ก.ล.ต.ปรับเกณฑ์กองทุน ESG-ต่างประเทศ เพิ่มความยืดหยุ่น-ทางเลือกลงทุน
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ออกประกาศปรับปรุงหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thailand ESG Fund: Thai ESG) และหลักเกณฑ์เกี่ยวกับคุณสมบัติกองทุนรวมต่างประเทศที่กองทุนรวมไทยสามารถลงทุนได้ โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการดำเนินงานของกองทุนรวม รองรับพัฒนาการของผลิตภัณฑ์ทางการเงิน และเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนสามารถเข้าถึงการลงทุนในผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น
สาระสำคัญของการปรับปรุงเกณฑ์แบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่(1) หลักเกณฑ์เกี่ยวกับ Thai ESG
1.1เปิดทางให้กองทุน Thai ESG สามารถลงทุนในโทเคนดิจิทัลที่อยู่ในกลุ่มความยั่งยืนได้ โดยต้องสอดคล้องกับเกณฑ์การเสนอขายโทเคนดิจิทัลกลุ่มนี้ และเป็นไปตามหลักเกณฑ์การลงทุนของกองทุนรวมทั่วไป รวมถึงกองทุนรวมที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี
1.2ปรับคุณสมบัติของผู้ประเมินด้านสิ่งแวดล้อมหรือความยั่งยืนให้ยืดหยุ่นขึ้น โดยต้องเปิดเผยอย่างน้อยถึงหลักการ (methodology) ที่ใช้ในการประเมินหรือจัดทำดัชนี ESG
1.3ยกเว้นข้อบังคับด้านการบริหารสภาพคล่องสำหรับกองทุน Thai ESG ที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ ซึ่งมีข้อกำหนดด้านระยะเวลาถือครอง ทำให้ความเสี่ยงด้านสภาพคล่องอยู่ในระดับต่ำ ทั้งนี้ครอบคลุมถึงกองทุน Thai ESGX ด้วย
(2) หลักเกณฑ์เกี่ยวกับกองทุนต่างประเทศที่กองทุนรวมไทยสามารถลงทุนได้
2.1ขยายคุณสมบัติของกองทุนรวมต่างประเทศ (CIS) ให้รวมถึงกองทุนที่หน่วยงานกำกับดูแลด้านหลักทรัพย์ของประเทศนั้นไม่ได้กำกับดูแลผู้บริหารกองทุน (CIS operator) โดยตรง แต่มีการออกและเสนอขายภายใต้การกำกับของหน่วยงานกำกับดูแลที่เป็นสมาชิกของ IOSCO และตลาดหลักทรัพย์ที่เป็นสมาชิกของ World Federation of Exchanges
2.2กองทุนเหล่านี้ยังต้องมีคุณสมบัติอื่นตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ยกเว้นเฉพาะข้อกำหนดเกี่ยวกับ CIS operator
สำหรับการปรับเกณฑ์ดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมธุรกิจที่เน้นความยั่งยืน เพิ่มผลิตภัณฑ์ที่สามารถลงทุนผ่าน Thai ESG และ Thai ESGX และเพิ่มทางเลือกในการลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศให้ผู้ลงทุนไทยเข้าถึงโอกาสในระดับสากลได้มากขึ้น
ทั้งนี้การออกประกาศดังกล่าวได้เผยแพร่ในราชกิจจานุเบกษาและมีผลใช้บังคับแล้วตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป