ไทย โต้เดือด! สวน “กัมพูชา”ไม่มีการยิง-กระสุนตกใกล้ปราสาทพระวิหาร
ไทย โต้เดือด! สวน "กัมพูชา" กล่าวหาสร้างความเสียหายปราสาทพระวิหาร ชี้ ห่าง 2 กม. เป็นไปไม่ได้ เตรียมยื่นหนังสือชี้แจง UNSC ลั่น ละเมิดศีลธรรมขั้นพื้นฐานของความเป็นมนุษย์
นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงถึงสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา โดยยืนยันว่าเหตุปะทะที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค. 2568 นั้น ฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้เริ่มเปิดฉากโจมตีก่อน ขณะนี้ยังคงมีการปะทะประปรายในพื้นที่แนวชายแดนหลายจังหวัด โดยเฉพาะใน จ.ศรีสะเกษ และ จ.สุรินทร์
ไทยได้เริ่มปฏิบัติการเก็บกู้วัตถุระเบิดที่ตกค้างในพื้นที่สาธารณะ เช่น บริเวณปั๊มน้ำมันในอำเภอกันทรลักษณ์ เพื่อความปลอดภัยของประชาชน พร้อมเน้นย้ำว่าไทยดำเนินการทุกอย่างตามหลักกฎหมาย ระหว่างประเทศ และใช้สิทธิป้องกันตนเองภายใต้กฎบัตรสหประชาชาติ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาละเมิดสิทธิมนุษยชน ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ และศีลธรรมขั้นพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ ที่ไม่อาจยอมรับได้ โดยเหตุปะทะยังเกิดขึ้นกระจายในจังหวัดศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี พร้อมเร่งอพยพประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยงอย่างเร่งด่วน
นายนิกรเดช กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงวัฒนธรรมและวิจิตรศิลป์ของกัมพูชาออกแถลงการณ์กล่าวหากองทัพไทยว่า โจมตีจนสร้างความเสียหายแก่ปราสาทเขาพระวิหารว่า เป็นข้อกล่าวหาที่ "ไร้มูลความจริง" เนื่องจากจุดปะทะเกิดขึ้นที่ห้วยตามาเรียและภูมะเขือ ซึ่งอยู่ห่างจากตัวปราสาทถึง 2 กิโลเมตร
ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า ไม่มีการยิงหรือกระสุนตกใกล้ตัวปราสาทโดยตรง และหลังจากนี้ไทยจะจัดทำหนังสือชี้แจงอย่างเป็นทางการต่อองค์การยูเนสโก้ รวมถึงตอบโต้ข้อกล่าวหาต่อประชาคมโลก
กระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า ได้ส่งหนังสือประท้วงไปยังรัฐบาลกัมพูชาแล้ว พร้อมทั้งลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตเบื้องต้น และยื่นหนังสือถึงเลขาธิการสหประชาชาติ (UN) เพื่อแจ้งสถานการณ์อย่างเป็นทางการ
ขณะเดียวกัน เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ได้ยื่นหนังสือถึงประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) จากประเทศปากีสถาน เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง และขอให้เวียนเอกสารดังกล่าวให้สมาชิก UNSC ทั้ง 15 ประเทศทราบโดยทั่วกัน
ส่วนความเป็นไปได้ที่กัมพูชาจะนำประเด็นนี้เข้าสู่การพิจารณาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) นายนิกรเดช ระบุว่า “เป็นอีกประเด็นหนึ่ง ไม่เกี่ยวกับ UNSC และแม้ไทยจะไม่ได้รับอำนาจของศาลโลก แต่ก็เตรียมการด้านกฎหมายไว้ อย่างรัดกุม มีที่ปรึกษานักกฎหมายระหว่างประเทศหลายคนที่ทำงานร่วมกับกรมสนธิสัญญาอย่างละเอียด พร้อมย้ำด้วยว่า การปะทะนี้ คือ ปัญหาระดับรัฐ ไม่ใช่ความขัดแย้งระหว่างประชาชนไทยกับประชาชนกัมพูชา และขอให้ทั้งสองฝ่าย แยกแยะเรื่องนี้อย่างมีสติ ประเทศไทยยังคงยึดมั่นในหลักสันติวิธีและการแก้ไขข้อพิพาทอย่างสันติ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook: https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews