“จีน” เตรียมระดมบริษัทรัฐซื้อบ้านขายไม่ออก หวังพยุงภาคอสังหาฯ ท่ามกลางวิกฤติยืดเยื้อ
"จีน" เตรียมระดมรัฐวิสาหกิจและบริษัทบริหารหนี้เสียรายใหญ่ อัดฉีดกว่า 3 แสนล้านหยวนซื้อบ้านล้นสต็อกจากผู้พัฒนาอสังหาฯ ที่มีปัญหาการเงิน หลังมาตรการพึ่งพารัฐบาลท้องถิ่นได้ผลจำกัด
วันที่ 14 สิงหาคม 2568 เวลา 14.17 น. สำนักข่าวบลูกเบิร์กรายงานว่าจีน เตรียมขับเคลื่อนบริษัทรัฐที่อยู่ภายใต้การกำกับของรัฐบาลกลางในกรุงปักกิ่ง เข้าซื้อบ้านที่ยังขายไม่ออกจากผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีปัญหาทางการเงิน หลังจากมาตรการก่อนหน้านี้ที่อาศัยรัฐบาลท้องถิ่นดำเนินการไม่ประสบความสำเร็จมากนัก
แหล่งข่าวระบุว่า หน่วยงานกำกับดูแลวางแผนให้รัฐวิสาหกิจรายใหญ่และบริษัทบริหารหนี้เสีย เช่น China Cinda Asset Management Co. เข้าร่วมแก้ปัญหาล้นสต็อก โดยสามารถใช้วงเงิน 300,000 ล้านหยวน หรือราว 4.18 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ จากโครงการที่ธนาคารกลางจัดสรรไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว
ความพยายามรอบใหม่นี้ซึ่งยังอยู่ระหว่างการหารือ อาจช่วยเร่งการระบายสต็อกอสังหาริมทรัพย์ส่วนเกิน 408 ล้านตารางเมตร และลดภาระทางการเงินของผู้พัฒนาที่ประสบปัญหา เจ้าหน้าที่กำลังพิจารณายกเลิกการกำหนดเพดานราคาในโครงการ เพื่อเร่งกระบวนการและเพิ่มความคุ้มค่าให้ทั้งผู้พัฒนาและผู้ซื้อจากภาครัฐ
อย่างไรก็ตามผลกระทบอาจมีจำกัด เนื่องจากบริษัทรัฐด้านหนี้เสียเองก็มีปัญหาการเงินตึงตัว แผนนี้เกิดขึ้นท่ามกลางวิกฤติอสังหาฯ ที่แตะระดับต่ำสุดใหม่ หลังการเพิกถอนหุ้น China Evergrande Group และยอดขายบ้านใหม่ของ 100 ผู้พัฒนารายใหญ่สุดร่วงลงเกิน 20% ต่อเนื่องสองเดือน
ธนาคารกลางจีนได้เปิดโครงการปล่อยกู้ทั่วประเทศในเดือนพฤษภาคม 2567 เพื่อสนับสนุนให้บริษัทของรัฐท้องถิ่นซื้อบ้านขายไม่ออก และต่อมาได้ประกาศขยายโครงการ แต่ความคืบหน้ากลับช้า โดยอนุมัติเงินกู้เพียงไม่ถึง 6% ของวงเงินที่ประกาศไว้ ขณะที่นักวิเคราะห์ชี้ว่าการเร่งโครงการอาจทำได้ยาก เพราะทำเลของบ้านขายไม่ออกไม่สอดคล้องกับพื้นที่ที่ต้องการที่อยู่อาศัยราคาย่อมเยา
ตั้งแต่ภาคอสังหาฯ จีนเริ่มมีปัญหากว่า 4 ปีก่อน ปักกิ่งได้ดึงบริษัทบริหารหนี้เสียมาช่วยปรับโครงสร้างผู้พัฒนา ซื้อโครงการที่หยุดชะงัก และซื้อสินเชื่อด้อยคุณภาพ โดยในต้นปี 2566 ธนาคารกลางได้ปล่อยกู้ 8 หมื่นล้านหยวนให้บริษัทเหล่านี้ในอัตราดอกเบี้ย 1.75% ต่อปี พร้อมกระตุ้นให้ใช้เงินทุนตนเองสมทบ แต่กลับมีโครงการเพียงไม่กี่แห่งที่เดินหน้าได้จริง และผลลัพธ์โดยรวมไม่เป็นไปตามคาด
ความพยายามของจีนในการหยุดยั้งการชะลอตัวของภาคอสังหาฯ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ยังคงสร้างความผิดหวัง เนื่องจากอุปสงค์ภายในประเทศและตลาดแรงงานยังอ่อนแอ ขณะที่รัฐบาลยังไม่เสนอมาตรการกระตุ้นที่รุนแรงกว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้เรียกร้องให้เร่งพัฒนา “โมเดลใหม่” สำหรับอสังหาริมทรัพย์ เน้นการวางผังเมืองและการปรับปรุงอย่างสมดุล แต่ยังไม่ตรงกับความคาดหวังของนักลงทุนบางส่วน โดยยอดขายบ้านในเดือนกรกฎาคมยังคงร่วง แม้ราคาลดลงแล้วก็ตาม นักวิเคราะห์รวมถึง UBS Group AG จึงเลื่อนคาดการณ์การฟื้นตัวของภาคอสังหาฯ จีนไปเป็นช่วงกลางถึงปลายปี 2569
อ้างอิง : www.bloomberg.com