เปิด 4 ข้อควรรู้! ทำไมไม่ควรใช้ Face ID ปลดล็อกโทรศัพท์ iPhone ของคุณ?
การใช้ Face ID ปลดล็อกด้วยใบหน้ากลายเป็นสิ่งที่ผู้ใช้ iPhone หลายคนทำจนเป็นนิสัย แต่จะเกิดอะไรขึ้นหากคนร้ายไม่จำเป็นต้องแฮ็กเครื่อง เพียงแค่บังคับให้คุณใช้ “กุญแจ” นั้นกับตัวเอง?
Face ID ถูกยกย่องว่าเป็นก้าวกระโดดทางเทคโนโลยี มอบประสบการณ์ที่รวดเร็วและสะดวกสบาย เพียงแค่เหลือบตามอง โทรศัพท์ก็พร้อมใช้งานทันที ทว่าภายใต้ความสะดวกนี้กลับแฝงด้วยความเสี่ยงด้านความปลอดภัยและการละเมิดความเป็นส่วนตัวที่หลายคนอาจไม่ทันนึกถึง
และนี่คือเหตุผลสำคัญที่คุณควรไตร่ตรองให้รอบคอบ ก่อนจะฝากความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัวไว้กับ Face ID แต่เพียงอย่างเดียว
1. ระบบรักษาความปลอดภัยด้วยชีวมิติไม่ใช่สิ่งที่แน่นอนเสมอไป
แม้ Apple จะยืนยันว่าโอกาสที่ Face ID จะถูกปลอมแปลงมีเพียง 1 ในล้าน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีข้อยกเว้น ความเป็นจริงเคยมีหลายกรณีที่ “กุญแจนิรภัย” นี้ถูกเจาะทะลุได้ เช่น
คนในครอบครัวที่หน้าคล้ายกัน: พี่น้อง โดยเฉพาะฝาแฝดแท้ สามารถปลดล็อกโทรศัพท์ของกันและกันได้ ซึ่งสะท้อนว่าระบบยังอาจสับสนกับลักษณะทางพันธุกรรมที่ใกล้เคียงกันมาก
หน้ากากที่ทำอย่างประณีต: นักวิจัยด้านความปลอดภัยเคยพิสูจน์แล้วว่า หากมีเทคโนโลยีและทรัพยากรมากพอ (เช่น การพิมพ์ 3 มิติ) ก็สามารถสร้างหน้ากากที่ละเอียดพอจะหลอกเซ็นเซอร์ TrueDepth ได้ แม้จะไม่ใช่สิ่งที่อาชญากรทั่วไปทำได้ง่าย แต่ก็ถือเป็นช่องโหว่สำหรับผู้ที่เสี่ยงถูกเจาะระบบโดยเจาะจง
เด็กเล็ก: โครงสร้างใบหน้าของเด็กเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และ Apple เองก็เคยเตือนว่า Face ID อาจทำงานได้ไม่แม่นยำในเด็กอายุต่ำกว่า 13 ปี
เมื่อเปรียบเทียบกับรหัสผ่านตัวอักษรและตัวเลข (alphanumeric) ที่แข็งแรงและซับซ้อน ข้อมูลชีวมิติก็ยังคงมีความเสี่ยงที่จะถูกลอกเลียนหรือปลอมแปลงได้เช่นกัน
2. ความเสี่ยงจากการถูกบังคับให้ปลดล็อก
นี่คือหนึ่งในความเสี่ยงที่ร้ายแรงและน่ากังวลที่สุดของการใช้ Face ID เพราะในบางสถานการณ์ คุณอาจถูกบังคับให้ปลดล็อกโทรศัพท์โดยไม่สมัครใจ
เมื่อถูกปล้นหรือถูกคุกคาม: คนร้ายเพียงแค่ยกโทรศัพท์ขึ้นตรงหน้าคุณ ก็สามารถเข้าถึงข้อมูลทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นบัญชีธนาคาร อีเมล หรือโซเชียลมีเดีย
ในประเด็นทางกฎหมาย: หลายประเทศให้อำนาจเจ้าหน้าที่บังคับให้คุณใช้ใบหน้าในการปลดล็อกโทรศัพท์ได้ (เพราะเป็น “ลักษณะทางกายภาพ”) แต่พวกเขาไม่สามารถบังคับให้คุณเปิดเผยรหัสผ่านได้ (ซึ่งเป็น “ข้อมูลที่อยู่ในความคิด”) ความแตกต่างนี้ส่งผลโดยตรงต่อสิทธิในความเป็นส่วนตัวและสิทธิในการปกป้องตนเองตามกฎหมาย
กล่าวได้ว่า เมื่อใช้รหัสผ่าน คุณยังคงเป็นผู้ควบคุมขั้นสุดท้าย แต่เมื่อใช้ Face ID สิทธิ์ในการควบคุมนั้นอาจถูกพรากไปได้อย่างง่ายดาย
3. ความกังวลด้านความเป็นส่วนตัวและข้อมูล
Apple ระบุว่าข้อมูลใบหน้าของคุณจะถูกเข้ารหัสและเก็บไว้อย่างปลอดภัยใน Secure Enclave ภายในเครื่อง ไม่ถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ของบริษัท ถือเป็นกลไกการปกป้องที่ดี แต่ปัญหาไม่ได้จบแค่นั้น
การทำให้เทคโนโลยีจดจำใบหน้าเป็นเรื่องปกติ อาจกลายเป็นพื้นฐานให้เกิดการเก็บและนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ในวงกว้างมากขึ้นในอนาคต
แอปพลิเคชันภายนอก อาจขอสิทธิ์เข้าถึงกล้อง TrueDepth เพื่อใช้กับฟีเจอร์อย่างโลกเสมือนจริง (AR) แม้จะไม่สามารถเข้าถึงแผนที่ใบหน้าต้นฉบับ แต่ก็ยังสามารถเก็บข้อมูลบางอย่างที่เกี่ยวข้องได้
เมื่อข้อมูลใบหน้าถูกแปลงเป็นดิจิทัลมากขึ้น ความเสี่ยงที่จะเกิดการรั่วไหลหรือถูกนำไปใช้ในระบบเฝ้าระวังขนาดใหญ่ก็ยิ่งเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
ดังนั้นแม้จะมีการปกป้องระดับอุปกรณ์ แต่ความเสี่ยงเชิงโครงสร้างของการใช้เทคโนโลยีนี้ในสังคมยังคงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม
4. ความไม่สะดวกในหลายสถานการณ์จริง
นอกเหนือจากความเสี่ยงด้านความปลอดภัยแล้ว Face ID ยังมีข้อจำกัดที่สร้างความยุ่งยากในการใช้งานในชีวิตประจำวัน เช่น
ขณะสวมหน้ากาก: แม้ iOS รุ่นใหม่จะปรับปรุงให้รองรับได้ดีขึ้น แต่ก็ยังไม่แม่นยำและเสถียร 100%
ขณะใส่แว่นกันแดด: แว่นกันแดดบางชนิดที่ปิดกั้นรังสีอินฟราเรด อาจทำให้ Face ID ทำงานไม่ได้
ขณะนอนหรือมุมมองจำกัด: Face ID ต้องการให้ผู้ใช้มองโทรศัพท์ในมุมค่อนข้างตรง ทำให้ไม่สะดวกหากนอนอยู่บนเตียงหรือวางโทรศัพท์บนโต๊ะ
ในสถานการณ์เหล่านี้ ผู้ใช้ยังคงต้องกลับมาใส่รหัสผ่านด้วยตนเอง ซึ่งทำให้ความ “สะดวกสบาย” ที่ Face ID โฆษณาไว้ ลดลงไปไม่น้อย
iStockphoto
ควรทำอย่างไรให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น?
Face ID เป็นเทคโนโลยีที่น่าประทับใจ แต่ควรมองว่าเป็นเพียง “เครื่องมืออำนวยความสะดวก” มากกว่าจะเป็นกำแพงป้องกันข้อมูลเพียงชั้นเดียว หากต้องการปกป้องตนเองอย่างรอบด้าน ควรทำดังนี้
ตั้งรหัสผ่านที่แข็งแรง: ใช้รหัสผ่านแบบตัวอักษรผสมตัวเลข (ไม่ใช่เพียง 6 หลัก) ที่มีความซับซ้อนพอสมควร นี่คือแนวป้องกันที่ปลอดภัยที่สุด
ใช้ Face ID เป็นตัวเลือกเสริม: มองว่าเป็นวิธีปลดล็อกที่รวดเร็วในสถานการณ์ที่ปลอดภัย แต่จำไว้ว่ารหัสผ่านยังคงเป็นกุญแจหลัก
เรียนรู้การปิดการทำงานของ Face ID แบบฉุกเฉิน: เพียงกดปุ่มพาวเวอร์พร้อมกับปุ่มปรับเสียงใดก็ได้ค้างไว้ คุณสามารถปิดการทำงานของ Face ID ชั่วคราว และระบบจะบังคับให้ใส่รหัสผ่าน วิธีนี้มีประโยชน์อย่างยิ่งในเหตุการณ์ไม่ปลอดภัยหรือเมื่อเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน
ความสะดวกไม่ได้หมายถึงความปลอดภัยเสมอไป การเข้าใจข้อจำกัดของ Face ID จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างรอบคอบและปกป้องข้อมูลสำคัญของตนเองได้ดียิ่งขึ้น