ตร.ภาค 7 แถลงปิดจ๊อบ แจ้งข้อหาหนัก "รัฐ-เอกชน" คดีคานปูนพระราม 2 ถล่ม 6 ศพ
ตร.ภาค 7 แถลงปิดจ๊อบ แจ้งข้อหา วิศวกรคุมงาน-เจ้าหน้าที่รัฐ-เอกชน 4 กลุ่มข้อหาหนัก คดีคานปูนถนนพระราม 2 ถล่ม ดับ 6 ศพ บาดเจ็บหลายราย
วันที่ 5 ส.ค. 68 เวลา 14.30 น. ณ ห้องโถงอาคารที่ทำการตำรวจภูธรภาค 7 ชั้น 1 อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.อุทัย กวินเดชาธร รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 รับผิดชอบฝ่ายกฎหมายและสอบสวน พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธีระเดช อธิภัคกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร , พ.ต.อ.ภคิน ศิวเมธากุล รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร และ พ.ต.อ.พิเชษฐ์พงศ์ แจ้งค้ายคม ผู้กำกับการ สถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรสาคร แถลงข่าวความคืบหน้าและปิดคดี คานปูนและเครนก่อสร้างถนนยกระดับบนถนนพระราม 2 ถล่มทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บหลายราย เหตุเกิดเมื่อ วันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา
พล.ต.ต.อุทัย กวินเดชาธร รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เผยว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าว ได้เกิดเหตุคานปูนและเครนก่อสร้างถนนยกระดับบนถนนพระราม 2 ของโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข 82 สายทางยกระดับบางขุนเทียน -บ้านแพ้ว ช่วงเอกชัย - บ้านแพ้ว ตอน 1 ช่วง กม.21+600 เขตพื้นที่หมู่ 1 และหมู่ 2 ตำบลคอกกระบือ อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร หล่นจากที่ติดตั้งลงมาเป็นเหตุให้มีคนงานรับบาดเจ็บและเสียชีวิต จำนวน 6 ศพ ประกอบด้วย 1.นายอภิวัฒน์ พะพันทาง อายุ 30 ปี สัญชาติไทย เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 2. นายเอ หรือ AYAR อายุ 37 ปี เสียชีวิตที่ รพ.สมุทรสาคร 3.นายสุทัศน์ บุญเรื่อง อายุ 31 ปี สัญชาติไทย เสียชีวิตที่ รพ.มหาชัย 1 4.นายชิต โกโก เมียนมา เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 5.นายเพียว โก โก เมียนมา เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 6.นายอ่อง เทียน เท เมียนมา เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ
และมีผู้บาดเจ็บ รักษาตัวอยู่ใน รพ.สมุทรสาคร จำนวน 4 ราย ประกอบด้วย 1.นายนัน อายุ 24 ปี เมียนมา 2.นายเบ อายุ 34 ปี เมียนมา 3.นายวรยศ อายุ 25 ปี 4.นายพสิน อายุ 19 ปี และรักษาที่ รพ.เอกชัย จำนวน 1 ราย คือนายพงษ์ศักดิ์ อายุ 35 ปี รักษาที่ รพ.วิชัยเวชสมุทรสาคร จำนวน 1 ราย คือนายทรงวุฒิ อายุ 18 ปี ผู้บาดเจ็บที่แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านจำนวน 3 ราย ประกอบด้วย 1.นายสอย อายุ 20 ปี ถลอกที่ศีรษะ 2.นางสาวเมตู อายุ 32 ปี เป็นลม 3.นายอองซอ อายุ 31 ปี ถลอกร่างกาย สรุป เสียชีวิต 6 ศพ (คนไทย 2 ต่างด้าว 4) บาดเจ็บ 9 (คนไทย 4 ต่างด้าว 5)
โดยเหตุการณ์ดังกล่าว พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กำหนดให้ผู้บังคับบัญชาส่งเสริม สนับสนุน และแก้ไขปัญหางานสอบสวนอันเป็นการอำนวยความยุติธรรมทางอาญา ให้ตำรวจเป็นที่พึ่งพิงของประชาชนอย่างแท้จริง ตำรวจภูธรภาค 7 โดยการนำของ พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้มีความเห็นว่า เหตุดังกล่าวนี้ได้เกิดขึ้นซ้ำมาหลายครั้งแล้วและมีผลกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชน ต่อเศรษฐกิจของประเทศในวงกว้าง จึงได้เร่งรัด กำชับ การสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ ประสิทธิผลโดยมีผลสรุป ผลการสอบสวนได้แยกดำเนินคดีแบ่งเป็น 4 กลุ่ม คือ
กลุ่มที่ 1 กลุ่มอาญา บุคคลธรรมดา ส่งพนักงานอัยการดำเนินคดี ฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ได้รับบาดเจ็บสาหัส และถึงแก่ความตาย ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 ,มาตรา 300 , มาตรา 390 ฐาน เป็นผู้มีวิชาชีพในการออกแบบ ควบคุม หรือทำการก่อสร้าง ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของผู้ประกอบวิชาชีพ เป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 227, มาตรา 238 ดำเนินคดีกับ 1. วิศวกรผู้ควบคุมงาน 2. นายช่างฯ ผู้ควบคุมงานของกรมทางหลวง 3. หัวหน้าคนงาน
กลุ่มที่ 2 กลุ่มอาญานิติบุคคล บริษัท ฯ ผู้รับเหมาที่เป็นนิติบุคคล ซึ่งเป็นคู่สัญญากับรัฐ และบริษัท ฯ ผู้รับจ้างช่วง ฐานเป็นผู้กระทำความผิดในทางอาญา ส่งพนักงานอัยการดำเนินคดี
ฐาน กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ได้รับบาดเจ็บสาหัส และถึงแก่ความตาย ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 ,มาตรา 300 , มาตรา 390 ฐานเป็นผู้มีวิชาชีพในการออกแบบ ควบคุม หรือทำการก่อสร้าง ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของผู้ประกอบวิชาชีพ เป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 227, มาตรา 238
พระราชบัญญัติอาชีวอนามัยฯ พระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว ฯ ดำเนินคดีกับ 1. บริษัทผู้รับจ้างหลัก และ 2.ผู้รับจ้างช่วง
กลุ่มที่ 3 กลุ่มความผิดเกี่ยวกับการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของเจ้าพนักงาน (เจ้าหน้าที่ของรัฐ) ส่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช. ) ดำเนินการในอำนาจหน้าที่ต่อไป ฐานผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2 หมื่นบาทถึง 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐาน เป็นผู้มีวิชาชีพในการออกแบบ ควบคุม หรือทำการก่อสร้าง ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของผู้ประกอบวิชาชีพ เป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 227, มาตรา 238 ดำเนินคดีกับ หัวหน้าผู้รับผิดชอบควบคุมโครงการที่เกิดเหตุของ กรมทางหลวง
กลุ่มที่ 4 กลุ่มผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานกระทำความผิด คือ บริษัท ฯ ผู้รับเหมาที่เป็นนิติบุคคล ซึ่งเป็นคู่สัญญากับรัฐ และบริษัท ฯ ผู้รับจ้างช่วง ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานให้กระทำความผิด ส่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช. ) ดำเนินการในอำนาจหน้าที่ต่อไป
โดยแจ้งข้อหาฐาน ผู้ใดเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2 หมื่นบาทถึง 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบ มาตรา 86 ผู้ใดกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิดก่อนหรือขณะกระทำความผิด แม้ผู้กระทำความผิดจะมิได้รู้ถึงการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกนั้นก็ตาม ผู้นั้นเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด ต้องระวางโทษสองในสามส่วนของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดที่สนับสนุนนั้น ดำเนินคดีกับ 1. บริษัทผู้รับจ้างหลัก 2. บริษัทผู้รับจ้างช่วง
พล.ต.ต.อุทัย กวินเดชาธร รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 กล่าวอีกว่า ในส่วนของญาติผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บหากยังไม่พึงพอใจในการเยียวยาและชดใช้ก็สามารถฟ้องร้องเอาผิดในคดีทางแพ่งได้ ซึ่งตอนนี้ก็รอการสรุปสำนวนจากเราก็คือคดีทางอาญาต้นทางซึ่งได้เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว
ส่วนกรณีนี้ถือว่าเป็นคดีแรกที่มีการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดเนื่องจากส่วนใหญ่พบว่าย้อนกลับไปดูสำนวนจากเหตุที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งจะมีการดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำความผิดและเสียชีวิต และอ้างว่าเป็นความประมาทของผู้ตายก็ทำให้คดีนั้นจบลง แต่ในครั้งนี้ถือว่าเป็นการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐซึ่งมีความละเลยและเพิกเฉยในกรณีดังกล่าวไปด้วย ซึ่งเราได้มีการดำเนินคดีมาตั้งแต่ต้นน้ำกลางน้ำและปลายน้ำ เพื่อที่จะหาข้อเท็จจริงโดยมีการรวบรวมข้อมูลจากหลายหน่วยงานทั้งวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นการดำเนินการทางด้านวิชาการเป็นหลักเพื่อที่จะไม่ให้เกิดกรณีการปล่อยประละเลยจนกระทั่งเกิดเหตุน่าเศร้าเช่นนี้อีก
"ผมเชื่อว่าการดำเนินคดีครั้งนี้จะเป็นมาตรฐานใหม่ในการกำหนดบทบาทหน้าที่ของผู้มีส่วนรับผิดชอบในโครงการทั้งภาครัฐเอกชนซึ่งเรายังพบว่า คู่สัญญาได้มีการส่งงานไปให้ผู้รับเหมารายอื่นต่อเนื่องซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถทำได้ กระบวนการเหล่านี้จะต้องได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังซึ่งขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการเข้มงวดกับมาตรการต่างๆในการก่อสร้างถนนและทางยกระดับในเส้นทางพระราม 2 โดยคดีนี้จะเป็นคดีตัวอย่างที่จะต้องนำมาใช้เป็นต้นแบบในการดำเนินคดีกับความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต" รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 กล่าวปิดท้าย.
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ตร.ภาค 7 แถลงปิดจ๊อบ แจ้งข้อหาหนัก "รัฐ-เอกชน" คดีคานปูนพระราม 2 ถล่ม 6 ศพ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ตัวแทนสภาองค์กรของผู้บริโภค หารือสภาทนายความ เอาผิดเหตุสะพานพระราม 2 ถล่ม
- การจราจรติดขัดบางช่วง คนเผื่อเวลาเดินทาง-ใช้ทางเลี่ยงจุดสะพานถล่ม พระราม 2
- เปิดใช้ด่าน "ดาวคะนอง" ซ่อม 24 ชั่วโมง ทางด่วนขาออกที่เสียหาย
- เปิดแล้ว "ด่านดาวคะนอง" ฝั่งขาเข้า จนท. เคลียร์การจราจร-อำนวยความสะดวก
- สภาผู้บริโภค รุกฟ้องทางด่วน ถกสภาทนาย เชือดกราวรูด เอกชน-รมว.
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath