แฉทรัมป์‘หมกมุ่น’อยากได้รางวัลโนเบลสันติภาพ เพราะโหยหาเกียรติยศ-ริษยาโอบามา-ลิ่วล้อเชลียร์
ระบุปัจจัยทั้งเรื่องความโหยหาในเกียรติยศชื่อเสียงระดับโลก, การตั้งตัวเป็นศัตรูกับโอบามายาวนาน, และการยั่วยุจากคนรอบข้าง อาจเป็นที่มาของความหมกมุ่นต้องการได้รับรางวัลโนเบลสันติภาพของ โดนัลด์ ทรัมป์
เมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา แคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว กล่าวในการแถลงกับพวกผู้สื่อข่าวอย่างโจ่งแจ้งไม่มีกระมิดกระเมี้ยนว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สมควรได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลโนเบลสันติภาพมาตั้งนานแล้ว แน่นอนว่าท่าทีเช่นนี้กระตุ้นให้ฝ่ายตรงข้ามผู้นำสหรัฐฯผู้นี้ ออกมาประชดประชันและแสดงความกังขาทันที
เลวิตต์ อวดผลงานของทรัมป์ว่า นับจากเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 ม.ค. ปีนี้ ประมุชทำเนียบขาวผู้นี้สามารถผลักดันให้เกิดข้อตกลงสันติภาพหรือข้อตกลงหยุดยิงเฉลี่ยแล้วเดือนละฉบับทีเดียว พร้อมยกตัวอย่างการรับหน้าที่คนกลางไกล่เกลี่ยระหว่างอินเดีย-ปากีสถาน ไทย-กัมพูชา อียิปต์-เอธิโอเปีย และกระทั่งกรณีของอิหร่านที่ทรัมป์สั่งกองทัพสหรัฐฯ โจมตีที่ตั้งทางนิวเคลียร์ ซึ่งเลวิตอ้างว่า เป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า การตัดสินใจของผู้นำสหรัฐฯ มีส่วนสำคัญสำหรับสันติภาพของโลก
อย่างไรก็ดี โฆษกทำเนียบขาวผู้นี้ไม่ได้เอ่ยถึงความขัดแย้งในยูเครนที่ทรัมป์ประกาศปาวๆ ว่า จะทำให้จบตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับตำแหน่ง หรือสงครามในกาซาที่ดังระงมไปด้วยเสียงการโจมตีของอิสราเอลด้วยอาวุธที่อเมริกาจัดให้
ผู้รักษาสันติภาพ
ขณะเดียวกัน สำหรับผู้นำต่างประเทศบางคน การกล่าวพาดพิงถึงตัวทรัมป์กับรางวัลใหญ่ระดับโลกรางวัลนี้ กลายเป็นหมากเด็ดทางการทูตในการสร้างความพึงพอใจแก่ทรัมป์ ผู้พยายามไม่หยุดหย่อนในการวาดภาพตัวเองเป็นผู้รักษาสันติภาพ
ปากีสถานและนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ถึงขั้นเสนอชื่อทรัมป์ชิงรางวัลโนเบลสันติภาพ
ระหว่างการประชุมที่ทำเนียบขาวเมื่อต้นเดือนที่แล้ว นักข่าวคนหนึ่งได้ถามประธานาธิบดีไลบีเรีย เซเนกัล มอริเตเนีย กินี-บิสเซา และกาบองว่า ทรัมป์สมควรได้โนเบลไหม ขณะที่เจ้าตัวยิ้มย่องหลังได้ยินคำตอบและบอกว่า “คุยเรื่องนี้ทั้งวันยังได้”
ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์แล้ว ผู้ที่สามารถเสนอชื่อผู้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพต่อคณะกรรมการโนเบล มีอาทิ สมาชิกรัฐสภา รัฐมนตรี ศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยบางคน ผู้ที่เคยได้รับรางวัลนี้ รวมทั้งตัวคณะกรรมการโนเบลสาขาสันติภาพเอง โดยต้องส่งชื่อภายในวันที่ 31 ม.ค. และจะมีการประกาศผลในเดือนต.ค.
ในสหรัฐฯเองนั้น มีกรณีของ อานัต เอลอน-เบค ผู้ช่วยศาสตราจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเคส เวสเทิร์น รีเสิร์ฟ ซึ่ๆกเงเสนอชื่อทรัมป์ต่อคณะกรรมการโนเบลสนติภาพ ที่ประกอบด้วยสมาชิก 5 คนซึ่งได้รับแต่งตั้งโดยรัฐสภานอร์เวย์
เอลอน-เบคที่ถือสัญชาติอิสราเอล-อเมริกัน ยกย่องว่า ทรัมป์มีความเป็นผู้นำอันยอดเยี่ยมและความปราดเปรื่องด้านกลยุทธ์ในการส่งเสริมสันติภาพและการผลักดันให้มีการปล่อยตัวประกันในกาซา
อย่างไรก็ตาม สำหรับอีกหลายคนแล้ว การเสนอมอบรางวัลนี้ให้แก่ผู้ซึ่งกำลังทำให้ระเบียบโลกปั่นป่วนอลหม่าน เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้
เอมมา ชอร์ตทิส นักวิจัยด้านประวัติศาสตร์และการเมืองอเมริกัน เขียนบทความลงในเว็บไซต์บทความ เดอะ คอนเวอร์เซชัน วิจารณ์ว่า การเสนอชื่อทรัมป์ชิงรางวัลโนเบลสันติภาพไม่ต่างกับการส่งหมาป่าไฮยีนาดุร้าย ขึ้นเวทีงานประกวดสุนัข และย้ำว่า “ทรัมป์ไม่คู่ควร”
ตัวทรัมป์เองไม่เห็นด้วยกับการคัดค้านเช่นนี้ “ผมสมควรได้รับ แต่พวกเขาจะไม่มีวันมอบให้ผมหรอก” ทรัมป์บอกกับพวกผู้สื่อข่าวในเดือนกุมภาพันธ์ ขณะเป็นเจ้าภาพต้อนรับเนทันยาฮูที่ทำเนียบขาว
“ไม่หรอก ผมจะไม่ได้รับรางวัลโนเบลสันติภาพไม่ว่าผมจะทำอะไรไปแล้วก็ตาม รวมทั้ง รัสเซีย/ยูเครน และ อิสราเอล/อิหร่าน ไม่ว่าผลลัพธ์ของเรื่องเหล่านี้จะออกมายังไง” ทรัมป์โอดครวญในแพลตฟอร์มสื่อสังคม ทรูธ โซเชียลของเขาเมื่อเดือนมิ.ย. พร้อมประกาศว่า “แต่ประชาชนทราบดี และนั่นคือทั้งหมดที่มีความหมายกับผม!”
ความใฝ่ฝันอันยาวนาน
การ์เร็ต มาร์ติน ศาสตราจารย์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของมหาวิทยาลัยอเมริกา บอกว่า เป็นที่ทราบกันดีว่าทรัมป์นั้นเป็นคนที่ชื่นชอบการได้รับยกย่องและได้รับรางวัลขนาดไหน ดังนั้นจะต้องยินดีมากถ้าได้รับรางวัลใหญ่ระดับนานาชาติขนาดนี้
เขากล่าวต่อไปว่า ตั้งแต่ที่เริ่มต้นเป็นประธานาธิบดี ทรัมป์ก็ตั้งตนเป็นศัตรูกับอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามาจากพรรคเดโมแครต ที่ได้รับโนเบลสันติภาพในปี 2009 หรือหลังจากเข้ารับตำแหน่งได้แค่ 9 เดือน โดยที่เรื่องนี้ถูกฝ่ายต่างๆ ทั่วโลกไม่ใช่น้อยวิจารณ์ว่าไม่เหมาะสม และก็เป็นสิ่งที่ทรัมป์แสดงอาการไม่พอใจมาโดยตลอด
“ถ้าผมมีชื่อว่าโอบามา ผมจะต้องได้รางวัลโนเบลมามอบให้ผมภายในเวลาแค่ 10 วินาที” ทรัมป์กระแนะกระแหนระหว่างการรณงค์หาเสียงเมื่อเดือน ต.ค. 2024
สู้กับแคนดิเดต 338 คน
นอกจากโอบามาแล้ว อเมริกายังมีประธานาธิบดีอีก 3 คนที่เคยได้รับโนเบลสันติภาพ ได้แก่ ธีโอดอร์ รูสเวลต์, วูดโรว์ วิลสัน และจิมมี่ คาร์เตอร์
คณะกรรมการโนเบลยังเคยมอบรางวัลนี้ให้เฮนรี คิสซิงเจอร์ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ในปี 1973 จากความพยายามช่วยยุติสงครามในเวียดนาม ถึงแม้กรณีนี้ก็เจอการวิจารณ์อย่างรุนแรงว่าไม่เหมาะสมเช่นเดียวกัน
ปกติแล้ว รายชื่อผู้ได้รับเสนอชื่อมักปิดเป็นความลับ เว้นแต่ผู้เสนอชื่อจะประกาศเอง แต่จะมีการเปิดเผยจำนวนผู้ได้รับเสนอชื่อ ซึ่งปีนี้มีถึง 338 คน และเว็บไซต์บางแห่งระบุว่า ทรัมป์เป็นตัวเก็งอันดับ 2 รองจากยูเลีย นาวาลนายา ภรรยาม่ายของอเล็กเซ นาวาลนี ผู้นำฝ่ายค้านรัสเซียที่เสียชีวิตปริศนาในเรือนจำแห่งหนึ่งเมื่อปีที่แล้ว
(ที่มา: เอเอฟพี)
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO