5 สาเหตุที่มือถือยุคนี้ "ใจร้าย" ไม่ให้เราเพิ่ม MicroSD Card ได้อีก?
ในเรื่องของความจำมือถือหลายคนก็บอกว่าถ้าซื้อมาแล้วสมัยก่อนยังเพิ่มความจำโดยเฉพาะการใส่การ์ด MicroSD ที่มักจะทำกับมือือได้ทุกรุ่น แต่ว่าสมัยนี้เหลือน้อยลง อาจจะได้เฉพาะมือถือหลักพันเท่านั้น เป็นเหระาอะไร และทำไมถึงต้องตัดการเพิ่มความจำจากการ์ดออก วันนี้ Sanook Hitech มีคำตอบ
ทำไมผู้ผลิตมือถืใจร้ายตัดไม่ให้มือถือเพิ่ม MicroSD ได้
1. ความเร็วของหน่วยความจำในเครื่องไวกว่า MicroSD
สิ่งสำคัญที่สุดที่ผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนี้คือ ความเร็วของหน่วยความจำภายใน (Internal Storage) ครับ สมาร์ทโฟนสมัยใหม่ใช้เทคโนโลยีหน่วยความจำแบบ UFS (Universal Flash Storage) ซึ่งพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด (เช่น UFS 3.1, UFS 4.0) มีความเร็วในการอ่านและเขียนข้อมูลที่สูงกว่า MicroSD Card ทั่วไปอย่างมหาศาล
เมื่อแอปพลิเคชัน ซอฟต์แวร์ และเกมต่างๆ มีขนาดใหญ่ขึ้นและต้องการความเร็วในการเข้าถึงข้อมูลที่สูงขึ้น เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างลื่นไหล ไม่มีสะดุด การใช้ MicroSD Card ที่มีความเร็วต่ำกว่าจะกลายเป็น "คอขวด" (Bottleneck) ที่ฉุดรั้งประสิทธิภาพโดยรวมของเครื่องอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการเปิดแอปที่ช้าลง การโหลดเกมที่ยาวนาน หรือแม้แต่การบันทึกวิดีโอความละเอียดสูง 4K/8K ที่อาจติดขัดได้
2. ลดปัญหาจุกจิกของผู้ใช้
MicroSD Card แม้จะสะดวก แต่ก็มีประเด็นเรื่อง ความน่าเชื่อถือ ครับ การ์ดอาจเกิดความเสียหาย (corrupted), เสื่อมสภาพ, หรือมีปัญหาในการอ่าน/เขียนข้อมูลได้ง่ายกว่าหน่วยความจำภายในที่ถูกเชื่อมต่อและจัดการโดยตรงกับเมนบอร์ดของโทรศัพท์ เมื่อเกิดปัญหา ผู้ใช้จะประสบกับข้อมูลหาย หรือแอปพลิเคชันที่อยู่บนการ์ดทำงานผิดปกติ ซึ่งส่งผลเสียต่อประสบการณ์โดยรวม และนำไปสู่การร้องเรียนหรือการซ่อมแซม ผู้ผลิตจึงเลือกที่จะควบคุมคุณภาพและประสบการณ์การใช้งานให้สม่ำเสมอที่สุด
3. เพื่อดีไซน์ที่บางเฉียบและกันน้ำกันฝุ่นเลยต้องตัด
การมีช่องใส่ MicroSD Card หมายถึงการต้องมีชิ้นส่วนภายในเพิ่มเติม ซึ่งกิน พื้นที่อันจำกัด ภายในตัวเครื่องสมาร์ทโฟนที่นับวันจะยิ่งบางลงเรื่อยๆ นอกจากนี้ ช่องเสียบการ์ดยังเป็น ช่องโหว่ ที่อาจทำให้น้ำ ฝุ่น หรือสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ภายในตัวเครื่องได้ ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญในการออกแบบสมาร์ทโฟนให้มีคุณสมบัติ กันน้ำกันฝุ่น (IP Rating) ที่สูงขึ้น การตัดช่องนี้ออกไปทำให้ผู้ผลิตสามารถออกแบบตัวเครื่องได้ง่ายขึ้น มีพื้นที่สำหรับส่วนประกอบอื่นๆ เช่น แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ขึ้น หรือระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
4. ตัดช่องใส่เพิ่มความจำในตัวไปเลย
ปฏิเสธไม่ได้ว่าส่วนหนึ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญ เมื่อผู้ใช้ไม่สามารถเพิ่มหน่วยความจำได้เอง ผู้ผลิตก็จะสามารถ กระตุ้นให้ผู้บริโภคเลือกซื้อสมาร์ทโฟนรุ่นที่มีหน่วยความจำภายในสูงกว่า (เช่น 256GB, 512GB, 1TB) ซึ่งแน่นอนว่ามีราคาสูงกว่าและทำกำไรให้กับบริษัทได้ดีกว่า นอกจากนี้ บางแบรนด์ยังพยายามผลักดันให้ผู้ใช้หันไปใช้บริการ Cloud Storage ของตนเอง ซึ่งเป็นการสร้างรายได้ต่อเนื่องจากบริการเสริมอีกด้วย
5. ยุคของ Cloud Storage และการเชื่อมต่อไร้สายสะดวกกว่า
และสุดท้ายการมาของ บริการ Cloud Storage อย่าง Google Photos, Google Drive, iCloud, Dropbox หรือ OneDrive ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ผู้ใช้สามารถสำรองรูปภาพ วิดีโอ เอกสารสำคัญขึ้นคลาวด์ได้ง่ายๆ ผ่านการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ทำให้ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาหน่วยความจำภายนอกอีกต่อไป การเข้าถึงข้อมูลผ่านคลาวด์ยังช่วยให้สามารถเรียกดูไฟล์จากอุปกรณ์ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ ซึ่งมอบความสะดวกสบายที่ MicroSD Card ไม่สามารถให้ได้
การที่สมาร์ทโฟนส่วนใหญ่ไม่รองรับ MicroSD Card แล้วนั้น เป็นผลมาจากหลายปัจจัย ทั้งด้านเทคนิคที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุด การออกแบบที่เน้นความทนทานและฟังก์ชันกันน้ำ ไปจนถึงกลยุทธ์ทางธุรกิจและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปสู่ Cloud Storage แม้บางคนอาจจะยังคิดถึงความยืดหยุ่นของ MicroSD Card แต่ในมุมของผู้ผลิต การตัดสินใจนี้คือการมุ่งเน้นไปที่ประสบการณ์การใช้งานที่เร็วขึ้น เสถียรขึ้น และปลอดภัยยิ่งขึ้นสำหรับผู้บริโภคยุคใหม่นั่นเองครับ