’ศก.เดนมาร์ก‘ สะเทือน Novo Nordisk หุ้นอุ้มประเทศ ถูกภาษียา 250% ถล่ม
บริษัท “โนโว นอร์ดิสค์ เอ/เอส“ (Novo Nordisk A/S) เป็นบริษัทยาชั้นนำของเดนมาร์ก หรือว่าว่าเรียกได้ว่าเป็น หุ้นอุ้ม “ตลาดหุ้นเดนมาร์ก” เพราะมีส่วนสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจเดนมาร์ก เติบโตถึง 3.5% ในปีที่ผ่านมา ซึ่งสูงกว่าหลายประเทศในยุโรป และการเติบโตนี้ส่วนหนึ่งมาจากผลประกอบการที่ยอดเยี่ยมของ Novo Nordisk
แต่ทว่าบริษัทกำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งสำคัญ จากนโยบายภาษีของประธานาธิบดี “โดนัล ทรัมป์” จากที่ประกาศเก็บภาษียาเพียงเล็กน้อยในตอนแรก ก่อนที่จะขึ้นเป็น 150% และ 250% ในท้ายที่สุด พร้อมกับการรักษาความเป็นผู้นำในตลาดผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนักที่มีการแข่งขันสูงในสหรัฐอเมริกา
การเติบโตอย่างรวดเร็วของ Novo Nordisk ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาทำให้เกิดความกังวลว่าเศรษฐกิจเดนมาร์กกำลัง “พึ่งพาบริษัทเพียงแห่งเดียวมากเกินไป” และสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ทำให้เกิดความกังวลว่าปัญหาของ Novo Nordisk จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของเดนมาร์กหรือไม่ ทั้งในแง่ของการเลิกจ้างพนักงานจำนวนมาก หรือการเป็นภาระทางเศรษฐกิจของประเทศ
ทำไม Novo Nordisk ถึงเป็นหุ้นอุ้มประเทศ?
Las Olsen หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก Danske Bank A/S กล่าวว่า การผลิตยาของ Novo Nordisk ถูกนับรวมอยู่ในผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ GDP เดนมาร์กโดยตรง ดังนั้น การปรับลดความคาดหวังใด ๆ ก็ตามของบริษัท จะส่งผลกระทบต่อตัวเลขการเติบโตของประเทศ "เกือบจะทันที" ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสุขภาพทางการเงินของบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจของเดนมาร์ก
"ถ้าการเติบโตของบริษัท Novo ลดลง การเติบโตของ GDP เดนมาร์กก็จะลดลงตามไปด้วย"
หากย้อนดูข้อมูลในอดีตที่ผ่านมา จะเห็นผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ เช่น ในไตรมาสแรก ยอดขายยาที่ลดลงของ บริษัท Novo ส่งผลให้เศรษฐกิจของเดนมาร์กหดตัวลงเล็กน้อยในไตรมาสแรกที่ผ่านมา และแม้ว่าบริษัท Novo ยังคงเติบโตอยู่ แต่ถ้าเศรษฐกิจโดยรวมของเดนมาร์กหยุดเติบโต ก็หมายความว่าเดนมาร์กจะสิ้นสุดสถานะการเป็นหนึ่งในประเทศที่มีเศรษฐกิจเติบโตสูงสุดในยุโรปทันที
นอกจากนี้ Novo Nordisk มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อ ตลาดแรงงานเดนมาร์ก โดยมีพนักงานโดยตรงในประเทศมากกว่า 30,000 คน ซึ่งหากมีการเลิกจ้างเกิดขึ้นตามที่ CEO คนใหม่ของบริษัทได้กล่าวไว้ ศูนย์กลางการผลิตสำคัญอย่างเมืองคาลุนด์บอร์ก และเมืองแบ็กสแวร์ดจะได้รับผลกระทบโดยตรง
ในช่วงต้นปี 2023 ถึง 2024 การเติบโตของการจ้างงานภาคเอกชนในเดนมาร์กครึ่งหนึ่ง มาจากการขยายตัวของบริษัท Novo Nordisk เพียงแห่งเดียวแบบไม่รวมภาคเกษตรกรรม ข้อมูลนี้แสดงให้เห็นว่าสุขภาพของบริษัทมีผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อทั้งเศรษฐกิจและการจ้างงานของเดนมาร์ก
และไม่มีที่ใดในเดนมาร์กที่ได้รับประโยชน์จากความมั่งคั่งของ Novo มากเท่ากับเมืองคาลุนด์บอร์กซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงานผลิตหลักของบริษัท โดยนับตั้งแต่ปี 2011 รายได้จากภาษีนิติบุคคลที่บริษัทจ่ายให้เมืองเพิ่มขึ้นมากกว่าสิบเท่า อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
รวมทั้ง การขยายโรงงานและจ้างงานอย่างรวดเร็วของ Novo ได้กระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น โดยมีธุรกิจ มหาวิทยาลัย และโครงการวิจัยใหม่ ๆ หลั่งไหลเข้ามาในเมือง รวมถึงมีการลงทุนด้านที่อยู่อาศัยและโครงสร้างพื้นฐานอย่างมหาศาล
มูลค่าบริษัทลดฮวบ-หุ้นร่วงหนัก กระทบนักลงทุนเดนมาร์ก
ในสัปดาห์นี้ มูลค่าตลาด Novo Nordisk ลดลงไปเกือบ 1 แสนล้านดอลลาร์ หลังจากที่บริษัทได้ปรับลดคาดการณ์กำไรเป็นครั้งที่ 2 ในปีนี้ โดยให้เหตุผลเรื่องภาษียา 250% การแข่งขันที่รุนแรงขึ้นและการมียาเลียนแบบในสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้ราคาหุ้นร่วงลงถึง 23% ซึ่งเป็นการลดลงในวันเดียวที่มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ และราคาหุ้นยังคงปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง
ข่าวร้ายของ Novo Nordisk ส่งผลกระทบโดยตรงต่อชาวเดนมาร์กในทันที โดยเฉพาะผู้ที่ถือหุ้นของบริษัท ตามการประมาณการของ Sydbank A/S เฉพาะในวันอังคารวันเดียว ชาวเดนมาร์กสูญเสียเงินลงทุนไปประมาณ 5.8 พันล้านดอลลาร์จากพอร์ตการลงทุน
มิคาเอล บัค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของสมาคมผู้ถือหุ้นเดนมาร์ก กล่าวว่า "จะมีผู้ถือหุ้นจำนวนมากที่ขาดทุน ซึ่งอาจส่งผลต่อการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และเป็นไปได้ว่านักลงทุนชาวเดนมาร์กบางส่วนอาจชะลอการตัดสินใจซื้อของใหญ่ๆ เช่น รถยนต์คันใหม่ หรือการจองทริปพักผ่อนราคาแพง"
โดมิโนเอฟเฟกต์ 'เศรษฐกิจเดนมาร์ก'
นักเศรษฐศาสตร์ต่างเตือนว่า หากสถานการณ์ของ Novo Nordisk ยืดเยื้อ จะส่งผลกระทบต่อ “การส่งออก” ของประเทศ ซึ่งเป็นหนึ่งในความกังวลหลักของหน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินของรัฐบาล โดยก่อนหน้านี้หน่วยงานดังกล่าวได้ปรับลดการคาดการณ์การส่งออกในเดือนพร้อม.ค.มาแล้วหลังจากที่ Novo ออกคำเตือนเกี่ยวกับผลกำไร นอกจากนี้ วิกฤตการณ์นี้ยังอาจส่งผลกระทบต่อ “อัตราดอกเบี้ย” ของประเทศอีกด้วย
โซเรน คริสเตนเซน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก Sydbank เตือนว่าไม่ควรกังวลกับสถานการณ์ของ Novo Nordisk จนเกินเหตุ เพราะนักวิเคราะห์ยังคงคาดการณ์ว่ารายได้และกำไรของบริษัทจะยังคงเติบโตไปจนถึงสิ้นทศวรรษนี้ และตราบใดที่ Novo ยังคงมีกำไรเพิ่มขึ้น เศรษฐกิจของเดนมาร์กก็จะยังได้รับประโยชน์อยู่
คริสเตนเซนเสริมว่า Novo กำลัง "อยู่ในสถานะที่เปราะบางกว่าที่คาดการณ์ไว้เล็กน้อย และหากสถานการณ์เลวร้ายลง ผลกระทบจะเกิดขึ้นในหลายส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภาคการผลิตอุตสาหกรรมและการส่งออกของประเทศซึ่งเป็นส่วนที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุด"
ที่ผ่านมา ผลผลิตจำนวนมหาศาลของบริษัท Novo Nordisk ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจของเดนมาร์กในหลายด้าน ทั้งดุลบัญชีและค่าเงิน โดยผลิตภัณฑ์จำนวนมากของ Novo ช่วยให้เดนมาร์กมีดุลบัญชีเกินดุล และการส่งออกที่แข็งแกร่งของบริษัทช่วยหนุนให้ค่าเงินโครนเดนมาร์กแข็งค่าขึ้น
อย่างไรก็ดี หากสถานการณ์ของบริษัท Novo ย่ำแย่ลงจนส่งผลกระทบต่อการส่งออกอย่างหนัก เดนมาร์กอาจต้องพิจารณา เปลี่ยนนโยบายและปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแทน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ
นอกจากนี้ Las Olsen ชี้ให้เห็นถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในเดนมาร์กว่า การชะลอตัวของบริษัท Novo Nordisk อาจส่งผลกระทบต่อการระดมทุนในด้านต่าง ๆ ที่สำคัญ เช่นการวิจัยและด้านสังคม
ที่ผ่านมามูลนิธิ Novo Nordisk ได้เพิ่มการสนับสนุนทางการเงินอย่างมหาศาลให้กับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์, การดูแลสุขภาพ และโครงการทางสังคม ซึ่งการระดมทุนเหล่านี้ได้แรงหนุนจากกำไรมหาศาลของยาชื่อดังอย่าง Wegovy ยาลดน้ำหนักและ Ozempic ยารักษาเบาหวา โดยในปัจจุบัน มูลนิธิ Novo Nordisk ให้ทุนสนับสนุนการทำงานและเงินเดือนของนักวิทยาศาสตร์กว่า 9,500 คน ดังนั้น หากบริษัทชะลอตัวลง อาจทำให้การสนับสนุนเหล่านี้ลดลงไปด้วย
เดนมาร์กพึ่งพา Novo Nordisk มากเกินไป
หลายคนกังวลบทบาทที่ใหญ่เกินไปของ Novo Nordisk ในประเทศ ซกึ่งคล้ายกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีตอย่างกรณีของ Nokia ยักษ์ใหญ่ด้านโทรคมนาคมของฟินแลนด์ ซึ่งในช่วงต้นยุค 2000 การตกต่ำของ Nokia ได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงจนฉุดรั้งเศรษฐกิจโดยรวมของฟินแลนด์ให้ซบเซาตามไปด้วย ทำให้หลายฝ่ายหวั่นเกรงว่าเดนมาร์กอาจต้องเผชิญชะตากรรมที่คล้ายกัน
ในปีที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีเมตเต้ เฟรเดอริกเซน แห่งเดนมาร์ก ยอมรับว่ารัฐบาลจำเป็นต้องเฝ้าระวังความเสี่ยงที่เกิดจากการที่บริษัท Novo Nordisk มีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจ พร้อมยืนยันว่าสถานการณ์ของเดนมาร์กแตกต่างจากกรณีของ Nokia ในฟินแลนด์ เนื่องจากเศรษฐกิจของเดนมาร์กไม่ได้พึ่งพาแค่ภาคส่วนยาเพียงอย่างเดียว
เดนมาร์กมีจุดแข็งทางเศรษฐกิจหลายประการที่ช่วยลดความเสี่ยง เพราะแม้ว่า Novo จะเติบโตอย่างมาก แต่มีผลกระทบต่อการจ้างงานและค่าจ้างโดยรวมของประเทศเพียงเล็กน้อย และเดนมาร์กมีแรงงานต่างชาติจำนวนมาก ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของตลาด ทำให้ระบบเศรษฐกิจมีความยืดหยุ่นสูง
โซเรน คริสเตนเซน กล่าวว่า แม้ผลกระทบจากปัญหาของ Novo Nordisk อาจไม่ชัดเจนในภาพรวมระดับประเทศ แต่ในระดับท้องถิ่นจะรู้สึกได้ค่อนข้างรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลดการผลิตหรือการลงทุนของบริษัทจะส่งผลกระทบไปยังเครือข่ายซัพพลายเออร์และผู้รับเหมาที่พึ่งพา Novo อยู่ ซึ่งจะสร้างแรงกระเพื่อมทางเศรษฐกิจในพื้นที่นั้น ๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
Olsen กล่าวว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นจากความรุ่งเรืองของ Novo นำไปสู่การเติบโตของ GDP, ผลตอบแทนผู้ถือหุ้น, รายได้ภาษี และบัญชีเดินสะพัดเกินดุล ดังนั้น “หากสถานการณ์เป็นไปในทางตรงกันข้าม ผลกระทบทั้งหมดก็จะกลับด้าน"
นี่เป็นเครื่องยืนยันว่า หาก Novo ประสบปัญหา จะส่งผลกระทบในเชิงลบต่อทุกภาคส่วนที่เคยได้รับประโยชน์จากการเติบโตของบริษัทอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะเมืองสำคัญอย่าง คาลุนด์บอร์กที่พึ่งพาบริษัทแห่งนี้อย่างสูง