แม่ทัพภาคที่ 2 ยันไม่ยุ่งการเมือง เตรียมหาที่ปฏิบัติธรรม
วันที่ 2 ก.ย. 68 พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้ไปบรรยายพิเศษในหัวข้อ “วิสัยทัศน์ หลักธรรม และ การวางยุทธศาสตร์ป้องกันชายแดน” ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ซึ่งบรรยากาศก่อนที่แม่ทัพภาคที่ 2 จะขึ้นไปบรรยายพิเศษ บริเวณหน้าอาคารมีกลุ่มมวลชน กอ.รมน. และ ประชาชน นำดอกไม้มาให้กำลังใจ รอถ่ายรูป และขอลายเซ็นท่านแม่ทัพฯ จำนวนมาก บางคนถึงกับลงไปกราบเท้าท่านแม่ทัพ ขอบคุณที่ช่วยปกป้องประเทศชาติ บอกว่า “เป็นคนอีสานบ้านเดียวกับท่านแม่ทัพฯ นั่งรถไฟมาจากบ้าน เพื่อมาให้กำลังใจแเม่ทัพฯ”
การบรรยายวันนี้มีนักศึกษาคณะศิลปศาสตร์ ชั้นปีที่ 1 รวม 240 คน ที่เรียนวิชาอาณาบริเวณศึกษา มารวมฟังและถามคำถาม โดยมี รศ.ดร.ดุลยภาค ปรีชารัชช อาจารย์หลักสูตรอาณาบริเวณศึกษา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนายกสมาคมภูมิภาคศึกษา เป็นผู้ดําเนินรายการ
ช่วงแรก พลโทบุญสิน บอกว่า วันนี้ชื่นใจ ดีใจ และภูมิใจที่มาบรรยายให้นักศึกษาฟัง พร้อมบอกว่าตัวเองเป็นทหาร ก็คือลูกหลานของประชาชน แต่อยากให้ลืมอดีต อยู่กับปัจจุบัน ยกตัวอย่าง ประเทศอเมริกา ทำไมถึงไปประเทศญี่ปุ่น และเวียดนาม ทั้งที่เคยเอาระเบิดปรมาณูไปหย่อนใส่ มองว่าในทางสงครามเราไม่รู้ว่าห้วงเวลานั้นเกิดขึ้นอะไรขึ้น ประเทศไทยก็มีแนวทางเดียวกัน แต่ที่ทุกวันนี้ประเทศไทยเข้าปะทะกัมพูชา ก็เพราะว่าอีกฝั่งรุกล้ำดินแดน วางเส้นคูเลตล้ำเข้ามาฝั่งไทยจึงต้องจัดการ
พลโทบุญสิน บอกอีกว่า ตัวเองชอบใส่ชุดทหาร เพราะคือ “ชุดที่น้องๆ เสียชีวิต มีน้องคนนึงขาขาด แขนขาด ตาบอด เราก็อยากจะสดุดีเขา” พร้อมบอกว่า ใครไม่นั่งอยู่ในตำแหน่งนี้ก็ไม่มีวันรู้ ลูกน้อง 666 นาย ได้รับบาดเจ็บ เสียชีวิต 18 นาย ตัวเองต้องไปเยี่ยมทุกคน ไม่เหนื่อยเลยที่จะไปเยี่ยมเพราะมองว่าสิ่งที่พวกเขาทำมันเหนื่อยมากกว่า
พลโทบุญสิน บอกว่า วันนี้ที่พูดนาน เพราะรู้สึกอึดอัด แต่ไม่ได้จะมาโน้มน้าวอะไรทั้งสิ้น ไม่ได้มาชวนไปในทิศทางไหน แต่อยากให้ทุกคนสามัคคีกัน เริ่มทำอะไรเพื่อแผ่นดินไทย และประเทศชาติ ต้องไม่ทะเลาะกัน นำคนดีไปบริหารประเทศ ไม่อย่างนั้นก็จะวนมาเดิมๆ ยืนยันด้วยสัจจะลูกผู้ชาย ตัวเองไม่เล่นการเมืองแน่นอน ตอนนี้ฟันเหลือไม่ถึง 32 ซี่ มีบำนาญ กินวันละไม่เกิน 300 และพร้อมหาที่ปฎิบัติธรรมรอแล้ว แต่ก็ไม่รู้จะได้ปฎิบัติธรรมจริงๆ หรือไม่
หลังจากบรรยายพิเศษ พลโทบุญสิน ยังได้ตอบคำถามนักศึกษาเรื่องการวางยุทธศาสตร์ชายแดนในพื้นที่ สปป.ลาว กับกัมพูชา บอกว่า ปัญหาชายแดนมีอยู่ 2 อย่างที่ต้องแก้ อย่างแรก คือ ภูมิประเทศอย่างที่สอง คือ คนในประเทศนั้น ฝั่งกัมพูชา มองว่า ผู้นำเป็นอย่างไรประเทศก็เป็นแบบนั้น ต่างจาก สปป.ลาว ที่ให้เกียรติซึ่งกันและกัน ตัวเองเคยไปพูดคุยกับ เสนาธิการทหารลาว ท่านบอกว่ารู้จักประวัติศาสตร์ประเทศไทยมากกว่าแม่ทัพฯ อีก นี่คือความผูกพันที่มีต่อกัน ลาวเป็นประเทศที่ติดกับไทยเพียงประเทศเดียวที่พูดคุยกันรู้เรื่องโดยไม่ใช้ล่าม คนของลาวก็ให้เกียรติเรา พร้อมยืนยันว่าเรายึดแผนที่ 1:50,000 ตามรัฐบาล
นอกจากนั้นยังตอบคำถามของนักศึกษาที่บอกว่า แม่ทัพฯ ไม่ยุ่งเรื่องการเมือง แล้วมองอย่างไรกับทหารยุ่งการเมือง พลโทบุญสิน ตอบว่า เป็นคำถามที่ตอบยาก แต่จะไม่อ้อมค้อม มองว่าถ้าทหารไม่ยุ่งการเมือง จะรู้สึกเท่ สง่างามมาก ทหารเป็นหลักเป็นแก่นให้กับแผ่นดินนี้ การเมืองก็ให้เป็นเรื่องที่สภาผู้แทนราษฎรว่ากันไป แต่แค่อย่าเอาอำนาจผิดๆ มาสั่งสังหาร ทหารมีหน้าที่ปกป้องประเทศชาติตามรัฐธรรมนูญ ปฏิบัติตามคำสั่งที่ถูกต้องตามกฏหมายเท่านั้น ตัวเองถูกสั่งสอนมาแบบนี้ ดังนั้นทหารที่แต่งเครื่องแบบต้องไม่ยุ่งกับเมือง ถ้ายุ่งเมื่อไหร่การเมืองนั้นก็จะได้คนเป็นลูกน้องเพิ่มขึ้นอีก แล้วประเทศชาติ ประชาชนอีกขั้วหนึ่งจะพึ่งใคร
นอกจากนั้นยังมีการถามถึงประเด็น เรื่องเด็ก ม.1 ชาวกัมพูชาถูกห้ามไม่ให้เรียนหนังสือ และส่งกลับบ้าน มองว่าเป็นคำถามเชิงสิทธิมนุษยชนประเทศไทยกับประชาชนเป็นสิ่งที่มาคู่กัน เคยพูดคุยกับน้องทหารเรื่องชุมชน ทุกคนมองหน้ากันแล้วต่างหันหนีหมด เพราะประเทศไทยปลูกฝังว่าจะต้องเป็นสุภาพบุรุษ ไม่ใช่ยิงมั่วเหมือนกัมพูชา
รวมถึงมองว่าความแค้นของคนไทยส่วนหนึ่งอยู่ที่การกระทำของกัมพูชาในการยิงเป้าหมายพลเรือน และมาจากพี่น้องที่บาดเจ็บล้มตายตาบอด ส่วนตัวเชื่อว่าหากผู้นำของฝั่งกัมพูชาเปลี่ยน ความคิดคนไทยก็พร้อมรับนักเรียนชาวกัมพูชากลับมาเรียนได้เหมือนเดิม เรื่องนี้มีผลเกี่ยวเนื่องมาจากสภาพแวดล้อมที่เกิดขึ้น
ขณะที่ช่วงท้ายของบรรยายพิเศษพลโทบุญสิน ยังพูดติดตลกว่าปลายปีจะพาไปวิ่งเทรลที่ภูมะเขือ เป็นช่วงน่า อากาศดี เย็นสบาย และเหตุการณ์น่าจะสงบแล้ว.