ลูกสาวเปิดใจ ปมแท็กซี่ขวางรถ รพ. สุดท้ายพ่อดับ บอกถ้าถึงทัน อาจไม่รุนแรงขนาดนี้
ลูกสาวผู้เสียชีวิต เปิดใจปม "แท็กซี่ป้ายเขียว" ขวางทางรถพยาบาล ยอมรับไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะพ่อเสียแล้ว แต่อยากให้เป็นเคสตัวอย่าง แม้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เคยเกิดแต่ "การขยับรถเพียงไม่กี่เสี้ยวนาที มันมีความหมายมากกับคนที่อยู่ในรถ"
จากกรณีที่โซเชียลแห่แชร์คลิปเหตุการณ์ รถแท็กซี่ป้ายเขียว ขับกีดขวางรถพยาบาล ขณะนำผู้ป่วยวัย 76 ปี มีอาการโรคหัวใจกำเริบ ที่รพ.ป่าตอง สุดท้ายผู้ป่วยเสียชีวิตภายในรถฉุกเฉิน เหตุเกิดบนถนนสายกมลา-ป่าตอง ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ซึ่งต่อมาทางตำรวจได้เรียกโชเฟอร์แจ้งข้อหาขับขี่กีดขวางรถฉุกเฉินและละเมิดสิทธิผู้ป่วย ก่อนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ดังที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น (ภูเก็ต แท็กซี่ขวางรถพยาบาล เปิดไซเรนก็แล้ว ทำผู้ป่วยฉุกเฉินเสียชีวิตในรถ)
ความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 29 เมษายน 2568 น.ส.เมย์ ลูกสาวผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ในส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เราก็เข้าใจว่าไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ เนื่องจากคุณพ่อก็เสียชีวิตไปแล้ว แต่อยากให้เคสนี้เป็นเคสตัวอย่าง กรณีมีรถฉุกเฉิน ไม่รู้เลยว่าภายในรถเขาทำอะไรกันอยู่ แต่การที่เราจะขยับรถเพียงไม่กี่เสี้ยวนาที มันมีความหมายมากกับคนที่อยู่ในรถ อยากให้เคสนี้เป็นเคสตัวอย่างก็ว่าได้ เพราะมันมีการสูญเสียเกิดขึ้นแล้ว แม้มันอาจไม่ใช่เคสแรกก็ตาม
"วันเกิดเหตุคุณพ่อไปดูคนงานชาวเมียนมาขึ้นสะตอ แล้วเกิดเป็นลม และได้มีการซีพีอาร์ปั๊มหัวใจกันก่อน และได้เรียก 1669 โดยในรถได้มีการซีพีอาร์มาตลอด จนมาเจอเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้ล่าช้า ส่งผู้ป่วยล่าช้า จนต้องใช้ระยะเวลาประมาณหนึ่ง ซึ่งถ้าถึง รพ. ทุกอย่าง อาจไม่รุนแรงถึงขนาดนี้"
น.ส.เมย์ กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า ส่วนกรณีการแจ้งข้อกล่าวหานั้น ทราบข่าวมาว่าอาจมีการแจ้งข้อหาประมาทร่วม ก็เลยไม่เข้าใจว่าทำไมเป็นประมาทร่วม อยากให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการเป็นเคสตัวอย่าง
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ลูกสาวเปิดใจ ปมแท็กซี่ขวางรถ รพ. สุดท้ายพ่อดับ บอกถ้าถึงทัน อาจไม่รุนแรงขนาดนี้
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง
- ลูกสาวเปิดใจ ปมแท็กซี่ขวางรถ รพ. สุดท้ายพ่อดับ บอกถ้าถึงทัน อาจไม่รุนแรงขนาดนี้
- ภูเก็ต แท็กซี่ขวางรถพยาบาล เปิดไซเรนก็แล้ว ทำผู้ป่วยฉุกเฉินเสียชีวิตในรถ
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath