MOODY: เพราะเราต่างมีจังหวะของตัวเอง สำรวจ ‘Time Personality’ ยิ่งรู้จัก ยิ่งจัดการตัวเองได้ดีขึ้น
เคยสังเกตไหม ว่าคนเรามีพฤติกรรมการตอบสนองต่างกันทุกครั้งเวลาที่มีการนัดหมายเกิดขึ้น
มีทั้งคนที่กระตือรือร้น คนที่ชิลทำตัวสบายๆ บางคนเร่งรีบ แต่บางคนกลับเชื่องช้า จนไม่ทันเวลานัด สุดท้ายย่อมถูกตำหนิจากคนอื่นๆ อยู่เสมอ แล้วสิ่งที่ทุกคนตั้งคำถามคือ
ทำไมคนมาสายถึงไม่ให้ความสำคัญกับคุณค่าของเวลา?
ทำไมไม่มีความรับผิดชอบเลย?
แต่รู้ไหมว่าเบื้องหลังความแตกต่างที่เราตอบสนองต่อเวลานั้น ยังสะท้อนถึงสิ่งที่เรียกว่า ‘Time Personality’ หรือบุคลิกภาพด้านเวลาของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกันอีกด้วย
นักสังคมสงเคราะห์คลินิก คริสติน แอนเดอร์สัน (Kristin Anderson) อธิบายว่า บุคลิกภาพด้านเวลาเป็นสไตล์ตามธรรมชาติของเราในการจัดการเวลา ซึ่งมีอิทธิพลต่อวิธีคิด วิธีรับมือ และรูปแบบการใช้เวลาที่เราสร้างขึ้นในชีวิตประจำวัน บุคลิกภาพนี้ไม่ได้มีเพียงแบบเดียว แต่สามารถจัดอยู่บนสเปกตรัม ตั้งแต่คนที่เข้มงวดมากกับเวลาไปจนถึงคนที่ยืดหยุ่นเป็นพิเศษ
นอกจากนี้ ดร.ไรอัน ซุลตาน (Ryan Sultan) จิตแพทย์และผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านจิตเวชคลินิก มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ยังเสริมอีกว่า บุคลิกภาพด้านเวลาสามารถส่งผลต่อความสามารถในการใช้ชีวิตของคนเรา และบางครั้งยังเกี่ยวข้องกับภาวะทางจิตใจ เช่น ADHD ซึ่งทำให้เห็นชัดว่าความสัมพันธ์กับเวลาไม่ได้เป็นเพียงเรื่องวินัยหรือการตรงต่อเวลา แต่ยังเชื่อมโยงกับโครงสร้างทางจิตใจและชีววิทยาอีกด้วย โดยบุคลิกภาพด้านเวลาที่พบบ่อยมีอยู่ 4 แบบ ดังนี้
1 – Time Optimis: สายชิลที่มักคิดว่าเวลามีเหลือเฟือ มักออกจากบ้านโดยไม่เผื่อเวลาในการเดินทาง และมักประเมินเวลาที่ใช้ในการทำสิ่งต่างๆ ต่ำเกินไปจนมาสายเป็นประจำ
2 – Time Anxious: สายเผื่อเวลาที่กังวลอยู่ตลอดเวลา มักคิดว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นหรือผิดพลาดอยู่เสมอ จึงมักไม่เคยสายเพราะไปถึงก่อนเวลานัดล่วงหน้าตลอด
3 – Time Bender: สายองค์ลงที่มักจะทำอะไรได้ดีก็ต่อเมื่อมีแรงกระตุ้น แรงบันดาลใจ หรือความรู้สึก แต่ในขณะเดียวกันก็มักลืมเวลาและมาสายอยู่เสมอ แล้วการมาสาย 10 นาทีสำหรับพวกเขาแทบจะถือเป็นการตรงเวลาเสียด้วยซ้ำ คนกลุ่มนี้มักมีความคิดสร้างสรรค์สูง และสามารถเข้าสู่ภาวะ ‘Flow State’ ได้ง่ายเมื่อมีแรงบันดาลใจ ดังนั้น คนกลุ่มนี้มักต้องเผื่อเวลามากเป็นพิเศษ
4 – Time Blind: สายมึนงงประมวลผลไม่ถูก ซึ่งมักพบในผู้ที่มีภาวะ ADHD หรือมีปัญหาด้านทักษะการจัดการตัวเองสูง (Executive Function) ที่ช่วยให้คนเราสามารถควบคุมความคิด อารมณ์ พฤติกรรม โดยคนกลุ่มนี้อาจเริ่มต้นทำงานหนึ่งชิ้นแล้วพบว่าเวลาผ่านไปนานกว่าที่คิดโดยไม่รู้ตัว ไม่ใช่เพราะไม่สนใจหรือไม่ให้เกียรติผู้อื่น แต่เพราะสมองของพวกเขามีข้อจำกัดในการประมวลผลเรื่องเวลาโดยตรง
ความแตกต่างเหล่านี้เกิดจากทั้งบุคลิกภาพและปัจจัยทางชีววิทยา แอนเดอร์สัน อธิบายว่าคนที่มีบุคลิกแบบ ‘Type A’ มักเคร่งครัดกับเวลาและเข้มงวดกับตาราง ส่วนคนที่มีบุคลิกแบบ ‘Type B’ จะยืดหยุ่นกว่าและโน้มเอียงไปทางการเป็น‘Time Bender’
ดร.ซุลตาน ยังอธิบายเสริมว่า ปัจจัยทางสมองมีบทบาทสำคัญ เมื่อสมองอยู่ในภาวะตื่นตัวจากความวิตกกังวล เวลาอาจถูกรับรู้ว่าผ่านไปช้าลง ในทางตรงข้าม ระดับโดพามีนที่สูงสามารถเร่งนาฬิกาภายในสมอง ทำให้รู้สึกว่าเวลาเดินเร็วขึ้น และเมื่ออายุมากขึ้น เรามีประสบการณ์ใหม่ๆ น้อยลงและการเผาผลาญโดพามีนช้าลง ทำให้เวลาถูกรับรู้ว่าเดินเร็วกว่าความเป็นจริง
แม้บุคลิกภาพด้านเวลาจะทำให้เรามีปัญหากับการจัดการชีวิต แต่ข่าวดีก็คือ เรายังสามารถเรียนรู้ที่จะทำงานร่วมกับมันได้ ตัวอย่างเช่น แอดวา ชาวีฟ (Adva Shaviv) นักเขียนที่มีภาวะ ADHD ใช้แอปพลิเคชัน Routinery เพื่อเตือนตัวเองให้ขยับจากงานหนึ่งไปสู่อีกงานหนึ่ง และเธอมักเผื่อเวลาเตรียมตัวล่วงหน้า 30-60 นาที เพื่อเลี่ยงการมาสาย
ด้านเกรซ โอเกรน (Grace Ogren) นักเขียนด้านสุขภาพจิตที่ระบุว่าตัวเองเป็น Time Anxious พบว่าการปรับตารางเวลาเล็กๆ เช่น เลื่อนกิจวัตรก่อนนอนออกไป 10 นาที แล้วเห็นว่ายังไม่มีอะไรเลวร้ายเกิดขึ้น ช่วยให้เธอเรียนรู้ที่จะยืดหยุ่นมากขึ้น และการอธิบายให้คนใกล้ตัวฟังว่าทำไมเวลาจึงเป็นสิ่งสำคัญ ก็ทำให้เธอได้รับการสนับสนุนที่ดีขึ้น
ขณะที่เอมิลี เมนเดซ (Emily Mendez) อดีตนักบำบัดผู้ก่อตั้ง Priceless Copy ซึ่งระบุว่าตัวเองเป็น Time Optimis และยังต้องเผชิญกับโรคอารมณ์สองขั้ว เลือกทำตารางจัดสรรเวลาในแต่ละวัน รวมถึงตั้งการแจ้งเตือนหลายครั้งเพื่อให้มีเวลาเพียงพอระหว่างภารกิจต่างๆ
ทั้งหมดนี้สะท้อนว่าความสัมพันธ์ของเรากับเวลาไม่ได้เป็นเพียงเรื่องนิสัยหรือวินัย แต่เป็นส่วนหนึ่งของบุคลิกภาพและชีววิทยาที่ซับซ้อน การเข้าใจว่าตนเองมีบุคลิกภาพด้านเวลาแบบไหน ไม่เพียงช่วยให้เราหาทางออกกับการมาสายหรือการจัดตารางชีวิตเท่านั้น แต่ยังทำให้เรารู้จักตัวเองในระดับที่ลึกขึ้น และสามารถใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสมในการทำงานร่วมกับตัวตนเหล่านั้นได้
อีกสิ่งสำคัญของการรู้จัก Time Personality ของตัวเอง ไม่ใช่เพื่อร้องขอให้คนอื่นเข้าใจว่าเราเป็นแบบไหน แต่เพื่อให้เราตระหนักว่าบุคลิกภาพด้านเวลาของเราจำเป็นต้องปรับปรุงตรงไหนหรือเปล่า เพื่อให้ใช้ชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด รวมถึงไม่เดือดร้อนคนอื่นอีกด้วย
แม้ทุกคนจะมีจังหวะเวลาเป็นของตัวเอง แต่บางครั้งก็จำเป็นต้องปรับจังหวะของเราให้เข้ากับคนอื่นด้วยเช่นกัน