อดีตปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมวิเคราะห์เคส!! ดรามา ‘ไข่เจียวปู’ ชี้ขาย!! ‘หน้าตา-ความสุข-ความพอใจ’ ให้ลูกค้า
(23 ส.ค. 68) ผศ.ดร.สมชาย หาญหิรัญ อดีตปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก ระบุว่า …
จบกัน .. เพิ่งบรรยายไปว่า การตั้งราคาเป็นไปตามกลยุทธ์ของเราที่มองเงื่อนไขของระบบตลาด ลูกค้า และคู่แข่ง และที่สำคัญที่สุดคือ ..และยิ่งในตลาดที่แข่งขันและลูกค้ามีทางเลือกมาก …"ราคาจะกำหนดต้นทุน ไม่ใช่ต้นทุนกำหนดราคา" แต่ถ้าไม่ต้องการสู้เรื่องต้นทุน เพื่อหลีกข้อจำกัดการแข่งด้านราคา กลยุทธ์ของเราควรเป็นเรื่องการสร้างความแตกต่าง …แตกต่างจากอะไรก็ตาม ไม่ว่าชื่อเสียง ออกแบบ รสชาติ การเป็นเจ้าแรก รสดั่งเดิม อายุร้อยปี หรือสารพัด รวมถึงชื่อเสียงเชฟ ชื่อร้าน ตรามิชิลิน ..ชวมชิม ชวนลอง … ซึ่งเราก็สามารถตั้งราคาตามกลยุทธ์ของตามความปรารถนาเต็มใจที่จะจ่ายของลูกค้า (Customer's Willingness to Pay) … คนที่ไม่ใช่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายก็มองว่าแพง คนกินไม่โง่ก็บ้า ..เหมือนที่คนที่วิจารณ์คนใช้กระเป๋าแบรนด์เนมใบละหลายแสน หรือเป็นล้านบาทว่า "รวยอย่างเดียวไม่พอ …" แต่ก็เป็นแบรนด์ที่มีคนใช้ทั่วโลก ออกรุ่นใหม่มาไม่หยุดหย่อน แถมราคาสุดๆ แต่ก็มีคนจองข้ามปี ผมละกลัวใจว่าจะมีใครไปบ้าให้เขาแจงต้นทุนการผลิตนะครับ เพราะเขาไม่ได้ขายของ …. เขาขาย "หน้าตา ความสุข ความพอใจ" ให้ลูกค้า ในราคาที่ลูกค้าเต็มใจจ่าย ..เราไม่ใช่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายเขาก็ว่ากันไป ….. ผมละสงสารนายกรัฐมนตรีผมเลยครับ อุตส่าห์ลงทุนปั้น Soft Power ของไทยซะเหงื่อตก เราก็ยังเวียนอยู่ตรงต้นทุน …
ถ้างี้ผมมีให้แจ้งเยอะวันก่อนก๋วยเตี๋ยวชามสองร้อยกว่า รสชาติงั้นๆ แต่เขาติดป้ายราคาชัดเจน ผมสั่งเพราะเต็มใจจ่าย แม้ว่ากินแล้วบอกว่าเราทำบุญร่วมกันมาแค่นี้ …พอกัน แต่ก็ถือว่านะนาทีที่ตัดสินใจสั่งมาลองนั่น ผมตัดสินใจแบบ Economic rational man แล้ว คือคำนวณความสุขที่คาดว่าได้รับ (Satisfaction) จากก๋วยเตี๋ยวชามที่จะสั่ง โดยคำนวณจากข้อมูลที่ได้รับจากคำยืนยันจากสารพัดแหล่ง เทียบกับระดับความใจหาย (Expected Dis-satisfaction) ที่เงินออกจากกระเป๋าสองร้อยกว่าบาท … ผมคิดว่าไม่แค่คุ้ม … แต่มี Consumer's Surplus ด้วย ผมเลยสั่ง … แม้ว่าหลังจากนั้นจาก loss ก็ตาม แต่ผมถือว่าตอนตัดสินใจนั้นเป็นไปอย่างมีเหตุมีผลแล้ว และสิ่งที่ได้คือข้อมูลใหม่ในเรื่องนี้ เพื่อที่จะนำมาตัดสินใจอีกครั้งในอนาคตเกี่ยวกับเรื่องนี้ … ซึ่งก็ไม่ไปอีกเลย ถือว่าเป็นส่วนของการซื้อประสบการณ์ แถมได้ประโยชน์มีเรื่องเล่าให้คนอื่นที่ถาม หรือให้คอมเม้นท์กับเรื่องนี้ …. นึกอีกทีผมน่าจะนำมาลงโซเชียลมีเดีย สร้าง content มันส์ๆ ใส่พริก ใส่เกลือ ผงปรุงรสหน่อยให้ถูกรสนิยมคนไทย แม้ว่า ผมจะมี loss ใน Satisfaction จากรสชาติอาหารเมือเทียบกีบราคาแล้ว แต่ก็น่าจะได้ความสุขคืนมาเยอะจากไลท์และเม้นท์ที่มากมายในช่องของเรา ..ลืมนึกไป 555
เดี๋ยวออกข้อสอบถามเด็กให้วิจารณ์เรื่องนี้ดีก่า ได้ข้อสอบละ หุหุ …