คิม จอง-อึน สารภาพ "ปวดใจ" ทหารโสมแดงพลีชีพสงครามยูเครน
เมื่อวันที่ 21 ส.ค.2568 CNN รายงาน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ คิม จอง-อึน เป็นประธานในพิธีรำลึกและงานเลี้ยงเพื่อยกย่องทหารที่กลับมาจากแนวหน้าในภูมิภาคเคิร์สค์ของรัสเซีย ณ กรุงเปียงยาง ซึ่งถือเป็นการยอมรับอย่างหาได้ยากยิ่ง ถึงความสูญเสียทางทหารของประเทศ
พิธีเป็นไปอย่างเศร้าโศก โดยมีภาพที่คิม จอง-อึน ปักเหรียญเชิดชูเกียรติบนกรอบรูปทหารผู้เสียชีวิตที่ประดับอยู่บนผนัง ซึ่งแต่ละรูปมีชื่อทหารเขียนด้วยทอง พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงปวดใจว่า
หัวใจของผมเจ็บปวดและขมขื่น เมื่อต้องเผชิญกับความจริงที่ว่า ผมได้พบกับบุคคลผู้สูงส่ง ที่สละชีวิตอันมีค่าเพื่อชัยชนะและเกียรติยศอันยิ่งใหญ่ ผ่านรูปถ่ายบนผนังอนุสรณ์เท่านั้น
คิม จอง-อึน ยังแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวผู้สูญเสีย โดยกล่าวว่า ไม่รู้จะแสดงความเสียใจและขอโทษอย่างไร ที่ไม่สามารถปกป้องบุตรชายอันล้ำค่าของครอบครัวได้ ภาพที่เผยแพร่โดยสำนักข่าว KCNA แสดงให้เห็นคิม จอง-อึน โอบกอดเด็ก ๆ และทหารที่กำลังร้องไห้ด้วยความเศร้าโศก
เกาหลีเหนือเริ่มส่งกำลังทหารและยุทโธปกรณ์จำนวนมากไปสนับสนุนรัสเซียในสงครามกับยูเครนตั้งแต่ปีที่แล้ว หลังจากการประชุมระดับสูงระหว่างคิม จอง-อึน และ ปธน.วลาดิเมียร์ ปูติน แม้ทั้ง 2 ประเทศจะปฏิเสธการส่งกำลังพลในช่วงแรก แต่ภายหลังได้ยอมรับการมีส่วนร่วมของกองทัพเปียงยางต่อสาธารณะ
รายงานข่าวกรองของยูเครนและสหรัฐฯ ระบุว่ามีทหารเกาหลีเหนือประมาณ 12,000 นาย อยู่ในรัสเซีย โดยคาดว่าจากการส่งกำลังพลชุดแรกที่เริ่มเมื่อฤดูใบไม้ร่วงปี 2567 นั้น มีทหารประมาณ 4,000 นายเสียชีวิตหรือบาดเจ็บ
แม้เกาหลีเหนือจะเป็นสังคมที่เน้นการทหารอย่างมาก แต่กองทัพโสมแดงแทบไม่เคยเข้าร่วมการรบจริงนับตั้งแต่สงครามเกาหลีในปี 2496 ทำให้ทหารขาดประสบการณ์ในสนามรบที่แท้จริงและต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยในสมรภูมิยุคใหม่
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เตือนว่าไม่ควรมองข้ามทหารเหล่านี้ เพราะคาดว่าพวกเขาอาจมาจาก หน่วยรบพิเศษที่ได้รับการฝึกฝนอย่างเข้มข้นและฝังอุดมการณ์อย่างลึกซึ้ง กองกำลังพิเศษของยูเครนเคยให้สัมภาษณ์กับ CNN ถึงยุทธวิธีที่ โหดร้ายและเกือบจะเป็นการฆ่าตัวตาย ของทหารเกาหลีเหนือ เช่น ทหารที่จุดระเบิดสังหารตัวเองแทนที่จะถูกจับกุม และบางนายถอดหมวกกันน็อกและเสื้อเกราะเพื่อเคลื่อนที่เร็วขึ้นในการโจมตี
แม้จะมีการสูญเสียอย่างหนัก แต่ความร่วมมือระหว่างเกาหลีเหนือและรัสเซียยังคงดำเนินต่อไป โดยเกาหลีเหนือได้ส่งตู้คอนเทนเนอร์บรรทุกอาวุธหรือวัสดุที่เกี่ยวข้องกับกระสุนหลายพันตู้ให้รัสเซีย และหน่วยงานข่าวกรองยูเครนยังเปิดเผยในเดือน ก.ค. ว่าเกาหลีเหนือเตรียมเพิ่มจำนวนทหารในรัสเซียขึ้นอีก 3 เท่า โดยจะส่งทหารเพิ่มอีก 25,000 - 30,000 นายในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า สิ่งนี้สร้างความกังวลในหมู่นานาชาติว่า รัสเซียอาจให้สิ่งใดตอบแทนแก่เปียงยาง เช่น เทคโนโลยีอวกาศหรือดาวเทียมขั้นสูง รวมถึงเทคโนโลยีที่สามารถส่งเสริมโครงการอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือได้
"ซินพุง-ดง" ฐานลับซ่อนขีปนาวุธข้ามทวีป
CNN รายงานว่า ศูนย์วิจัยยุทธศาสตร์และระหว่างประเทศ (CSIS) ในกรุงวอชิงตัน เปิดเผยถึงการมีอยู่จริงของ ฐานขีปนาวุธลับที่ไม่เคยมีการรายงานมาก่อน ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ชายแดนทางเหนือของเกาหลีเหนือที่ติดกับจีน ฐานดังกล่าวมีชื่อว่า ซินพุง-ดง (Sinpung-dong) อยู่ห่างจากชายแดนจีนเพียง 27 กิโลเมตร
รายงานระบุ มีความเป็นไปได้ที่สถานที่แห่งนี้เป็นที่เก็บขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) ที่สามารถติดหัวรบนิวเคลียร์ได้มากถึง 9 ลูก พร้อมทั้งเครื่องยิงเคลื่อนที่ ฐานนี้เป็นหนึ่งในประมาณ 15 - 20 ฐานขีปนาวุธและคลังเก็บหัวรบที่เกาหลีเหนือไม่เคยประกาศ
รายงานยังเตือนว่า "ขีปนาวุธเหล่านี้ก่อให้เกิดภัยคุกคามนิวเคลียร์ที่อาจเกิดขึ้นกับเอเชียตะวันออกและแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐอเมริกา" ภายใต้การนำของคิม จอง-อึน เกาหลีเหนือได้เร่งพัฒนาโครงการอาวุธอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการปรับปรุงกองทัพให้ทันสมัย พัฒนาอาวุธใหม่ และทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีปที่สามารถเข้าถึงได้เกือบทุกที่ในสหรัฐอเมริกา การกระทำเหล่านี้เป็นการละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของสหประชาชาติอย่างชัดเจน
ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า การที่ฐานตั้งอยู่ใกล้ชายแดนจีนนั้นเป็น ข้อได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ เพราะประเทศอย่างสหรัฐฯ อาจลังเลที่จะโจมตี เนื่องจากอาจมีผลกระทบต่อประเทศจีนที่อยู่ติดกันได้ ศาสตราจารย์ Leif-Eric Easley กล่าวว่า เกาหลีเหนืออาจต้องการใช้ความเสี่ยงทางการเมืองและความไม่แน่นอนของปฏิกิริยาของปักกิ่ง เพื่อยับยั้งการโจมตีจากวอชิงตัน
การก่อสร้างฐานเริ่มขึ้นในปี 2547 และเริ่มปฏิบัติการมาตั้งแต่ปี 2557 โดยยังคงได้รับการบำรุงรักษาและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แม้จะยังไม่ชัดเจนว่าเป็นขีปนาวุธรุ่นใดที่เก็บอยู่ที่ฐาน แต่ CSIS เชื่อว่าเป็นรุ่น ฮวาซอง-15 หรือ ฮวาซอง-18 หรือขีปนาวุธข้ามทวีปประเภทอื่นที่ยังไม่เปิดเผย ฐานแห่งนี้มีเครื่องยิงขีปนาวุธแบบเคลื่อนที่ ซึ่งสามารถยิงและเคลื่อนย้ายตำแหน่งได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ทางเข้าบางส่วนของฐานยังถูกพรางด้วยต้นไม้และพุ่มไม้ ทำให้ยากต่อการค้นหาในภาพถ่ายดาวเทียม ยกเว้นในฤดูหนาวที่พืชพรรณไม่หนาแน่น
อ่านข่าวอื่น :