ทนุเกียรติ เคลียร์ปมปัญหาเบี้ยเลี้ยงล่าช้า ย้ำไม่ได้นิ่งนอนใจพร้อมเร่งทางแก้
ทนุเกียรติ จันทร์ชุม ผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ชี้แจงกรณีถูกจับตามองว่าเป็นสาเหตุความล่าช้าในการเบิกจ่ายเบี้ยเลี้ยงนักกีฬา ต้นตอที่แท้จริงคือแผนระยะยาว
จากกรณีที่สมาคมกีฬาเข้าร้องเรียนกับคณะกรรมการโอลิมปกไทย เกี่ยวกับการเบิกจ่ายเบี้ยเลี้ยงนักกีฬาชุดเตรียมซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพช่วงปลายปีนี้เกิดความล่าช้า และค้างจ่ายมาหลายเดือนก่อนจะมีการเบิกให้ทุกสมาคมหมดเรียบร้อยในเดือนส.ค.ที่ผ่านมา
ทนุเกียรติ จันทร์ชุม ผู้จัดการกองทุนฯ เผยว่า “ปีนี้กองทุนได้จัดสรรงบประมาณก้อนแรกในปีงบประมาณ 2568 สำหรับการเก็บตัวฝึกซ้อมจำนวน 248 ล้านบาท ซึ่งได้ใช้จ่ายหมดตั้งแต่เดือนเม.ย. ต่อมาจึงเสนอขอความเห็นชอบวงเงินเพิ่มเติม 310 ล้านบาท จากกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง และได้รับการอนุมัติเมื่อ 20 ส.ค. โดยสามารถจ่ายให้แก่นักกีฬาได้ตั้งแต่วันที่ 22 ส.ค. ซึ่งใช้เวลาเพียงสามวันเท่านั้น”
“ต้นตอของปัญหาที่แท้จริงของความล่าช้าเกิดจากศักยภาพทางการเงินที่มีจำกัด ไม่เพียงพอต่อความต้องการและการบริหารจัดการการเงินไม่เป็นไปตามแผน มีการสื่อสารที่อาจคลาดเคลื่อน ข้อเท็จจริงคืองบประมาณที่ได้รับการจัดสรรให้ครอบคลุมทั้งปี หรือเราต้องหาทางบริหารงบประมาณให้เพียงพอทั้งปี หรือแม้แต่งบประมาณจำนวน 310 ล้านบาท ที่เพิ่งได้รับการจัดสรรเพิ่มเติมมาจะหมดภายในสิ้นเดือนส.ค. และในเดือนก.ย. ยังต้องจัดหาแหล่งเงินเพิ่มเติมเพื่อรองรับค่าใช้จ่ายนักกีฬาในการเก็บตัวฝึกซ้อมของนักกีฬาในการแข่งขันมหกรรมกีฬาซีเกมส์”
ส่วนงบประมาณในเดือนส.ค. - ก.ย. ผู้จัดการกองทุน เผยว่า “ได้รับแจ้งจากฝ่ายพัฒนากีฬาเป็นเลิศ การกีฬาแห่งประเทศไทย งบประมาณสำหรับใช้ในการดังกล่าว มีความจำเป็นประมาณ 200 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นเบี้ยเลี้ยงในการเตรียมตัวฝึกซ้อมให้กับนักกีฬา ผมขอเรียนตามตรงว่าทางท่านรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นห่วงและได้กำชับว่าต้องรีบไปหาข้อสรุปในเรื่องแหล่งเงิน ที่จัดหามาให้กับนักกีฬา ตอนนี้นักกีฬากำลังเก็บตัวอยู่และแจ้งผู่เกี่ยวข้องให้ทราบโดยเร็ว โดยอยู่ระหว่างการหารือกับผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย และรองผู้ว่าการฝ่ายกีฬาเป็นเลิศและวิทยาศาสตร์การกีฬา เพื่อจัดหาแหล่งเงินที่เหมาะสมต่อไป”
“สำหรับเดือนต.ค. - พ.ย. จะเริ่มใช้งบประมาณปี 2569 ซึ่งเตรียมการไว้เรียบร้อยแล้วและไม่มีปัญหา อย่างไรก็ตาม ช่วงที่น่าเป็นห่วงคือเดือนส.ค. - ก.ย. ซึ่งกองทุนกำลังเร่งดำเนินการอย่างเต็มที่”
“ในปีงบประมาณ 2569 กองทุนยังต้องเตรียมงบประมาณสำหรับเงินรางวัลนักกีฬาในมหกรรมซีเกมส์ และอาเซียนพาราเกมส์ รวมกว่า 1,200 ล้านบาท ขณะที่ศักยภาพทางการเงินของกองทุนมีประมาณปีละ 4,000 ล้านบาท ซึ่งได้วางแผนรองรับไว้แล้ว โดยมีแนวทางการบริหารจัดการตามที่ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้ให้แนวคิดไว้”
ขณะเรื่องที่ทางคณะกรรมการโอลิมปิกไทย เสนอเพิ่มเงินรางวัลซีเกมส์ตามข่าวนั้น นายทนุเกียรติ ระบุว่า “ในเรื่องนี้เองเป็นแนวคิดที่ทางท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ท่านเห็นด้วยในหลักการ แต่อย่างที่ผมเรียนต้องกลับไปดูแหล่งเงิน อาจจะไปขอเพิ่มตามแนวทางของท่านคือการของบกลางจากคณะรัฐมนตรี มาเพิ่มเติมจากงบปกติ ซึ่งเดิมเราตั้งไว้อยู่แล้วที่ 300,000 บาท, 100,000 บาท และ 75,000 บาท อันนี้เรากำลังดูตัวเลขกันอยู่”
“หากเราใช้แนวทางตามข่าว เราต้องใช้เงินอีกประมาณ 600 ล้านบาท โดยท่านรัฐมนตรีขอให้ทำรายละเอียดเพื่อขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี สำหรับรางวัลนักกีฬาซีเกมส์และอาเซียนพาราเกมส์ โดยทางด้านฝ่ายพัฒนาการกีฬาเป็นเลิศ การกีฬาแห่งประเทศไทยจะต้องรีบทำข้อมูลในเรื่องนี้ และนำเสนอต่อท่านรัฐมนตรี เพื่อนำเรื่องเข้าสู่คณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา ส่วนหน้าที่ของทางกองทุนจะพิจารณาและอนุมัติวงเงินภายใต้ระเบียบที่มีอยู่”
ส่วนปัญหาเรื่องเงินไม่พอ นายทนุเกียรติ กล่าวว่า “เรื่องเงินไม่พอนั้น ด้วยความที่ภารกิจของการใช้จ่ายที่ใช้ในการพัฒนากีฬาแห่งชาติ มีจำนวนมากทำให้ไม่เพียงพอ เรากำลังวางแผนคุยกับผู้ที่เกี่ยงข้องในกันอาทิตย์หน้า ในเรื่องของงบประมาณในปี 2569 วงเงินที่เรามีอยู่นั้น เราสามารถที่จะบริหารจัดการได้เพียงพอกับวงเงินที่มีอยู่อย่างไร และหากยังไม่พออีกทางท่านรัฐมนตรี ขอให้กกท. ในฐานะผู้ขอรับการสนับสนุนทำข้อมูลเพื่อไปรับงบกลางเพิ่มเติมจากคณะรัฐมนตรี เรามีแผนคือใช้เงินที่เรามีอยู่จากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ และอีกส่วนหนึ่งคืองบประมาณประจำปีที่ทางรัฐบาลให้กับทางการกีฬาแห่งประเทศไทย”
“แหล่งเงินจากกองทุนและจากทางกกท. เราจะต้องมาดูรายละเอียดกันหากงบประมาณไม่เพียงพอ จะต้องทำรายละเอียดให้รัฐมนตรีท่านพิจารณา หากโชคดีทางกองทุนมีเงินเหลือจากการบริหารจัดการ จะมีอีกจำนวนหนึ่งเราจะขอกรอบเพิ่มเติมมาสนับสนุนในการพัฒนาการกีฬาแห่งชาติต่อไป โดยมีแหล่งเงิน 3 แหล่ง คือ 1.งบประมาณประจำปีของการกีฬาแห่งประเทศไทย (งบกลาง) 2.งบประมาณจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ (ขอกรอบเพิ่มเติมในไตรมาส 3) 3.งบจากสนับสนุนจากภาคเอกชนของสมาคมกีฬา”
ปัญหาการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลจะมีปัญหาหรือไม่ ผู้จัดการกองทุน เผยว่า “ผมขอตอบในส่วนของกองทุน ทางคณะกรรมการบริหารกองทุน ได้เห็นชอบงบประมาณในปี 2569 ไปเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้อยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียดกับทางการกีฬาแห่งประเทศไทย และส่งให้กรมบัญชีกลางให้ความเห็นชอบ เพราะฉะนั้นผมขอเรียนว่าถึงแม้การเมืองจะมีเปลี่ยนแปลงใดๆ แต่ทางกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติจะต้องดำเนินตามกรอบและแนวทางที่ทำไว้ตามแผนพัฒนากีฬาแห่งชาติ และแน่นอนต้องเป็นไปตามแนวทางด้านนโยบายของรัฐบาล”
นอกจากนี้ นายทนุเกียรติ ยังตอบสื่อหลังถูกถามว่าที่ผ่านมาการทำงานของกองทุน ยังไม่เป็นระบบ โดยเผยว่า “อาจจะเป็นส่วนหนึ่ง เรายอมรับตัวผมเพิ่งเข้ามาว่ายังมีปัญหาอยู่บ้าง ผมขอเรียนว่าในปี 2569 มีคำขอที่ส่งเข้ามาที่กองทุน ผ่านสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยและสมาคมกีฬาแห่งจังหวัด ผ่านการกีฬาแห่งประเทศไทย มีคำขอจำนวนเงินกว่า 12,000 ล้านบาท มี 3,000 กว่าโครงการ ฉะนั้นเรามีศักยภาพประมาณ 4,130 ล้านบาท เราต้องมากลั่นกรองรายละเอียดเป็นจำนวนมาก เราต้องการดูคำขอที่มีศักยภาพ ทางกองทุนถูกครหามาโดยตลอดว่าจัดสรรงบไม่เป็นธรรม แม้แต่ตัวท่านอดีตนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน ท่านพูดว่าอยากให้ทางกองทุนแก้ไขในเรื่องนี้ โดยการจัดสรรงบประมาณให้กับสมาคมกีฬาต่างๆ อย่างเป็นธรรม เราจึงเริ่มต้นด้วยคำขอทุกคำขอของทุกสมาคมกีฬา และต้องได้รับการพิจารณามากน้อยขึ้นอยู่กับคำขอเป็นสำคัญ ซึ่งเรากำลังเร่งแก้ไขเร่งรัดในส่วนที่มีข้อผิดพลาดอยู่บ้าง เรากำลังแก้ไขอย่างสุดความสามารถ”
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ทนุเกียรติ เคลียร์ปมปัญหาเบี้ยเลี้ยงล่าช้า ย้ำไม่ได้นิ่งนอนใจพร้อมเร่งทางแก้
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.khaosod.co.th