นักข่าวรัสเซียถูกอุ้มรีดทรัพย์ในพัทยา หนีตายขอความช่วยเหลือ ตร.เร่งล่าแก๊งคนร้าย!
เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเดวิด แบลงค์ (Mr. DAVID BLANK) อายุ 26 ปี นักข่าวชาวรัสเซีย ถูกกลุ่มคนร้ายชาวรัสเซีย 4 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นคนรู้จัก ลักพาตัวจากห้องพักในโรงแรมย่านจอมเทียนซอย 14 เมืองพัทยา จ.ชลบุรี โดยคนร้ายบุกเข้ามาในห้อง ใช้ปืนจี้บังคับสวมถุงดำคลุมศีรษะ และรุมทำร้ายร่างกาย ก่อนจะใส่กุญแจมือแล้วขังไว้ในห้องนานหลายชั่วโมง เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. ที่ผ่านมา หลังคนร้ายหลบหนีไป นายเดวิด ซึ่งยังถูกล็อกกุญแจมือ ได้วิ่งหนีตายมาขอความช่วยเหลือที่ร้านกาแฟ ในปั๊มน้ำมันริมถนนจอมเทียนสาย 2 พ.ต.อ.เอนก สระทองอยู่ ผกก.สภ.เมืองพัทยา จึงนำกำลังเข้าช่วยเหลือทันที
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า กลุ่มคนร้ายได้ข่มขู่ให้นายเดวิดติดต่อแฟนสาว นางสาวแอนนา อายุประมาณ 26 ปี ชาวรัสเซีย ซึ่งพักอยู่ที่กรุงเทพฯ เพื่อเรียกค่าไถ่ โดยมีการส่งคลิปวิดีโอการทำร้ายร่างกายไปข่มขู่ด้วย แม้จะถูกขู่ว่า "ถ้าแจ้งตำรวจไทยจะฆ่าแฟนเธอทิ้ง" แต่แอนนาก็พยายามเจรจาต่อรอง โดยนำนาฬิกาโรเล็กซ์หรูมูลค่าประมาณ 5-6 แสนบาท ไปวางไว้ใต้โคนต้นไม้ริมถนนพระราม 4 กรุงเทพฯ ซึ่งมีชายสวมเสื้อขาวมาหยิบไป โดยแอนนาสามารถถ่ายคลิปขณะรับนาฬิกาไว้ได้ นอกจากนี้ กลุ่มคนร้ายยังบังคับให้นายเดวิด โอนเงินดิจิทัล (บิตคอยน์) เกือบ 2 ล้านบาท จนเกือบหมดบัญชี ก่อนจะพากันหลบหนีไป
ในช่วงเย็นวันเดียวกัน ตำรวจสืบสวน สภ.เมืองพัทยา และศูนย์ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติจังหวัดชลบุรี ได้ร่วมกันไล่ล่าติดตามคนร้าย จนสามารถยึดรถเก๋งยี่ห้อเอ็มจี สีบรอนซ์เทา ทะเบียน 4ขห 1343 กรุงเทพมหานคร ซึ่งใช้ในการก่อเหตุได้ 1 คัน จอดทิ้งไว้กลางไร่สับปะรดใกล้แยกขนำไร่ จ.ระยอง สภาพรถกระจกหน้าแตกและหน้าจอคอนโซลถูกทุบเสียหาย
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังสามารถควบคุมตัว นายแอนตัน โลโคทคอฟ (Anton LOKOTKOV) อายุ 26 ปี ชาวรัสเซีย ได้ที่บริเวณตลาดสตรีทฟู้ดริมชายหาดจอมเทียน ซึ่งผู้เสียหายยืนยันว่าเป็นหนึ่งในคนร้ายที่เป็นนกต่อที่มาเคาะประตูห้อง เบื้องต้นนายแอนตัน ให้การวกวนและปฏิเสธว่าไม่รู้จักผู้เสียหาย อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบพบว่านายแอนตันอยู่ในราชอาณาจักรไทยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด (โอเวอร์สเตย์) จึงถูกแจ้งข้อหา "เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยการอนุญาตสิ้นสุด"
ตำรวจยังคงเร่งสืบสวนสอบสวนขยายผลเพื่อจับกุมผู้ก่อเหตุที่เหลือมาดำเนินคดี แม้กลุ่มคนร้ายจะทำลายหลักฐานเกือบทั้งหมด ทั้งโทรศัพท์ของผู้เสียหายและอุปกรณ์ภายในรถยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ แต่เจ้าหน้าที่เชื่อมั่นว่าจะสามารถนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษได้ทั้งหมด.