บ้าเลือด!ทรัมป์ขู่รีดภาษีทองแดง50%-ยา200% อันวาร์แนะอาเซียนรวมพลัง-ลดพึ่งพิงภายนอก
ทรัมป์เล็งขึ้นภาษีศุลกากรจากทองแดงนำเข้าในอัตรา 50% และ 200% สำหรับยา นอกจากนั้นยังขู่เก็บภาษีสมาชิกบริกส์ 10% โดยกล่าวหาลอยๆ ว่า กลุ่มพันธมิตรนี้มีแผนบ่อนทำลายสถานะสกุลเงินโลกของดอลลาร์ ด้านผู้นำมาเลเซียเรียกร้องอาเซียนยกระดับการค้าการลงทุนภายในภูมิภาค เพื่อรับมือโลกยุคใหม่ที่นำเครื่องมือที่เคยใช้สร้างการเติบโตมาเป็นอาวุธประหัตประหารทางภูมิรัฐศาสตร์
วันอังคาร (8 ก.ค.) หรือ 1 วันหลังกดดัน 14 ชาติคู่ค้าด้วยอัตราภาษีศุลกากรตอบโต้เวอร์ชั่นปรับปรุงใหม่ ที่ยังคงสูงลิ่วระหว่าง 25-40% ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรีของเขาที่ทำเนียบขาวว่า อาจเรียกเก็บภาษีศุลกากรอัตรา 50% สำหรับทองแดง ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในการผลิตรถอีวี อาวุธ โครงข่ายพลังงาน และสินค้าอุปโภคบริโภคมากมาย แต่ไม่ได้ระบุชัดเจนว่า จะบังคับใช้เมื่อใด
นอกจากนั้น ทรัมป์ยังขู่รีดภาษียานำเข้าถึง 200% แต่จะชะลอออกไปประมาณ 1 ปีครึ่ง ขณะที่โฮเวิร์ด ลุตนิก รัฐมนตรีพาณิชย์ระบุว่า การสอบสวนเกี่ยวกับยาและเซมิคอนดักเตอร์นำเข้าจากต่างประเทศ จะแล้วเสร็จภายในปลายเดือนนี้ ซึ่งทรัมป์จะนำไปพิจารณาประกอบในการกำหนดอัตราภาษีใหม่ต่อไป
ผู้นำสหรัฐฯ อวดอ้างเช่นเคยว่า มีประเทศมากมายกระตือรือร้นขอเปิดเจรจา ทั้งนี้ เมื่อวันจันทร์ ทรัมป์เพิ่งประกาศขยายเส้นตายการบังคับใช้ภาษีศุลกากรตอบโต้จากเดิมที่ครบกำหนดในวันพุธ (9 ก.ค.) เป็นวันที่ 1 ส.ค.
ทรัมป์สำทับว่า ถึงเวลาแล้วที่จะได้เรียกเก็บเงินจากประเทศต่างๆ ที่เขากล่าวหาว่าเคยปอกลอกอเมริกา ขณะที่สกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลัง เผยว่า วอชิงตันมีรายได้จากภาษีศุลกากรราว 100,000 ล้านดอลลาร์ในขณะนี้ และคาดว่า จะเพิ่มเป็น 300,000 ล้านดอลลาร์ภายในปลายปี เทียบกับราวปีละ 80,000 ล้านดอลลาร์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ประมุขทำเนียบขาวเสริมว่า จะมีการส่งจดหมายแจ้งอัตราภาษีใหม่ไปยังประเทศอื่นๆ อีกอย่างน้อย 7 ประเทศในวันพุธ และสำหรับสหภาพยุโรป (อียู) ภายใน 2 วันนี้
ในส่วนจีนนั้น ทรัมป์กล่าวว่า อเมริกากับจีนมีความสัมพันธ์ที่ดีและมีข้อตกลงการค้าที่เป็นธรรม ก่อนสำทับว่า ตนเองได้คุยกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เป็นประจำ
ทั้งนี้ เมื่อเดือนมิถุนายน วอชิงตันและปักกิ่งยังเพียงแค่ตกลงกรอบการค้ากันในการพักการเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้กันและกันไว้ก่อนจนถึงวันที่ 12 ส.ค.
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ประกาศว่า สมาชิกของกลุ่มบริกส์จะถูกเรียกเก็บภาษีศุลกากรเพิ่ม 10% เร็วๆ นี้ โดยกล่าวหาลอยๆ ว่า กลุ่มพันธมิตรของพวกชาติเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่และชาติกำลังพัฒนากลุ่มนี้มีแผนสร้างความเสียหายให้อเมริกาและบทบาทของดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินสำรองของโลก ซึ่งเขาจะไม่ปล่อยให้เกิดขึ้นเด็ดขาด
ทางด้านประธานาธิบดีลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวาของบราซิลที่เพิ่งเป็นเจ้าภาพจัดประชุมสุดยอดบริกส์เสร็จสิ้นเมื่อวันจันทร์ (7) กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยที่ทรัมป์จะขึ้นภาษีสมาชิกบริกส์ ซึ่งประกอบด้วยบราซิล อินเดีย รัสเซีย จีน แอฟริกาใต้ อิหร่าน อินโดนีเซีย และอีกหลายชาติ
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันจันทร์ พวกผู้นำบริกส์ได้ออกคำแถลงร่วมวิจารณ์นโยบายการค้าและการทหารของอเมริกาทางอ้อม โดยที่ตัว ลูลา ประกาศว่า โลกปัจจุบัน ไม่ต้องการ “จักรพรรดิ”
ทางด้านประเทศคู่ค้าทั่วโลกต่างโอดครวญถึงความยากลำบากในการเจรจากรอบโครงข้อตกลงกับอเมริกา โดยอ้างอิงการประกาศอัตราภาษีใหม่ตามอำเภอใจของทรัมป์
วันพุธ นายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิมของมาเลเซีย กล่าวระหว่างเปิดประชุมประจำปีรัฐมนตรีต่างประเทศสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ว่า โลกกำลังเผชิญยุคที่เครื่องมือที่เคยใช้สร้างการเติบโตถูกนำมาใช้กดดัน โดดเดี่ยว และควบคุม
“ภาษีศุลกากร มาตรการจำกัดการส่งออก และอุปสรรคขัดขวางการลงทุนกลายเป็นเครื่องมือในการต่อสู้ด้านภูมิรัฐศาสตร์” อันวาร์วิจารณ์โดยไม่เอ่ยชื่ออเมริกาโดยตรง
ผู้นำมาเลเซียยังเรียกร้องให้สมาชิกอาเซียนเพิ่มการค้าและการลงทุนภายในภูมิภาค รวมทั้งลดการพึ่งพิงทางยุทธศาสตร์ต่อมหาอำนาจภายนอก และย้ำว่า สถานการณ์นี้ไม่ใช่พายุที่พัดมาแล้วผ่านไป แต่เป็นสภาพภูมิอากาศใหม่ของยุคสมัยนี้
ทั้งนี้ ในกลุ่ม 14 ประเทศแรกที่ทรัมป์ส่งจดหมายแจ้งอัตราภาษีศุลกากรใหม่เมื่อวันจันทร์ ปรากฏว่ามีถึง 6 ประเทศเป็นชาติสมาชิกอาเซียน ได้แก่ ไทยและกัมพูชาที่ถูกขู่รีดภาษี 36%, อินโดนีเซีย 32%, มาเลเซีย 25% และ 40% สำหรับลาวและพม่า
ขณะเดียวกัน เต็งกู ซัฟรูล อาซิส รัฐมนตรีพาณิชย์มาเลเซีย ให้สัมภาษณ์ในงานประชุมรอยเตอร์ เน็กซ์ เอเชียที่สิงคโปร์เมื่อวันพุธว่า มาเลเซียไม่มีแผนตอบโต้อเมริกา แต่จะเดินหน้าเจรจาต่อ
อย่างไรก็ตาม เขายืนยันว่า มาเลเซียจะไม่ยอมประนีประนอมในประเด็นที่ส่งผลต่อผลประโยชน์และอธิปไตยของชาติ ซึ่งเป็นการพาดพิงถึงข้อเรียกร้องของอเมริกาเกี่ยวกับนโยบายและกฎหมายในส่วนการจัดซื้อของภาครัฐ การรับรองมาตรฐานฮาลาล มาตรฐานทางการแพทย์ และภาษีดิจิทัล
ในงานประชุมเดียวกันนั้น แครอล ฟง ประธานบริหารซีจีเอส อินเตอร์เนชันแนล ซีเคียวริตี้ส์ กรุ๊ป ตั้งข้อสังเกตว่า ตลาดการเงินทั่วโลกในสัปดาห์นี้ไม่ตื่นเต้นตกใจกับการตัดสินใจเรื่องภาษีของทรัมป์อีกต่อไป และสถานการณ์การค้าที่ไม่แน่นอนนี้ยังกระตุ้นให้บริษัทจีนจำนวนมากขึ้นเคลื่อนย้ายทรัพยากรมายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
(ที่มา: รอยเตอร์/เอพี/เอเอฟพี)
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO