กมธ.ศาสนาฯ วุฒิสภา จ่อคุมพระแชต-วิดีโอคอลสีกา สกัดปัญหา “ลับหู”
เมื่อวันที่ 22 ก.ค. นายวราวุธ ตีระนันทน์ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการด้านศาสนาฯ เปิดเผยว่า ทางคณะกรรมาธิการ ได้ยื่นญัตติขอหารือในที่ประชุมใหญ่ของวุฒิสภา เพื่อวางกรอบแนวทางแก้วิกฤติศรัทธาวงการสงฆ์ ซึ่งนับวันจะยิ่งหนักขึ้นทุกที โดยทางคณะอนุกรรมาธิการการศาสนา ได้รวบรวมข้อมูลและพบว่าจำเป็นต้องมีการ "แก้กฎหมายสงฆ์" ให้เข้มข้นขึ้น, "ควบคุมการใช้อำนาจของผู้ปกครองคณะสงฆ์" และกำหนดบทบาทของ "สำนักงานพระพุทธศาสนา" ให้ชัดเจนในการแก้ไขวิกฤติศรัทธาครั้งนี้
"สิ่งแรกที่คิดว่ากำลังเข้าสู่ขั้นวิกฤติก็คือศรัทธาของชาวพุทธ" นายวราวุธกล่าว และเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการแก้ไข พ.ร.บ.สงฆ์ โดยเฉพาะประเด็น "การจัดการเงินของวัด" ที่จะต้องมีการตรวจสอบอย่างเข้มข้น ทั้งการจำกัดบัญชีเงินฝากของวัด และเพิ่มมาตรการตรวจสอบรายรับรายจ่ายของแต่ละวัด โดยต้องมีทั้งหน่วยงานรัฐและเอกชนร่วมกันตรวจสอบ เพื่อให้พระสงฆ์อยู่ในกรอบที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ และยังต้องคำนึงถึง พ.ร.บ.ส่งเสริมพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะการกวดขันพระเถระชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งกำลังอยู่ในขั้นตอนการหารือแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อนำมาเป็นแนวทางต่อไป
นายวราวุธ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีนักวิชาการเสนอให้มหาเถรสมาคมกำหนดแนวทางเพื่อควบคุมการส่งข้อความและวิดีโอคอลระหว่างพระสงฆ์กับสีกา ซึ่งอาจจะเข้าข่ายการผิดศีลในข้อ “ลับหู” เนื่องจากเป็นการคุยกันสองต่อสอง
"การควบคุมการส่งข้อความผ่านระบบแชตจากแอปพลิเคชันต่างๆ นั้น คิดว่าแม้จะเป็นการแก้ปัญหาปลายเหตุ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยในการควบคุมดูแลพฤติกรรมการใช้แชตหรือส่งข้อความในสื่อโซเชียลของพระสงฆ์ โดยเฉพาะการส่งข้อความไปหาสีกา หรือสีกาจะส่งข้อความมาหาพระสงฆ์ โดยมหาเถรสมาคมจะต้องออกประกาศให้พระภิกษุสงฆ์เคร่งครัดในเรื่องการห้ามอยู่ในที่ลับหูลับตากับสีกาสองต่อสอง และกำหนดแนวทางการแชต-วิดีโอคอลกับสีกาด้วย เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติสำหรับพระและญาติโยม อันจะเป็นมาตรการเชิงป้องกันการคุยแบบลับหูลับตากับสีกาสองต่อสองด้วย สิ่งนี้เป็นอีกหนึ่งมาตรการสำคัญที่จะต้องตรวจสอบ โดยอาศัยกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลข่าวสาร ที่เหลื่อมล้ำหรือก้าวล่วงพระพุทธศาสนา" นายวราวุธ กล่าว
นอกจากนี้ ยังมีการหารือถึงการจัดทำรูปแบบบัญชีรายรับรายจ่ายของวัด หรือการตรวจสอบการฝากเงินและการถือเงินของเจ้าอาวาสที่ไม่ควรจะมีเงินสดเกิน 100,000 บาท ซึ่งถือเป็นมาตรการที่จะต้องนำมาพิจารณาและวางกรอบแนวทางในการป้องกันและการตรวจสอบที่เข้มงวดขึ้น
ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการการศาสนาได้ให้นโยบายให้กรรมาธิการทุกท่านเตรียมข้อมูลในการอภิปรายในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า เพื่อนำข้อมูลและข้อเสนอแนะที่ดีจากสมาชิกวุฒิสภาทุกคนมาเสนอในที่ประชุมใหญ่ และรวบรวมเป็นข้อมูลหลักในการพิจารณาแก้ปัญหาวิกฤติศรัทธาสงฆ์ต่อไป โดยขณะนี้ ทางคณะกรรมาธิการฯ อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลเพื่อเตรียมเรียกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ, สำนักนายกรัฐมนตรี, กฤษฎีกา และตัวแทนมหาเถรสมาคม เข้ามาชี้แจงและหาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกันในลำดับต่อไป.