“ประเสริฐ”เผยออกกฎกระทรวงฯ คืนเงินเหยื่อแก็งคอลเซ็นเตอร์คาดมีผลบังคับใช้ ส.ค.นี้
เมื่อวันที่ 26 ก.ค.นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาล ได้ให้ความสำคัญกับการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ ซึ่งมีผลกระทบต่อประชาชนเป็นอย่างมาก โดยปัจจุบัน พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 และพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 มีผลบังคับใช้แล้วเมื่อวันที่ 13 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังดำเนินการกำหนดมาตรการเพื่อให้เป็นไปตาม พ.ร.ก. ทั้ง 2 ฉบับ
ทั้งนี้ที่ประชุมที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยกระทรวงดีอี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งพิจารณาในด้านของการเยียวยาผู้เสียหายที่ได้รับผลกระทบ ด้วยการคืนเงินที่สามารถยึดหรืออายัดมาได้จากมิจฉาชีพที่กระทำผิด ภายหลังผลการพิจารณาคดีของศาลถึงที่สุดแล้ว โดยมอบหมายให้ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เป็นผู้พิจารณาร่างกฎกระทรวงการคืนเงินให้แก่ผู้เสียหายจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ ….ขึ้นมารองรับ คาดว่าจะแล้วเสร็จและประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้มีผลบังคับใช้ได้ภายในเดือน ส.ค.นี้
นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า สำหรับในส่วนของรายละเอียดกฎกระทรวงฉบับดังกล่าว ประกอบด้วย การกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข รายละเอียด , การพิจารณาคืนเงินหรือสินทรัพย์ดิจิทัล หรือชดใช้เงินคืนให้แก่ผู้เสียหายของคณะกรรมการธุรกรรม การแจ้งสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลแพ่ง , กำหนดวิธีการคืนเงิน หรือชดใช้คืนให้แก่ผู้เสียหาย ,กรณีผู้เสียหายได้ใช้สิทธิยื่นคำร้องต่อศาลแพ่ง โดยต้องแจ้งให้ ปปง. รอผลการพิจารณาของศาลจนกว่าคดีจะถึงที่สุด , การจัดทำบัญชีการนำเงินคืนให้แก่ผู้เสียหายไว้เป็นฐานข้อมูล และการเก็บรักษาและจัดการเงิน กรณีไม่มีผู้เสียหายหรืออยู่ระหว่างการใช้สิทธิยื่นคำร้องต่อศาลแพ่ง และรอผลการพิจารณาคดีของศาล เป็นต้น
“ในอดีตที่ผ่านมา การคืนเงินผู้เสียหายต้องรอคำสั่งศาล หรือ คดีถึงที่สุดก่อน แต่เมื่อ พ.ร.ก.ทั้งสองฉบับออกมา ทาง ปปง.จึงเร่งร่างกฎกระทรางออกมา เพื่อให้สอดรับกับ พ.ร.ก. ทั้ง สองฉบับซึ่งใกล้เสร็จแล้ว โดยจะมีคณะกรรมการด้านธุรกรรมการเงิน ของ ปปง. จะเป็นผู้พิจารณาในเรื่องคืนเงินได้เลย แต่ผู้เสียหายต้องมายื่นเรื่องแจ้งความจำนงค์ และมีการพิสูจน์ทราบว่าเป็นผู้เสียหายจากวงเงินที่ทางปปง.อายัดไว้ได้จริง ซึ่งตอนนี้ได้พยายามเร่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับ พ.ร.ก. ทั้งสองฉบับดังกล่าว เร่งออกกฎหมายรองออกมาเพื่อให้การแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์มีประสิทธิภาพมากขึ้น” นายประเสริฐ กล่าว
อย่างไรก็ตามสำหรับการแก้ปัญหาบัญชีม้า เร่งอายัด ตัดตอนการโอนเงินผลการดำเนินงานถึง 30 มิ.ย.68 ศูนย์ AOC ระงับบัญชีชั่วคราว จำนวน 440,347 บัญชี ปปง. ทำการอายัดบัญชีไปแล้วจำนวน 476,046 บัญชี (ณ วันที่ 21 ก.ค.68) รวม 916,393 บัญชี ขณะที่มาตรการจัดการบัญชีสินทรัพย์ดิจิทัล ในเดือนมิ.ย. – ก.ค.ร68 ผู้ประกอบการสินทรัพย์ดิจิทัล ได้ระงับบัญชีม้าแล้วประมาณ 29,000 บัญชี รวมมูลค่า 186 ล้านบาท