‘พรรคประชาชน’ ชง 5 ข้อ ‘การต่างประเทศเชิงรุก’ ถึงรัฐบาล
เมื่อวันที่ 30 ก.ค. พรรคประชาชนโพสต์เฟซบุ๊ก ระบุ ข้อเสนอการดำเนินการทางการทูตและการข่าวเชิงรุก จากพรรคประชาชนถึงรัฐบาล หลังจากไทยและกัมพูชามีข้อตกลงหยุดยิงโดยไม่มีเงื่อนไข เมื่อเที่ยงคืนของวันที่ 28 ก.ค.2568 และพบว่ากัมพูชาได้ละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอย่างต่อเนื่องเป็นวันที่สอง โดยนอกจากรัฐบาลกัมพูชาจะยืนกรานว่าไม่ได้ละเมิดข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ยังได้พานักการทูต รวมถึงผู้ช่วยทูตทหารจาก 13 ประเทศ พร้อมสื่อมวลชน เดินทางไปสำรวจพื้นที่ชายแดนฝั่งกัมพูชา
คณะทูตที่เดินทางไป ประกอบด้วยประเทศสมาชิกถาวรคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติถึง 3 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐ จีน และรัสเซีย รวมถึงประเทศอื่นๆ ได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และประเทศสมาชิกอาเซียน ได้แก่ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ลาว เวียดนาม และเมียนมา
แม้ว่ากระทรวงกลาโหมไทยจะระบุว่า มีการเตรียมพาคณะทูตไปตรวจเยี่ยม เพื่อสำรวจความเสียหายที่กัมพูชาทำต่อ 4 จังหวัดชายแดนของไทย อย่างไรก็ดี การที่ไทยปล่อยให้กัมพูชาดำเนินการทางการทูตนำหน้าไปก่อนย่อมสร้างความเสียหายมหาศาลต่อไทยในเวทีโลก เพื่อหลีกเลี่ยงข้อวิจารณ์ว่าได้ทำการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ทั้งยังสามารถนำผู้แทนต่างชาติไปสังเกตการณ์เฉพาะในพื้นที่ที่ตนเองกำหนดไว้ เสี่ยงที่จะทำให้ไทยถูกตั้งคำถามเรื่องความโปร่งใสและอาจลดความชอบธรรมของประเทศไทยในสายตาประชาคมโลก
พรรคประชาชนยืนยันว่าสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา ในรอบนี้ รัฐบาลจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเดินหน้าทั้งในด้านความมั่นคงและการต่างประเทศเชิงรุก ไม่ควรเป็นฝ่ายตั้งรับเท่านั้น เนื่องจากสมรภูมิที่จะเป็นตัวตัดสิน โดยเฉพาะหลังจากมีการบรรลุข้อตกลงหยุดยิง คือสมรภูมิการทูตและการข่าว ดังนั้น ไทยจึงจำเป็นต้องสื่อสารกับประชาคมโลกอย่างต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพ ฉับไว ภายใต้ยุทธศาสตร์ที่ชัดเจน
พรรคประชาชนจึงขอเสนอแนวทาง “การต่างประเทศเชิงรุก” ไปยังรัฐบาลไทย ดังนี้ 1. รัฐบาลไทยต้องไม่ลังเลที่จะให้มาเลเซียในฐานะประธานอาเซียน เข้ามาเป็นคนกลางในการดูแลกระบวนการหยุดยิง โดยไทย กัมพูชา และมาเลเซียควรเร่งจัดทำแนวทางและกำหนดรายละเอียดการทำงานของทีมผู้สังเกตการณ์ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและโปร่งใสกับทุกฝ่าย ไทยยังสามารถแสดงบทบาทนำโดยเป็นผู้ริเริ่มการออกแบบกลไกคณะผู้สังเกตการณ์หยุดยิง ว่าควรประกอบด้วยชาติใดบ้าง จำนวนกี่คน และมีกรอบระยะเวลาปฏิบัติงานกี่วัน แล้วเสนอให้กัมพูชาและมาเลเซียพิจารณา เพื่อแสดงเจตจำนงในการใช้กระบวนการที่เป็นสากลและสันติในการคลี่คลายความขัดแย้ง รวมถึงแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าเราเคารพข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด ซึ่งจะเป็นข้อได้เปรียบอย่างยิ่งต่อสถานะของไทยในเวทีโลก
2. รัฐบาลไทยต้องสื่อสารกับประชาคมระหว่างประเทศในเชิงรุก ยืนยันการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของกัมพูชา พร้อมหลักฐานที่เป็นวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่เพียงการตอบโต้การกล่าวหาของกัมพูชา โดยพิจารณาทุกช่องทาง ทั้งกลไก UN และองค์กรระหว่างประเทศอื่นๆ รวมถึงกลไกระดับทวิภาคีกับประเทศต่างๆ ในภูมิภาค
3. รัฐบาลไทยควรเปิดประเด็นอื่นๆ ต่อประชาคมโลก นอกเหนือจากการปะทะที่ชายแดน เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของผู้นำกัมพูชา เช่น การที่กัมพูชาเป็นฐานปฏิบัติการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์จำนวนมากที่ทำให้เกิดความเสียหายทางการเงินจำนวนมากทั่วโลก ตลอดจนการลอบสังหารนักการเมืองฝ่ายค้านในไทย ซึ่งสื่อต่างชาติได้รายงานและเปิดเผยคลิปเสียงการสั่งการไล่ล่าสังหารฝ่ายค้านของฮุน เซน
4. รัฐบาลไทยต้องจัดตั้งคณะทำงานเพื่อสื่อสารกับสื่อต่างประเทศโดยเฉพาะ โดยอาจประกอบด้วยตัวแทนทั้งจากกระทรวงการต่างประเทศ นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ ทำงานเชิงรุก ไม่ใช่เพียงการแถลงหรือส่งข่าวรายวัน แต่ต้องส่งตัวแทนไปให้สัมภาษณ์ วิเคราะห์ ประเมินสถานการณ์ หรือดีเบตกับตัวแทนของฝั่งกัมพูชา
5. รัฐบาลไทยต้องมีเอกภาพในการสื่อสาร ควรระบุให้ชัดเจนว่าใครเป็นผู้พูดหลัก และให้ข่าวที่จุดเดียว ครบถ้วน รอบด้าน และทันสถานการณ์ การให้ข่าวจากหลายทางจะยิ่งสร้างความสับสนให้กับประชาชน
พรรคประชาชนขอยืนยันว่า สถานการณ์ ณ วันนี้ เราจำเป็นต้องทำงานการทูตและการข่าวเชิงรุกอย่างจริงจัง เพื่อให้สามารถคลี่คลายความขัดแย้งระหว่างสองประเทศ คืนความปกติสุขสู่พี่น้องประชาชนชาวไทยให้ได้โดยเร็วที่สุด.