ติดเชื้อ"เอชไพโลไร"โค้ชฟิตเนสหนุ่ม ในคลิปเจ๊หงส์ งานเข้า แพทย์ยันชัดระวัง
สะพรึ่งต่อเนื่อง ประเด็น"เจ๊หงส์" หรือ "นายหงต้าเหย่"บุรุษแต่งหญิงที่บันทึกภาพวีดีโอชายมากหน้าหลายตาที่มาร่วมประเวณีกับเธอแล้วนำไปเรียกค่าบริการชมในโลกออนไลน์ จนกลายเป็นประเด็นใหญ่โตอย่างมากบนหน้าข่าวแดนมังกร
ล่าสุด "โค้ชฟิตเนสหนุ่มชาวจีนรายนึง"ที่ตกเป็นเหยื่อครั้งนี้ จากเมืองหนานจิง ได้ออกมาบอกว่าตนเองนั้นติดเชื้อแบคทีเรีย Helicobacter pylori หรือ "เอชไพโลไร" จากเจ๊หงส์ และแพทย์ก็ยืนยันว่า "ติดจริง" งานนี้ ด้านเจ๊แล็บแพนด้า หรือ หมอแล็บแพนด้า ไม่รอช้า ออกมาให้ข้อมูลความรู้ อย่างน่าสนใจที่พึงระวังตัว Helicobacter pylori หรือ "เอชไพโลไร" ตัวนี้เพราะนี่เป็นจุดเริ่มต้น #มะเร็ง?
ซึ่งเชื้อ "เอชไพโลไร" ตัวเนี้ย! สามารถตรวจเจอในน้ำลายของคนที่ติดเชื้อได้ จึงเป็นไปได้ที่เชื้อแพร่ทางนี้ แต่แค่การจูบอย่างเดียวโอกาสติดเชื้ออาจไม่สูงเท่ากับช่องทางอื่น ๆ ไม่ได้จูบแล้วติดทุกคนเสมอไป มันขึ้นอยู่กับปริมาณเชื้อในน้ำลายของอีกฝ่าย ระยะเวลาการจูบ หรือพวกแผลในช่องปาก(แสดงว่าจูบกันดูดดื่ม ดุเดือดอยู่เหมือนกันนะนี่ 5555 เจ๊มันร้าย)
กลไกที่แน่ชัดในการติดต่อ อาจจะยังไม่เป็นที่เข้าใจทั้งหมด แต่ช่องทางการติดต่อ มีประมาณนี้ครับพี่แจ็ค!
- 1. การติดต่อทางปากสู่ปาก (Oral-oral route)
- 2. การติดต่อทางอุจจาระสู่ปาก (Fecal-oral route): "ขี้เข้าปาก" เป็นช่องทางที่พบบ่อยกว่า ถ้าใครเข้าห้องน้ำแล้วล้างมือไม่สะอาด เชื้อก็อาจจะไปปนเปื้อนในอาหารหรือน้ำได้ แล้วเราก็กินเข้าไปโดยไม่รู้ตัว แล้วเข้าสู่ร่างกายทางปากได้ห๊ะ!!! หรือเลียตรงนั้นโดยตรง
- 3. การใช้ช้อนส้อม จาน หรือแปรงสีฟันร่วมกับผู้ติดเชื้อก็ติดต่อกันได้ ส่วนใหญ่แล้วมักจะได้รับเชื้อตั้งแต่เด็กๆ โดยเฉพาะจากคนในครอบครัวที่ติดเชื้อ
พอเชื้อเข้าสู่ร่างกายทางปาก มันก็จะเดินทางไปหาบ้านในฝันของมันที่ชื่อว่า กระเพาะอาหาร แล้วมันจะใช้กลไกดิ้นรน กระเสือกกระสนเอาชีวิตรอดในกระเพาะอาหารที่มีแต่กรดเข้มข้น เช่น
- การเคลื่อนที่ไปหาเกาะกับเซลล์เยื่อบุผิวของกระเพาะอาหารอย่างแน่นหนา กระเพาะบีบตัวยังไงมันก็ไม่หลุด
- จากนั้นมันจะสร้างเอนไซม์ที่ชื่อว่า ยูรีเอส (urease) เพื่อเปลี่ยนยูเรียในกระเพาะอาหาร ให้กลายเป็นแอมโมเนียและคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งแอมโมเนียทำให้ความเป็นกรดรอบๆ ตัวแบคทีเรียเป็นกลาง มันเลยอยู่รอดได้
- แถมมีกลไกหลีกเลี่ยงการถูกทำลายโดยระบบภูมิคุ้มกันได้ด้วย
นอกจากมาอยู่บ้านเราแล้ว มันยังเนรคุณสร้างสารพัดพิษร้ายมาป่วนเซลล์กระเพาะเราอีกครับ เช่น
- CagA : สารตัวนี้เปรียบเสมือนระเบิดเวลาทำให้เซลล์อักเสบเรื้อรัง และที่น่ากลัวคือมันเพิ่มความเสี่ยงให้เซลล์นั้น กลายพันธุ์เป็นมะเร็งได้ในอนาคต!
- VacA : สารนี่ก็ร้ายไม่แพ้กันครับ มันจะทำให้เซลล์กระเพาะเราตาย ทำให้ผนังกระเพาะอ่อนแอลง
พอเจ้า H. pylori มันป่วนในกระเพาะเรานาน ๆ เข้า ก็จะเกิดโรคไม่ดีตามมาครับ ทำให้
- กระเพาะอักเสบเรื้อรัง : อันนี้เบสิกสุด ๆ ครับ ส่วนใหญ่จะเป็นกระเพาะอักเสบเรื้อรังหมดเลย มักจะ "ไม่แสดงอาการ"กว่าจะรู้ตัวก็ตอนเป็นเยอะแล้ว
- แผลในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็ก : อันนี้แหละครับที่ทำให้คนปวดท้องจี๊ด ๆ! เพราะการอักเสบเรื้อรังและสารพิษของ H. pylori ทำให้ผนังกระเพาะและลำไส้เล็กส่วนต้นอ่อนแอลง พอเจอฤทธิ์กรดในกระเพาะ ก็เลยกัดเซาะจนเป็น "แผล" ขึ้นมาได้ไงล่ะครับ
- มะเร็งกระเพาะอาหาร : เจ้าเชื้อก่อการร้าย H. pylori นี่ถูกยกให้เป็น สารก่อมะเร็งชนิดที่ 1 ที่องค์การอนามัยโลกออกหมายจับมันไว้เลยนะครับ โดยเฉพาะสายพันธุ์ที่มี CagA มันจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารขึ้นไปอีกหลายเท่า!
- มะเร็งต่อมน้ำเหลือง MALT ของกระเพาะ : เป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดหนึ่งที่เกิดในกระเพาะ! ซึ่งเกือบทั้งหมดเกิดจาก H. pylori นี่เอง
รู้อย่างนี้แล้ว อย่าลืมรักษาสุขภาพอนามัยกันด้วยนะคร้าบ เจ๊ไปหาเหยื่อต่อก่อนนะ 5555