ปชน.ถกต่อเคาะโหวตนายกฯ โยน พท.แจงใคร ‘อัศวินม้าขาว’ ท้ารีบยุบสภา
เมื่อวันที่ 2 ก.ย. 2568 ที่อาคารอนาคใหม่ ที่ทำการพรรคประชาชน (ปชน.) นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรค ปชน. ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุม สส.ประจำสัปดาห์ของพรรค ปชน.ถึงทิศทางการโหวตเลือกนายกฯคนใหม่ ว่า ขณะนี้เปิดให้สมาชิกพรรค 1 แสนคนทั่วประเทศ สามารถแสดงความเห็นต่อสถานการณ์นี้ได้ ผ่านช่องทางออนไลน์ ผ่านไลน์ ล่าสุดที่เช็ค ตอนนี้มีจำนวนสมาชิกที่ตอบเข้ามาแล้วน่าจะเลย 1 หมื่นคนไปแล้ว แต่ย้ำว่านอกเหนือสมาชิกพรรค ประชาชนทั่วไป เราก็ไม่ได้ละเลยความเห็น ติดตามอยู่ในช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ
นายพริษฐ์ กล่าวว่า จุดยืน ปชน.เหมือนเมื่อวาน สิ่งที่เป็นทางออกของประเทศ ย้ำอีกรอบคือการยุบสภาฯ และมีเลือกตั้งใหม่โดยเร็ว ปัจจุบันอำนาจสภาอยู่ในมือนายกฯ หากเพื่อไทยใช้อำนาจยุบสภาฯ โปรดดำเนินการเลย ถ้าพรรคเพื่อไทยไม่ทำปชน.จำเป็นต้องใช้กระบวนการเลือกนายกฯคนใหม่ เพื่อคืนอำนาจสู่ประชาชนโดยเร็วที่สุด คืออำนาจถึงมือประชาชนโดยเร็วที่สุดคือการเลือกตั้งใหม่
คิดว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกฯ ต้องตอบให้ชัดว่า ถ้ายุบสภาฯ จะดำเนินการเลยก่อนเลือกนายกฯคนใหม่ หรือรอให้มีนายกฯคนใหม่ก่อน ถ้ามองตรงกับสังคม มองตรงกับเราว่า การเลือกตั้งใหม่คือทางออก ก็ดำเนินการได้เลย แต่เมื่อเช้านายภูมิธรรมบอกว่า ต้องรอตัดสินใจก่อนว่า ปชน.ไปทางไหน เลือกใครเป็นนายกฯ นายภูมิธรรมถึงพิจารณาเรื่องยุบสภาฯ ถ้าเป็นแบบนี้ ไม่ได้เอาประเทศเป็นตัวตั้งหรอก ท้ายที่สุดแล้ว คุณเอาอำนาจตัวเองเป็นตัวตั้ง รอวินาทีสุดท้ายจึงพิจารณายุบสภาฯ เราต้องการเห็นการยุบสภาฯโดยเร็ว ไม่ต้องรอเลือกนายกฯคนใหม่
เมื่อถามว่า การเลือกนายกฯเพื่อให้มีการส่งสัญญาณยุบสภาฯ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ย้ำจุดยืนเดิม ต้องการเห็นการเลือกตั้งใหม่โดยเร็ว เป็นไปตามเงื่อนไข 3 ข้อที่พรรคประกาศ
ส่วนกรณีนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ กรรมกรข่าวคุยนอกจอ ที่ดำเนินรายการโดยนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ระบุว่า จะมีอัศวินขี่ม้าขาวมาเป็นนายกฯ ปชน.พอทราบไหมว่าคือใคร นายพริษฐ์ กล่าวว่า สร้างความสับสนพอสมควร ต้องถามพรรคเพื่อไทยว่าหมายถึงอะไร เพราะที่ผ่านมาเราเข้าใจมาตลอดว่า คนเสนอตัวนายกฯคือนายชัยเกษม นิติสิริ และนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ถ้ามีคนอื่นต้องตอบด้วยว่าใคร หมายถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือไม่ หรือใช้กลไกนอกระบอบประชาธิปไตยไปเลย ที่อาจไม่มีนายกฯในบัญชีเข้ามาพรรคเพื่อไทยต้องรีบชี้แจง
โฆษก ปชน. กล่าวว่า อีกประเด็นที่ตั้งคำถามไว้คือ จากการหารือผู้บริหารพรรคเพื่อไทยวันอาทิตย์ 31 ส.ค.ที่ผ่านมา มีการคุยรายละเอียดหลายอย่างว่า เข้าใจเงื่อนไข ปชน.จริงหรือไม่ เพราะนายชัยเกษมไม่อยู่ในห้อง จะเข้าใจได้อย่างไร ตัวแทนพรรคเพื่อไทยตอบว่า นายชัยเกษมจะมีจุดยืนเห็นตรงกับเพื่อไทยทั้งหมด ไม่ต้องกังวลใจ แต่มาวันนี้ได้ฟังนายชัยเกษมพูด เหมือนมีช่องว่างอยู่เหมือนกันกับสิ่งที่นายชัยเกษมพูด และตัวแทนเพื่อไทยพูด ฝากเพื่อไทยให้ความชัดเจนเรื่องนี้
ส่วนกรณีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่หมดวาระแล้ว ไปร่วมลงมติวินิจฉัยคดีคลิปเสียง น.ส.แพทองธาร จะส่งผลให้คดีอดีตนายกฯเป็นโมฆะหรือไม่นั้น นายพริษฐ์ กล่าวว่า เรื่องศาลคิดว่าเดี๋ยวคงมีคำชี้แจงจากศาล แต่เท่าที่เช็คเบื้องต้น เข้าใจว่ามีข้อกฎหมายที่เขียนเอาไว้ว่า ตุลาการที่กำลังจะพ้นตำแหน่งต้องปฏิบัติหน้าที่ต่อไป จนกว่าตุลาการคนใหม่ถวายสัตย์ปฏิบัติหน้าที่ ถ้าเป็นจริง ก็ไม่มีข้อกังวลแต่อย่างใด ส่วนประเด็นอื่น กลับไปที่นายภูมิธรรม ที่พูดยุบสภาฯวานนี้ คือจะยุบสภาฯก่อนการเลือกนายกฯคนใหม่ใช่หรือไม่ ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ดำเนินการได้เลย ถ้าไม่เป็นเช่นนั้นถึงเข้าสู่ขั้นตอนของ ปชน.ว่าจะใช้กระบวนการเลือกนายกฯคนใหม่อย่างไร ทั้งหมดที่พูด เรียนด้วยความเคารพ ไม่ใช่อะไรที่ใหม่ พูดมาตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา และ 2-3 วันที่ผ่านมาได้ทำโฟล์วชาร์ตของพรรคอธิบายไว้แล้ว ส่วนเรื่องขั้วการเมืองในพรรคเพื่อไทยตอบแทนไม่ได้
“ถ้าดูกันตามข้อเท็จจริง แคนดิเดตนายกฯเพื่อไทย ณ วันเลือกตั้งมี 3 คน พอ 2 คนพ้นจากตำแหน่ง โดยธรรมชาติคำถามนี้ควรไม่ถามตั้งแต่ต้น การที่ถามได้ แสดงความมีความคลุมเครืออะไรบางอย่าง เราได้รับการยืนยันจากตัวแทนพรรคเพื่อไทยจะเสนอชื่อนายชัยเกษม และนายชัยเกษมเห็นด้วย ถ้าดูเมื่อเช้านายชัยเกษม บอกว่า ไม่ว่าพรรคจะว่าอย่างไร ตัวเขาในฐานะผู้ถูกเสนอนายกฯ ต้องมากลั่นกรองอีกทีหนึ่ง” นายพริษฐ์ กล่าว
โฆษก ปชน.กล่าวอีกว่า สำหรับการประชุมวันนี้ จะดำเนินการต่อจากเมื่อวานเย็น โดยจะเริ่มประชุมบ่ายวันนี้ อย่างที่ย้ำว่าไม่ได้จบที่ประชุม สส. เราต้องฟังหลายภาคส่วน แต่วันนี้ฟัง สส.เต็มที่ แต่ต้องประกอบแม่น้ำสายอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายในจังหวัด พนักงานพรรค หรือเปิดให้สมาชิกทั่วประเทศ 1 แสนคนร่วมแสดงความเห็นได้ โดยเข้าใจว่ากระบวนการทุกอย่างต้องดำเนินการต่อไปตามกฎหมาย ไม่ทำให้กระบวนการกฎหมายล่าช้ากว่ากำหนด แต่เราต้องตัดสินใจรอบคอบสำหรับอนาคตประเทศ ตามขั้นตอนกลับไปที่โฟลว์ชาร์ต ต้องได้รับความชัดเจนจากรักษาการนายกฯ ว่าตกลงพูดเรื่องยุบสภาฯ ครั้งแรกหลังเรียกร้องมาตลอด 2 เดือน เจตนาคืออะไร ยุบสภาฯก่อนเลือกนายกฯคนใหม่หรือไม่ ถ้ามีก็สอดคล้องกับ ปชน. และประชาชนรอ แต่ถ้ายุบสภาฯหลังเลือกนายกฯคนใหม่แล้ว เจตนาจริงคือต้องการรักษาอำนาจตัวเองให้นานสุด จนรักษาไม่ได้แล้ว จึงยุบสภาฯ แล้วคืนอำนาจให้ประชาชน ถ้าอย่างนั้นไม่ได้เอาความต้องการประชาชนเป็นตัวตั้ง
เมื่อถามว่าต้องรอผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เรื่องประชามติ ในวันที่ 10 ก.ย.ก่อนหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญวันที่ 10 ก.ย.คาดว่าจะเกิดขึ้นอยู่แล้ว ไม่ต้องรอ แต่เป็นตัวแปรทำให้เราเห็นภาพชัดขึ้นว่าจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เป็นอย่างไร ส่วนการยุบสภาฯ อำนาจอยู่ในมือภูมิธรรม ถ้าทำ ทำได้เลย ถ้าไม่ทำ นาฬิกาก็เดินต่อไปเรื่อย ๆ
เมื่อถามย้ำถึงการดีลกับพรรคภูมิใจไทย เพื่อเคลียร์คดี 44 สส.นั้น นายพริษฐ์ กล่าวว่า มี 2 ประเด็น ประเด็นแรกยืนยันว่า ยังไม่มีข้อสรุปในทางใด เราตั้งใจจะใช้ที่ประชุม สส.แสดงความเห็นเต็มที่ 2.นายณัฐพงษ์ หัวหน้าพรรคยืนยันไปแล้วว่า ไม่เกี่ยวข้องกับคดีแน่นอน
ส่วนเรื่องการแบ่งแยกความเห็นในที่ประชุม สส.วานนี้มีบางฝ่ายหนุนสีแดง บางฝ่ายหนุนสีน้ำเงินหรือไม่ โฆษก ปชน.กล่าวว่า ไม่มีการแสดงออกเช่นนั้น สส.กว่า 140 คน เคารพความแตกต่างหลากหลาย เราเข้าใจว่าเรื่องนี้น่าหนักใจ คนมาแสดงความเห็นน่าจะเข้าใจกระบวนการนี้ชัดเจน แม้เห็นต่าง เราเคารพซึ่งกันและกัน เข้าใจถึงความหนักใจของทุกคน และเดินหน้าอย่างเป็นเอกภาพ
“เข้าใจว่าความเห็นส่วนตัว สส.แต่ละคน ต้องย้ำเงื่อนไข 2 ข้อของพรรค คือเราทำหน้าที่ฝ่ายค้านเต็มตัว เราทำหน้าที่ฝ่ายค้านหมายความว่า 1.เราจะทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลที่เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยอย่างเต็มที่ ถ้ามีการกระทำโดยใครก็ตามในรัฐบาล ไม่ว่านายกฯ หรือรัฐมนตรีคนไหน ใช้อำนาจมิชอบ แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม เราก็พร้อมใช้กลไกอภิปรายไม่ไว้วางใจ 2.คงสถานะฝ่ายค้านเต็มตัว มีพื้นที่เต็มที่ตรวจสอบรัฐบาลทุกเรื่อง ท้ายสุด สส.ทำหน้าที่ฐานะผู้แทนราษฎร ย่อมมีเสรีภาพแสดงความเห็น อย่างไรก็ตามไม่มีการแสดงความเห็นอะไร ขัดจุดยืนหรือความเห็นของพรรค ไม่ว่าเดินหน้าอย่างไร เราก็เดินหน้าอย่างเป็นเอกภาพ เข้าใจกันและกัน” โฆษก ปชน.กล่าว
ส่วนต้องรอมติกรรมการบริหารพรรคถึงทิศทางการโหวตเลือกนายกฯหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของกรรมการบริหารพรรค นำความเห็น สส.มากลั่นกรอง และสรุปให้ทุกฝ่ายยอมรับ ต้องหารือเพิ่มเติม ผลในการแสดงความเห็น ไม่ใช่แค่ในเชิงปริมาณอย่างเดียว ต้องดูเหตุและผลแต่ละฝ่ายมาประกอบด้วย ส่วนวิป 2 ฝ่ายจะเสนอใครเพื่อโหวตนายกฯในวันที่ 3 ก.ย.นั้น คงต้องหารือร่วมกันอยู่แล้ว ไม่ใช่ ปชน.กำหนดด้วยตนเองได้
“เห็นว่าผู้มีอำนาจยุบสภาฯ คือรักษาการนายกฯ พูดมาเรื่อย ๆ ถึงเช้านี้ว่าตัวเองมีอำนาจ ต้องประเมินข้อกฎหมาย ความเสี่ยงเรียบร้อยแล้ว มุมของเขาทำได้ คำถามคือจะทำหรือเปล่า” นายพริษฐ์ กล่าว