กองทุน ‘ดาลิโอ’ ปิดฉากลงทุนจีน ‘เทขายหุ้นจีนหมดพอร์ต’
สำนักข่าวนิกเกอิ เอเชียรายงานว่า “Bridgewater Associates” บริษัทจัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์รายใหญ่ที่สุดของโลก ได้ “ขายหุ้นในบริษัทจีนทั้งหมด” ที่ถือครองอยู่ในไตรมาส 2 ซึ่งถือเป็นการถอนการลงทุนครั้งสำคัญ ท่ามกลางความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์
บริษัทสัญชาติอเมริกันที่ก่อตั้งโดย“เรย์ ดาลิโอ” นี้ ทำการขายหุ้นในบริษัทจีน 16 แห่ง คิดเป็นมูลค่า 1,400 ล้านดอลลาร์ หรือราว 45,000 ล้านบาท ตามเอกสารแบบฟอร์ม 13F ล่าสุดที่ยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) ทำให้บริดจ์วอเทอร์ “ไม่มีการลงทุนในหุ้นจีน” เลยเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี
สำหรับหุ้น “อาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง” ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซ และ “ไป่ตู้” บริษัทอินเทอร์เน็ตชื่อดัง ซึ่งบริดจ์วอเทอร์ได้เพิ่มการถือครองอย่างมากในไตรมาสแรก ก็ “ถูกขายออกไป” พร้อมกับหุ้นกลุ่มอีคอมเมิร์ซ JD.com และ PDD Holdings นอกจากนี้ยังรวมถึงผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง Nio และLi Auto บริษัทวิดีโอสตรีมมิง iQiyi และบริษัทร้านอาหาร Yum China Holdings
เรย์ ดาลิโอ นักลงทุนมหาเศรษฐีซึ่งเคยมีท่าทีเชื่อมั่นในเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของโลกมาโดยตลอด และได้เพิ่มสัดส่วนการลงทุนของกองทุนเฮดจ์ฟันด์ในจีนเมื่อต้นปี ในช่วงที่นักลงทุนจำนวนมากพากันถอนการลงทุนออก
แต่ดูเหมือนว่า บริดจ์วอเทอร์จะทบทวนการลงทุนในจีนอีกครั้ง ท่ามกลางมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรในวงกว้างต่อคู่ค้าของสหรัฐที่ออกโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสองประเทศย่ำแย่อย่างรวดเร็วในเดือนเมษายน หลังต่างฝ่ายต่างเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากอีกฝ่าย ก่อนที่จะบรรลุข้อตกลงพักรบชั่วคราวในเวลาต่อมา
เมื่อไม่นานมานี้ ดาลิโอได้ขายหุ้นที่เหลือทั้งหมดในบริดจ์วอเทอร์ และก้าวลงจากตำแหน่ง เสร็จสิ้นกระบวนการถ่ายโอนอำนาจการบริหารที่เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2022
แต่บริดจ์วอเทอร์ได้เพิ่มการถือครองหุ้นในบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Nvidia และ Microsoft ขณะเดียวกันก็ได้ลดสัดส่วนการถือหุ้นใน Apple
การเปลี่ยนแปลงนี้ เกิดขึ้นในช่วงที่รัฐบาลทรัมป์ผลักดันนโยบายการลงทุน “อเมริกาต้องมาก่อน” (America First) และกำลังพิจารณาข้อจำกัดที่อาจใช้กับการลงทุนในธุรกิจไพรเวทอีควิตี้ เวนเจอร์แคปิตอล และหลักทรัพย์ที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์
แม้ว่ารัฐบาลทรัมป์ จะยังไม่ได้ออกกฎระเบียบใหม่ที่มุ่งเป้าการลงทุนขาออกประเภทนี้ แต่นักลงทุนก็ยังคงระมัดระวังต่อการลงทุนในจีน เนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับจีนยังคงตึงเครียด
อ้างอิง: nikkei