ที่ปรึกษาของ รมว.คลัง ชี้ “Negative Income Tax” เป็นนโยบายดี แต่ต้องวางระบบให้แข็งแรง
ที่ปรึกษาของ รมว.คลัง ชวนทำความเข้าใจ “Negative Income Tax” ชี้เป็นนโยบายดี แต่ต้องวางระบบให้แข็งแรง
วันที่ 16 สิงหาคม 2568 วรภัค ธันยาวงษ์ ที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงประเด็น “Negative Income Tax” แบบมีทั้งมุมบวกและข้อควรระวังว่า
ช่วงนี้มีการพูดถึงแนวคิดใหม่ที่ชื่อว่า Negative Income Taxหรือ ระบบภาษีที่รัฐคืนเงินให้ผู้มีรายได้น้อย ซึ่งดูเหมือนจะตอบโจทย์เรื่องความเหลื่อมล้ำ แต่ในความเป็นจริงยังมีหลายมิติที่ควรคิดให้รอบก่อนเดินหน้า
ข้อดีของแนวคิดNegative Income Tax
- ช่วยเสริมรายได้คนตัวเล็กแบบอัตโนมัติ
แทนที่รัฐต้องตั้งหลายโครงการซ้อนกัน การคืนเงินผ่านระบบภาษีจะช่วยเติมรายได้ให้กับผู้ที่ยังไม่ถึงเส้นฐานขั้นต่ำที่ควรมี เพื่อความอยู่รอดและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
- ไม่บั่นทอนแรงจูงใจในการทำงาน
ต่างจากการ “แจกเงินเปล่า” นโยบายนี้ยังให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นเมื่อคนทำงานและมีรายได้มากขึ้น โดยรัฐเพียงแต่ลดเงินช่วยเหลือลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป
- โปร่งใสและอิงข้อมูลจริง (ถ้าระบบพร้อม)
แนวคิดนี้ไม่เน้นแจกแบบเหมารวม แต่ให้ตามข้อมูลรายได้จริงของแต่ละคน ทำให้รัฐใช้เงินได้คุ้มค่ากว่าและตรงเป้ากว่าในระยะยาว
- สร้างฐานข้อมูลรายได้ระดับบุคคลในระยะยาว
หากดำเนินการจริง จะทำให้รัฐมีข้อมูลรายได้ประชาชนครบถ้วนมากขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการออกแบบนโยบายอื่น ๆ อย่างแม่นยำ
ความท้าทายที่สำคัญ (และต้องไม่มองข้าม)
- ยังไม่มีประเทศใดใช้ระบบนี้เต็มรูปแบบในปัจจุบัน
แม้เคยมีการทดลองในสหรัฐฯ และแคนาดา แต่ไม่สามารถขยายผล เพราะติดขัดทั้งเรื่องการเมืองและระบบบริหารที่ไม่พร้อมรองรับในระดับประเทศ
- การ validate รายได้ของแรงงานรากหญ้าเป็นเรื่องยากมาก
แรงงานนอกระบบจำนวนมากไม่มีเอกสารรับรองรายได้ การที่ต้องให้กรอกข้อมูลรายได้ด้วยตนเอง (self-declared income) เปิดช่องให้เกิดข้อมูลคลาดเคลื่อนหรือ “ปรับแต่ง” รายได้เพื่อรับเงินคืนจากรัฐ
ถ้าไม่มีระบบตรวจสอบหรือ cross-check ที่ดีพอ อาจนำไปสู่ความไม่เป็นธรรม และสูญเสียงบประมาณอย่างไม่คุ้มค่า
- ภาระงบประมาณระยะยาวอาจควบคุมยาก
หากไม่มีกลไกจำกัดขอบเขต เช่น เพดานเงินคืน หรือระยะเวลาช่วยเหลือที่ชัดเจน อาจทำให้รัฐแบกภาระคล้ายระบบ universal basic income ที่ต้องจ่ายเงินถาวรในวงกว้าง
- แรงต้านทางการเมืองและสังคม
กลุ่มผู้เสียภาษีระดับกลางขึ้นไปอาจมองว่านโยบายนี้เอื้อให้บางกลุ่ม “ได้รับเงินโดยไม่เสียภาษี” ทำให้เกิดความรู้สึกไม่เป็นธรรมและลดแรงสนับสนุนทางการเมือง
สรุป นโยบายดีแต่ต้องวางระบบให้แข็งแรง
Negative Income Taxเป็นแนวคิดที่“ดูดีในเชิงทฤษฎี” และมีศักยภาพหากดำเนินการภายใต้ระบบภาษีที่แม่นยำ โปร่งใส และมีข้อมูลประชาชนที่ตรวจสอบได้
แต่ในทางปฏิบัติ ยังมีอุปสรรคเชิงโครงสร้าง โดยเฉพาะในประเทศที่มีแรงงานนอกระบบจำนวนมาก และไม่มีระบบข้อมูลรายได้ที่เชื่อถือได้
หากไทยจะทดลองแนวทางนี้ อาจต้องเริ่มจาก pilot project ในระดับจังหวัดหรือกลุ่มอาชีพเฉพาะ ควบคู่กับการพัฒนาระบบฐานข้อมูลรายได้แบบ digital และระบบภาษีที่เชื่อมโยงข้อมูลได้แบบ real-time
อ้างอิง : Facebook : Vorapak Tanyawong