เรื่องราวอดีต "สมเด็จพระพันปีหลวง" ทรงเมตตาช่วยชาวเขมรนับแสนชีวิต
5 ส.ค. 2568 ผู้สื่อข่วารายงานว่า เพจ จังหวัด ตาก เผยแพร่เรื่องราวครั้น สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เคยช่วยเหลือชาวกัมพูชานับแสนคนที่อพยพเข้ามาในประเทศไทย ระบุว่า
"พระเมตตาอันไพศาลจากฟ้าสู่แผ่นดิน" ศูนย์ราชการุณย์ โดยสมเด็จพระพันปีหลวง ที่ช่วยเหลือชาวกัมพูชานับแสนคนที่อพยพลี้ภัยสงครามในยุคเขมรแดง : บันทึกประวัติศาสตร์แห่งการช่วยชีวิตโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
"ศูนย์ราชการุณย์สภากาชาดไทย เขาล้าน" เดิมชื่อว่า "ศูนย์สภากาชาดไทย เขาล้าน" เกิดจากพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง องค์สภานายิกาสภากาชาดไทย ที่มีพระราชเสาวนีย์ให้จัดตั้งศูนย์อพยพชาวกัมพูชาที่บ้านเขาล้าน ตำบลไม้รูด อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด
ย้อนกลับไปในระหว่างปี 2522 ชาวกัมพูชาจำนวนมากได้อพยพลี้ภัยสงครามออกมาจากประเทศตนเอง เขาล้าน คือหนึ่งในสถานที่ที่ชาวกัมพูชานับแสนคนได้มารวมตัวกัน เนื่องจากเกิดสงครามภายในกัมพูชาระหว่างกองกำลังเขมรแดงกับกลุ่มต่อต้านฝ่ายต่าง ๆ ยังรุนแรงอยู่มาก และเหตุที่ยังไล่ล่าฆ่ากันแหลกลาญในห้วงนั้นยาวนาน จึงทำให้ราษฎรกัมพูชาก็ดี กำลังติดอาวุธของฝ่ายต่าง ๆ ในกัมพูชาก็ดี ล้วนแต่อดอยาก ลำบากไปทุกฝ่าย อาหารหยูกยาเป็นของหายากยิ่ง ผู้ลี้ภัยจำนวนมหาศาลจึงบ่ายโฉมเดินเท้าอพยพหลบหนีทั้งความยากแค้นและการไล่ล่าฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มาสู่ชายแดนไทยแทบทุกจุด
ในเมื่อ จุดข้ามสันเขาที่อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด เป็นแนวยาวที่มียอดสันปันน้ำไม่สูงชัน จึงเป็นอีกบริเวณที่มีผู้อพยพจำนวนมากจูงลูกอุ้มหลานพยายามเดินทางข้ามพรมแดนเข้ามาหนีภัยในไทย หลายคนรอนแรมอดโซจนผอมเหลือแต่กระดูก ติดโรคไข้จากป่าสารพัน ขาดน้ำดื่ม ขาดสารอาหาร ความยากแค้นเหล่านี้ได้คร่าชีวิตผู้คนมากมายก่อนจะมาถึงชายแดนไทยด้วยซ้ำ
มีเรื่องเล่าว่าแม่ที่อุ้มลูกเล็กกับจูงลูกโตหน่อยเดินทางรอนแรมหลบหนีจากการถูกเขมรแดงตามจับมาเรื่อย ๆ จนหลงทาง น้ำและอาหารก็ไม่มี แม่ผู้พยายามสู้ถึงที่สุดต้องตัดใจลุกออกเดินทั้งน้ำตาในขณะลูกคนที่โตกว่ายังผล็อยหลับอยู่ใต้ร่มไม้ ด้วยหวังว่าเด็กโตคล่องตัวอาจพอมีทางรอดได้ เพราะการกระเตงไปด้วยกันแบบนั้น จะยิ่งถ่วงกันเองแล้วอาจอดตายหรือถูกจับได้ทั้งหมด แม่ผู้ใจสลายตัดสินใจอุ้มลูกเล็กแล้วเดาทางไปหาทางรอดดาบหน้า
เมื่อความทุกข์ทรมานจากภัยสงครามทราบถึงพระเนตรพระกัณฑ์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงในขณะนั้น ในวันที่ 25 พฤษภาคม 2522 นั้น พระองค์รับสั่งให้เตรียมการเดินทาง แล้วเสด็จพระราชดำเนินด้วยเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งไปยังบริเวณชายแดนอำเภอคลองใหญ่ทันที
เครื่องเฮลิคอปเตอร์ยกตัวผ่านแนวยอดไม้สุดท้ายที่ชายทะเลของเขาล้าน ทุกคนจึงเห็นคนนั่งนอนกันอยู่เต็มไปหมดราวฝูงมดตลอดแนวหาด พระองค์ทรงรับสั่งให้นำเครื่องลง แล้วทรงพระดำเนินไปบนหาด
ผู้ตามเสด็จในเหตุการณ์เล่าว่า คนเจ็บคนป่วย แม้แต่คนตายนอนนั่งเรียงรายไปมากมาย แน่นอนว่าห้องสุขาไม่มีและหลายคนเป็นโรคท้องร่วง มีกองขับถ่ายจำนวนมากตามดินทรายในบริเวณนั้น
แต่สมเด็จพระพันปีหลวง ก็ยังทรงพระราชดำเนินเข้าไปตรวจเยี่ยม แตะตัวเด็ก ๆ เพื่อดูสภาพร่างกาย ตรวจอาการไข้และรับสั่งให้หมอหลวง และผู้ตามเสด็จฯ รีบเข้าช่วยเหลือผู้อพยพเหล่านั้นในทันที ใครพกอะไรติดมาก็หยิบยื่นช่วยบรรเทาทุกข์ตรงหน้า เท่าที่แต่ละท่านจะมีติดตัว
แม้แต่สมเด็จพระพันปีหลวง ก็ทรงให้นำกระติกน้ำดื่มส่วนพระองค์ออกมาส่งให้ผู้อพยพที่นอนเจ็บป่วยได้จิบดื่ม เพราะมีอาการขาดน้ำรุนแรง ด้วยทรงมีพระประสบการณ์เลี้ยงดูเด็กและผู้ป่วยเจ็บมาก่อน พระองค์ยังพระราชทานคำแนะนำให้เจ้าหน้าที่ว่า เนื่องจากคนส่วนใหญ่โดยเฉพาะเด็กทารกไม่ได้ดื่มนมมานาน จุลินทรีย์ที่จะใช้ย่อยนมจึงไม่น่าจะมีเหลือในลำไส้แล้ว จึงไม่ควรให้ดื่มนมจนกว่าจะได้รับการฟื้นฟูสภาพร่างกายด้วยน้ำสะอาดไประยะหนึ่งก่อน มิฉะนั้นจะเป็นอันตรายถึงชีวิตต่อทารกได้
จากนั้นทรงให้จัดตั้งหน่วยบรรเทาทุกข์ในนามสภากาชาดไทยขึ้น โดยใช้อุปกรณ์และวัสดุที่พอจัดหามาได้ในพื้นที่ก่อน ทรงให้หาผ้ามาผูกบนหลังคาเต็นท์แล้วทากากบาทสีแดงขนาดใหญ่ให้เห็นได้ง่ายจากที่ไกล ๆ เพื่อประกาศให้ทุกฝ่ายรู้ว่าจุดนี้เป็นพื้นที่กาชาด ที่ควรปลอดจากการถูกโจมตี จากนั้นยังทรงกำหนดประทับแรมในพื้นที่เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้แก่ทั้งผู้อพยพและบรรดาเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่าง ๆ ตลอดจนอาสาสมัครชาวบ้านในพื้นที่ที่เข้ามาช่วยงานกาชาดดูแลเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
ในระยะแรกผู้อพยพทำที่พักอาศัยอยู่ที่ใต้ต้นไม้โดยใช้อุปกรณ์ที่มีอยู่ เช่น ผ้าขาวม้า เป็นเครื่องบังแดดบังฝน ต่อมา ได้รับการแจกผ้าพลาสติกเพื่อใช้เป็นที่บังแดดบังฝน ในระยะต่อมาได้มีการก่อสร้างเพิงเป็นที่พักชั่วคราวทำด้วยไม้ไผ่หลังคา มุงแฝกและใบจาก พร้อมกันนี้ได้สร้างเพิงชั่วคราวเพื่อใช้เป็นที่ทำการในการให้ความช่วยเหลือผู้อพยพ รวมทั้งที่พักและหน่วยพยาบาล
ในเวลาต่อมาจึงได้สร้างอาคารถาวร ประกอบด้วยสถานที่เลี้ยงเด็กกำพร้า โรงฝึกอบรม โรงเรียน และบ้านพัก ศูนย์สภากาชาดไทย แห่งนี้ได้ให้ความอนุเคราะห์ช่วยเหลือชาวกัมพูชาอพยพอยู่ 7 ปีเศษ ได้ปิดลงอย่างเป็นทางการเมื่อ วันที่ 4 กรกฎาคม 2529
ขอบคุณ : เพจ จังหวัด ตาก