จบด้วยดี ดิว อริสรา จ่ายเงินให้บ.แบรนด์เนม พร้อมคืนสร้อย เมย์ วาสนา

เรียกได้ว่า ทุกอย่างคลี่คลายลงด้วยดี หลังจาก ดิว อริสรา ได้ชำระเงินจำนวน 3.5 ล้าน ให้กับ ทนายความ เพื่อดำเนินการชำระหนี้ค่าจำนำสร้อยเพชรบุลการี และได้ทำสัญญาผ่อนชำระ พร้อมถอนฟ้อง คาดว่า จะสามารถคืนสร้อยให้กับ เมย์ วาสนา ภายในสัปดาห์นี้ ดิว จะให้สัมภาษณ์กับสื่อในงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในวันพรุ่งนี้เป็นครั้งแรก

วันที่ 19 สิงหาคม 2568 นายนิติศักดิ์ มีขวด หรือ ทนายเอี้ยง พร้อมด้วย นางสาวณัฐจุฑา ปุณณธนาวัฒน์ ตัวแทนจากบริษัทแบรนด์เนม มันนี่ จำกัด และ นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความ ได้เดินทางไปยังศาลแขวงปทุมวัน เพื่อเจรจาเกี่ยวกับการชำระหนี้ค่าจำนำสร้อยเพชรบุลการี ซึ่งมีมูลค่ารวม 7 ล้าน

การเจรจาใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง และได้ข้อสรุปที่ดี ทางด้าน ทนายนิติศักดิ์ เผยว่า ดิว ตั้งใจที่จะชำระหนี้ตั้งแต่แรก และในวันนี้ ได้จ่ายเงิน 3.5 ล้านไปก่อน ส่วนที่เหลืออีก 3.5 ล้าน จะทำสัญญาผ่อนชำระภายในหนึ่งปี และเมื่อครบตามกำหนด บริษัทแบรนด์เนมมันนี่ ก็จะถอนฟ้อง และทางบริษัทฯ จะประสานงานกับ เมย์ เพื่อคืนสร้อยเพชรบุลการีในเร็วๆ นี้ ต่อมา ทนายนิติศักดิ์ ยังได้กล่าวอีกว่า เงิน 3.5 ล้าน ที่ได้รับมาจาก ดิว นั้นเป็นเงินที่ เขา ได้ทำงาน และหยิบยืมมา เพื่อชำระหนี้ โดย ดิว ฝากข้อความขอบคุณทุกคนที่ให้โอกาสในการแก้ไขข้อผิดพลาด และยืนยันถึงเจตนาในการชำระหนี้ให้ครบถ้วน

ส่วนในกรณีที่เหลือ ทนายวิฑูรย์ กล่าวว่า เมย์ วาสนา ได้ช่วยชำระหนี้ส่วนหนึ่งจำนวน 1.75 ล้าน ทำให้ ดิว ต้องผ่อนชำระกับบริษัทฯ อีกเพียง 1.75 ล้าน และต้องไปผ่อนชำระกับ เมย์ ที่ช่วยออกเงินไปก่อน ซึ่ง นางสาวณัฐจุฑา ยังได้กล่าวถึงการเจรจาครั้งนี้ว่า มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง มาช่วยค้ำประกัน ทางบริษัทฯ ก็เข้าใจและเห็นใจทั้ง ดิว และ เมย์ แต่ก็ต้องปกป้องความน่าเชื่อถือของบริษัทฯ และต้องการให้เรื่องนี้ เป็นกรณีตัวอย่างในการป้องกันเหตุการณ์ในอนาคต

ทางด้าน ทนายนิติศักดิ์ ยังได้กล่าวถึงคดีที่กองปราบว่า เป็นเรื่องที่ เมย์ ต้องดำเนินการ หากได้ของคืนครบถ้วน เมย์ ก็ไม่ประสงค์จะดำเนินคดี และในส่วนของกระเป๋า 2 ใบ ดิว กำลังพยายามรวบรวมเงิน เพื่อผ่อนชำระ และคืนให้กับ เมย์ เชื่อว่า เรื่องทั้งหมดจะจบลงด้วยดี

สำหรับเรื่องที่ ดิว ไปยืมเงินจากคนในวงการ 3 คน รวมเป็นเงิน 20 ล้าน ทนายบอกว่า ยังไม่ได้พูดคุยรายละเอียดกับ ดิว แต่จะช่วยให้ความจริงปรากฏ และทุกอย่าง จะได้รับการแก้ไขอย่างถูกต้อง

สุดท้าย ทนาย ได้สรุปว่า การช่วยเหลือในครั้งนี้ ไม่ได้มุ่งหวังผลตอบแทนทางการเงิน เพราะตั้งแต่เข้ามาช่วยเหลือ ก็ยังไม่ได้รับค่าตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้น

เรียบเรียงโดย news.in.th