไปยังสินค้ากว่า 400 ชนิด ครอบคลุมทั้งกังหันลม, เครนเคลื่อนที่, เครื่องใช้ไฟฟ้า, รถปรับดิน, รถไฟ, รถจักรยานยนต์, เครื่องยนต์เรือ, เฟอร์นิเจอร์ และสินค้าอุตสาหกรรมหนักอีกจำนวนมาก
โดยสินค้าใหม่ที่ถูกเพิ่มเข้าไปใน Derivative Steel and Aluminum Products จะถูกเก็บภาษี 50% ของส่วนประกอบที่เป็นเหล็กและอะลูมิเนียม นอกจากนี้ยังถูกจัดเก็บตามอัตราภาษีประจำประเทศต้นทาง สำหรับส่วนประกอบที่ไม่ใช่เหล็กและอะลูมิเนียม ซึ่งรวมแล้วครอบคลุมสินค้านำเข้ามูลค่ากว่า 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี
*** ฮาวเวิร์ด ลุตนิค รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ ยืนยันว่า รัฐบาลกำลังเจรจากับ Intel Corp. เพื่อเข้าถือหุ้นในบริษัท โดยมีเป้าหมายแปลงเงินอุดหนุนตามกฎหมาย Chips and Science Act ที่ผ่านในสมัยอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ให้กลายเป็นการลงทุนในรูปแบบทุน โดยลุตนิคระบุว่า แผนดังกล่าวจะไม่ทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ มีสิทธิกำหนดทิศทางหรือสิทธิโหวตในบริษัท แม้สัดส่วนการถือหุ้นอาจทำให้รัฐบาลกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของ Intel ก็ตาม
*** สกอตต์ เบสเซนท์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กล่าวว่า ตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดของอินเดียได้ประโยชน์โดยตรงจากการนำเข้าน้ำมันดิบราคาถูกจากรัสเซีย พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลทรัมป์ เตรียมเดินหน้าขึ้นภาษีนำเข้ากับอินเดียเพิ่มเติม โดยเบสเซนท์ระบุว่า ภาษีที่จะเรียกเก็บเพิ่มเติมนี้จะเป็นภาษีทุติยภูมิ หรือภาษีรองสำหรับการซื้อน้ำมันที่ถูกคว่ำบาตรจากรัสเซีย ก่อนที่รัสเซียจะรุกรานยูเครนในปี 2022 อินเดียนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียไม่ถึง 1% แต่ตอนนี้ผมเชื่อว่าพุ่งขึ้นถึง 42% อินเดียกำลังกอบโกยกำไรชัดเจน
คำพูดดังกล่าว สะท้อนให้เห็นถึงการที่ฝ่ายบริหารของทรัมป์ยกระดับการโจมตีอินเดีย โดยพาดพิงไปถึง มุเกช อัมบานี (Mukesh Ambani) มหาเศรษฐีเอเชียและผู้มั่งคั่งที่สุดในอินเดีย เจ้าของ Reliance Industries ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการโรงกลั่นน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในโลกในรัฐคุชราต และเป็นหนึ่งในผู้ซื้อน้ำมันดิบรัสเซียภายใต้สัญญาระยะยาว
*** ธนาคารกลางจีน มีแนวโน้มคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ในเดือนส.ค.นี้ เป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน แม้ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดสะท้อนว่าโมเมนตัมการฟื้นตัวอาจอ่อนแรงลง โดยนักวิเคราะห์มองว่า แทนที่จะใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายในวงกว้าง ธนาคารกลางจีน (PBOC) จะมุ่งเน้นการใช้นโยบายเชิงโครงสร้างที่เจาะจงไปยังภาคส่วนสำคัญ เช่น อสังหาริมทรัพย์, อุตสาหกรรมไฮเทค และการบริโภค เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ขณะที่รัฐบาลจีนยังคงเดินหน้ามาตรการ Anti-Involution เพื่อลดกำลังการผลิตส่วนเกินในหลายอุตสาหกรรม หวังบรรเทาแรงกดดันเงินฝืดที่ยืดเยื้อ
*** ธนาคารกลางอินโดนีเซีย มีแนวโน้มจะคงอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง 7-Day Reverse Repo Rate ที่ 5.25% ในการประชุมวันนี้ (20 ส.ค.) เพื่อประเมินผลกระทบจากการปรับลดดอกเบี้ยก่อนหน้านี้ โดยแบงก์ชาติอินโดนีเซีย เพิ่งปรับลดดอกเบี้ย 0.25% เมื่อเดือนที่แล้ว ทำให้ตั้งแต่ก.ย. 2024 ถึงปัจจุบันมีการปรับลดดอกเบี้ยรวม 1.00%
เศรษฐกิจอินโดนีเซีย ไตรมาส 2/2025 ขยายตัว 5.12% YoY แสดงถึงความแข็งแกร่งต่อเนื่อง ขณะที่เงินเฟ้อเดือนก.ค. ขยับขึ้นมาที่ 2.37% ใกล้กรอบกลางของเป้าหมายแบงก์ชาติที่ 1.53.5%
*** ดัชนี Nikkei 225 ของญี่ปุ่น ซึ่งเพิ่งทำสถิติสูงสุดใหม่เหนือระดับ 43,876.42 จุด ในสัปดาห์นี้ อาจเผชิญแรงขายทำกำไรและอ่อนตัวลงเมื่อเข้าสู่ช่วงสิ้นปี ตามความคิดเห็นของนักกลยุทธ์ โดยดัชนี Nikkei ปรับขึ้นแล้วกว่า 9% ตั้งแต่ต้นปี 2025 ซึ่งนักวิเคราะห์ 18 ราย ที่ตอบโพลล์ระหว่างวันที่ 818 ส.ค. คาดว่าดัชนี Nikkei จะปิดสิ้นปีที่ราว 42,000 จุด ลดลงจากระดับปัจจุบันราว -4.3%
ปัจจัยหลักมาจากข้อตกลงการค้าสหรัฐฯญี่ปุ่น ที่ยังคงเปราะบาง เนื่องจากกรอบเวลาและรายละเอียดของข้อตกลงที่ยังไม่ชัดเจน ทำให้ตลาดยังมีความเสี่ยงหากการเจรจาติดขัด
*** ทาโร โคโนะ (Taro Kono) ส.ส.อาวุโสจากพรรครัฐบาลและอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศของญี่ปุ่น ระบุว่า ญี่ปุ่นจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและจัดระเบียบการคลังของประเทศ เพื่อรับมือกับค่าเงินเยนที่อ่อนมาก ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันเงินเฟ้อและสร้างความเดือดร้อนต่อครัวเรือน โดยธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้ยุติโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่ดำเนินมากว่า 10 ปีในปีที่แล้ว และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นสู่ 0.5% ในเดือน ม.ค. 2025 โดยมองว่าเศรษฐกิจใกล้จะบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2% อย่างยั่งยืน อย่างไรก็ตาม ค่าเงินเยนที่อ่อนต่อเนื่องทำให้ต้นทุนการนำเข้าสูงขึ้น ส่งผลให้เงินเฟ้อกระทบกำลังซื้อของครัวเรือนญี่ปุ่น
*** กระทรวงการคลังญี่ปุ่นรายงานว่า การส่งออกเดือนก.ค. 2025 ลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน สะท้อนแรงกดดันจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่ยังบั่นทอนภาคการผลิตญี่ปุ่น และเพิ่มความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจที่พึ่งพาการส่งออกสูง
โดยมูลค่าการส่งออกเดือนก.ค. ลดลง 2.6% YoY เดือนมิ.ย. ลดลง 0.5% ขณะที่การส่งออกไปสหรัฐฯ ลดลงถึง 10.1% YoY และส่งออกไปจีน ลดลง 3.5% YoY ด้านการนำเข้าลดลง 7.5% YoY โดยในเดือนก.ค. ญี่ปุ่นขาดดุลการค้า 795 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
*** Nvidia กำลังทดสอบแนวคิดผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI) สำหรับตลาดจีน โดยผลิตภัณฑ์ต้นแบบที่ใช้ชื่อชั่วคราวว่า B30A คาดว่าจะอ้างอิงจากสถาปัตยกรรม Blackwell รุ่นล่าสุด และอาจมีกำลังประมวลผลสูงกว่าชิป H20 ซึ่งเป็นรุ่นที่จำหน่ายในจีนในปัจจุบัน โดย Nvidia มีแผนจะส่งตัวอย่างชิป B30A ให้ลูกค้าในจีนทดสอบเร็วสุดภายในเดือนหน้า แม้ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการจากบริษัท
*** Apple เพิ่มกำลังการผลิต iPhone ในอินเดีย โดยใช้โรงงาน 5 แห่ง เพื่อเตรียมรองรับการเปิดตัว iPhone 17 รุ่นใหม่ โดยจะครอบคลุมไปถึงโรงงานและสายการผลิตใหม่ของ Tata Group และ Foxconn Technology ซึ่งเป็นผู้รับจ้างผลิตอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ของโลก โดยทั้งหมดจะถูกนำมาใช้ในการผลิต iPhone รุ่นใหม่
นอกจากนี้ Apple ยังมีแผนเปิดตัว iPhone 17e รุ่นใหม่ ราคาย่อมเยา ที่คาดว่าจะผลิตในอินเดียตั้งแต่ปีหน้า เพื่อเจาะตลาดอินเดียและตลาดเกิดใหม่ที่มีการเติบโตสูง
รายงาน โดย สิริพงศ์ สิริชุมศรี เรียบเรียง โดย Supak Hopuengju
อีเมล์. supak@efinancethai.com
ดูข่าวต้นฉบับ