รวมพลังแผ่นดินฯ ฮึ่ม! นัดชุมนุมหน้ารัฐสภา ’21 ส.ค.’ นี้ เรียกร้องยกเลิก MOU 43–44
เมื่อวันที่ 18 ส.ค. ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ คณะแกนนำคณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย นำโดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายนิติธร ล้ำเหลือ นายแก้วสรร อติโพธิ นายสมชาย แสวงการ นายพิชิต ไชยมงคล และ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม แถลงข่าวประกาศจัดกิจกรรม “แสดงพลังปกป้องอธิปไตยไทย” บริเวณด้านหน้ารัฐสภา ในวันที่ 21 ส.ค. ตั้งแต่เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป เพื่อจับตาญัตติด่วนในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเกี่ยวข้องกับบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2543 และ 2544 ระหว่างประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา ซึ่งเป็นประเด็นที่หลายฝ่ายเชื่อว่าเป็นต้นตอของปัญหาข้อพิพาทเขตแดนไทย–กัมพูชา ทั้งในพื้นที่ทางบกบริเวณปราสาทพระวิหาร และในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลที่มีทรัพยากรพลังงานมหาศาล
นายจตุพร กล่าวว่า กิจกรรมที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 21 ส.ค. ไม่ใช่เพื่อป่วนหรือเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง แต่เป็นการแสดงออกอย่างสันติเพื่อเรียกร้องให้ทั้งรัฐบาลและทุกพรรคการเมืองในรัฐสภา แสดงความจริงใจในการทำหน้าที่ด้วยการตระหนักว่า MOU 43–44 มีผลกระทบต่อประเทศอย่างแท้จริง และจนถึงวันนี้ ยังไม่มีการอภิปรายทั่วไปในสภาเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ทั้งที่เกิดเหตุการณ์ปะทะชายแดนหลายครั้ง นี่คือจุดเริ่มต้นของการแสดงพลังจากภาคประชาชน เพื่อเรียกร้องให้มีการยกเลิก MOU 43–44 และให้รัฐบาลกล้าเปิดเผยข้อเท็จจริงให้ประชาชนรับรู้โดยตรง
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม กล่าวว่า ญัตติที่ยื่นเข้าสภาในประเด็น MOU 43–44 ถือเป็นโอกาสสำคัญที่ประชาชนควรติดตาม เพราะทั้งสองฉบับเกี่ยวข้องโดยตรงกับการเจรจาเรื่องพลังงานและอธิปไตยของประเทศ หากรัฐสภาปล่อยให้มีข้อตกลงระหว่างประเทศโดยไม่ผ่านความเห็นชอบของประชาชน เท่ากับละเลยหน้าที่ที่แท้จริงในการปกป้องชาติ
ขณะที่ นายสมชาย แสวงการ กล่าวว่า คดีของ น.ส.แพทองธาร มีความร้ายแรงกว่าคดีถอดถอนของอดีตนายกรัฐมนตรีหลายคน เพราะมีความเชื่อมโยงกับการต่างประเทศ และข้อกล่าวหาว่าอาจมีผลประโยชน์ทับซ้อนจากการใช้สถานที่ทางการทูตของกัมพูชาในการจัดตั้งรัฐบาล เรื่องนี้ต้องมีการไต่สวนอย่างเปิดเผย และศาลรัฐธรรมนูญต้องไม่หวั่นไหวต่อแรงกดดันทางการเมือง หากปล่อยให้เรื่องนี้เงียบหาย จะเป็นอันตรายต่อระบบประชาธิปไตยในระยะยาว